ภายในห้อง บนเตียงใหญ่ โจงเฉียวเฉียวอดทนรอไม่ไหวอยากที่จะถอดเสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเองออก
เสื้อชีฟองเพิ่งถูกถอดออกไป หลังจากเผยให้เห็นชุดชั้นในเค้าโครงสีเหลืองทองลายลูกไม้ ผมเกาะกุมสะโพกของเธอด้วยมือทั้งสองข้างของผม จากนั้นกอดเธออย่างแนบแน่นบนร่างกายของผม
ขณะนี้ ผมถึงขั้นสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่มีความกังวลแฝงอยู่
“เฉียวเฉียว บอกผมก่อนว่านี่มันเรื่องอะไร ผมรู้จักคุณดี ดังนั้นผมรู้ว่าในใจคุณนั้นจะต้องมีเรื่อง”
โจงเฉียวเฉียวยังไม่เอ่ยปากออกมา เพียงแค่มองผมด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
นานพอสมควร ภายในดวงตากลมโตที่ส่องประกายคู่นั้นของเธอ ค่อยๆปรากฏรอยน้ำตาขึ้นมา
ผมไม่ชอบผู้หญิงร้องไห้ ดังนั้นผมตรงเข้าไปจูบปากเล็กๆที่แสนเซ็กซี่นั้นของเธอ ตรวจสอบประเมินริมฝีปากบางอ่อนนุ่มคู่นั้น และใช้ลิ้นตรงเข้าไปสำรวจเพิ่มเติมในปากของเธอ
ผ่านไปหลายนาที โจงเฉียวเฉียวหายใจหนักหน่วงขึ้นจากการโดนผมปั่นหัว ค่อยๆมีการตอบสนองของความปรารถนาออกมา
พอมาถึงตอนนี้ ผมถึงหยุดดำเนินการ จากนั้นค่อยๆลูบคลำหลังหยกที่เรียบลื่นของเธอ
“เฉียวเฉียว บอกผมหน่อย ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
จากการกอดจูบลูบคลำและผ่อนคลายของผม โจงเฉียวเฉียวก็เปิดปากออกมา
“โรงพยาบาลของพวกฉันเกิดอุบัติเหตุด้านการรักษาพยาบาล คุณเคยได้ยินมาบ้างหรือเปล่า?”
โจงเฉียวเฉียวนั้นทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชน ซึ่งวันก่อนหรือก็คือเมื่อวานนั่นเอง ผมเคยได้ยินมาก่อนจากJason ว่าตอนนี้โรงพยาบาลประชาชนนั้นกำลังประสบปัญหาการใช้ความรุนแรงกับบุคลากรทางการแพทย์ แต่ว่าตัวผมนั้นไม่ได้สนใจอะไร จนถึงตอนนี้ ผมถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้อีกครั้ง
“ทำไมเหรอ เป็นคุณ?!”
ผมตกใจมาก
โจงเฉียวเฉียวส่ายหัวยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “ไม่ใช่ฉันหรอก เป็นด้ายลี่ม่าว……”
ตามที่เธอได้บอกผมนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องอุบัติเหตุด้านการรักษาพยาบาลนั้น ด้ายลี่ม่าวก็เอาแต่อยู่บ้านดื่มเหล้าเมา พอตื่นขึ้นมาก็จะเอาเบ็ดตกปลาไปตกปลาที่แม่น้ำ คนเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเลอะเทอะไร้สาระ โชคยังดีที่หลังจากเมาหนักยังไม่เกิดเรื่องตกตีทำร้ายภรรยาอะไรแบบนั้น
“อย่างนั้นเรื่องนี้ที่จริงแล้วเกี่ยวกับด้ายลี่ม่าวหรือเปล่า แล้วเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร?”
“กับเขา……เกี่ยวข้องแน่นอน เรื่องการแพ้ตามใบสั่งแพทย์ และมีเรื่องที่เขาเขียนใบสั่งยาโดยไม่ได้คำนึงอาการแพ้ยา ที่จริงแล้วการแพ้ยาเองก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่ว่าคนไข้เกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นก็เลย……ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกฉันได้จ่ายเงินชดเชยบางส่วนให้ไปแล้ว เรื่องนี้จบไป เขาถูกโรงพยาบาลไล่ออกแล้ว และถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์”
เงินก็ชดเชยไป เรื่องก็เรียบร้อย ตามความจริงนั่นก็คือจบแล้ว แต่วันนี้โจงเฉียวเฉียวนั้นแสดงออกมาชัดเจนมากว่ามาหาผมเพราะมีเรื่อง หรือว่า อยากจะให้ผมช่วยนำใบอนุญาตประกอบอาชีพกลับคืนมา? ผมจะไปมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง
ผมไม่ได้พูดอะไร มองโจงเฉียวเฉียวอย่างพิจารณาเงียบๆ
เธอเข้าใจความหมายของผมคืออะไร จึงเอ่ยปากพูดออกมา: “ฉันไม่อยากเห็นเขาจมอยู่กับความเศร้าต่อไป ดังนั้นฉันอยากขอให้คุณช่วย คุณรู้จักเพื่อนเยอะ ฉันเลยอยากจะให้คุณช่วยหางานให้เขาสักอย่าง ไม่จำเป็นต้องเป็นอาชีพแพทย์ งานอย่างอื่นก็ได้เหมือนกัน”
แน่นอนว่าคงไม่สามารถทำอาชีพแพทย์ได้ต่อไป ถึงว่าเขาจะยังมีใบอนุญาตประกอบอาชีพอยู่ในมือ ผมก็คงไม่สามารถหาวิธีให้เขาที่เป็นหมอรักษาคนตายไปทำร้ายคนอื่นอีกหรอกนะ
ค่อยๆนวดคลึงความอวบอิ่มที่อยู่หน้าอกนั้นของโจงเฉียวเฉียว “คุณนี่คือเพื่อด้ายลี่ม่าว ดังนั้นเลยเป็นฝ่ายเสนอตัวให้กับผม อย่างนั้นเหรอ?”
โจงเฉียวเฉียวส่ายหน้าไม่หยุด “ไม่ใช่นะ ฉัน……”
ไม่ให้โอกาสเธอได้อธิบายมากกว่านี้อีกต่อไป ผมหยิบมือถือออกมา หลังจากครุ่นคิด โทรศัพท์ติดต่อดี๋ชิงโถง หวังว่าเธอจะสามารถจัดหางานให้ได้
ดี๋ชิงโถงตอบรับอย่างมีความสุข รับโทรศัพท์ของผมรวดเร็วมาก ประสิทธิภาพในการทำงานสูงมาก
“อย่างนี่จะมาหาฉันเมื่อไหร่ล่ะ เหมือนว่าพวกเราจะไม่เคยจะทำอย่างจริงจังเลยนะ คุณจะยอมให้ฉันได้ชิมว่าคุณมีรสชาติยังไงใช่ไหม?”
ดี๋ชิงโถงแหย่ผมเล่นทางโทรศัพท์
ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นแบบนี้ สุภาพบุรุษทั้งหลายกระตุ้นผู้หญิง อยากที่จะได้ปลดปล่อยระบายออกมาบนร่างกายของผู้หญิง พวกผู้หญิงนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องคิดแบบนั้นเสมอไป ความแตกต่างก็คือ พวกเรานั้นเป็นฝ่ายกระตุ้น พวกเธอนั้นเป็นฝ่ายถูกกระตุ้น และสักพักพวกเธอก็จะปลดปล่อยออกมา อย่างนั้นก็จะเป็นเหมือนดี๋ชิงโถงในตอนนี้ อดทนไม่ไหวอยากให้กระตุ้น
“ไว้วันหลังนะ ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย และตอนนี้ยังอยู่กับเพื่อน”
ดี๋ชิงโถงเข้าใจความหมายของผม จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์อย่างมีความสุข
วางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียง ผมมองไปที่โจงเฉียวเฉียวที่ร่างกายเปลือยเปล่าไม่มีใส่อะไรเลยสักชิ้นเดียว
“เป็นพนักงานสำนักงานทั่วไป ทดลองงานสามเดือน หลังจากสามเดือนก็จะขึ้นตำแหน่งให้เขาเป็นหัวหน้าแผนก จะสามารถขยับเข้าไปอีกได้หรือไม่ก็ขึ้นกับความสามารถของเขาเองแล้ว และที่อยู่ที่ทำงานอยู่ในนี้”
พูดเสร็จ ผมก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมา
เตรียมที่จะใส่เสื้อผ้าตอนนั้นเอง โจงเฉียวเฉียวก็ตรงเข้ามากอดผม จากนั้นก็ผลักผมไปบนเตียงอย่างรุนแรง
เธอจูบผมอย่างดุเดือดหื่นกระหาย และยิ่งไปกว่านั้นมือเล็กที่อ่อนนุ่มสวยงามนั้นค่อยๆลูบไล้ ค่อยๆนวดคลึง แต่ว่ามีความรีบร้อน เหมือนที่ดินอันรกร้างแห้งแล้งที่รอคอยการมาของสายฝน
“เฉียวเฉียว ขอเพียงแค่เป็นเรื่องของคุณ แค่พูดออกมาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
“ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แบบนั้น……”
ในระหว่างหายใจแผ่วเบา โจงเฉียวเฉียวเองก็ไม่ได้อธิบายเจาะจงอะไรออกมาอีก จากนั้นก็นั่งขึ้นไปอย่างรุนแรง
ชั่วขณะนั้น มีเสียงร้องมีเสน่ห์ที่เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจปรากฏออกมาจากหน้าอกของเธอ
จากนั้น นั่งบนร่างกายของผม เธอเป็นฝ่ายขึ้นไปนั่งยองๆเอง หน้าอกที่เต่งตึงอวบอิ่มสั่นสะท้าน……
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอนอนลงข้างกายของผม หายใจหอบต่อเนื่อง บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
เธอไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว แม้ผมยังไม่มีความรู้สึก เธอก็ยอมแพ้ไปที่เรียบร้อย
“เฉินเฟิง ฉันชอบทำเรื่องแบบนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำกับคุณแล้ว ฉันก็ชอบที่จะทำเรื่องอย่างว่านี้ แต่พอหลังจากที่อยู่ด้วยกันกับด้ายลี่ม่าวแล้ว ฉันเพิ่งจะเข้าใจว่าฉันทำเรื่องพวกนี้นั่นเป็นเพราะว่าฉันชอบที่จะทำร่วมกับคุณ เขาไม่ได้ ทุกครั้งเขาอยู่ได้เพียงไม่กี่นาที ฉันเพิ่งที่จะมีความรู้สึกเอง เขาก็เสร็จไปเรียบร้อยแล้ว”
“ดังนั้นฉันคิดถึงคุณเอามากๆ ฉันอยากจะทำเรื่องแบบนี้กับคุณ ฉันเองก็อยากจะทำเรื่องอย่างว่า วันนี้พวกเราได้อยู่ด้วยกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาเลย เพียงแค่ฉันคิดถึงคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ……”
โจงเฉียวเฉียวพูดออกมามากมาย และแววก็เป็นปกติมาก ผมเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง
ดังนั้น ผมเลยตัดสินใจจะมอบความสวยงามที่สมบูรณ์มากขึ้นไปอีกให้กับเธอ
พลิกร่างกายที่อ่อนโยนมีเสน่ห์ของเธอมาที่เตียง จากนั้นผมก็เอนตัวไปด้านหน้า ให้เธอแยกขาทั้งคู่ออกอย่างรุนแรง ดึงจนมีท่าทางเหมือนฉีกขาร้อยแปดสิบองศา
“เจ็บเจ็บเจ็บ”
ชัดเจนว่าด้านหลังนั้นเจ็บปวดมาก ไม่มีการกอดจูบลูบคลำและสังหรณ์ใจใดๆ ผมยึดตัวเข้าไปใกล้ ‘ปั๊ก’จมหายไปข้างในร่างกายที่อ่อนนุ่มมีเสน่ห์ของเธออย่างรุนแรง……
ขณะที่ตั้งใจควบคุมจังหวะ เวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่าเต็มๆ ศึกนี้จบลงด้วยเสียงอ้อนวอนของโจงเฉียวเฉียวและเสียงร้องครางอย่างสุขสมผสมปนเปกัน
นอนตะแคงบนเตียงใหญ่ มือเล็กที่อ่อนนุ่มยังคงเกาะกุมส่วนล่างอย่างดุร้าย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“เจ็บมากหรือเปล่า?”
โจงเฉียวเฉียวพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าไม่เอาแล้ว”
โจงเฉียวเฉียวส่ายหน้าต่อเนื่อง “ไม่ได้ ฉันยอมรับความเจ็บแบบนี้ได้ ฉันชอบความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มแบบนั้น”
ค่อยๆเล่นกับร่างกายนุ่มนิ่มของเธอ จากนั้นผมจูบเข้าไปที่ความอวบอิ่มกลมกลึงนั้น ใช้มือทั้งคู่หยอกล้อบริเวณขาเรียวยาวสวยเต่งตึงคู่นั้น
ขณะที่เอาใจและนวดคลึงอยู่นั้น โจงเฉียวเฉียวปรากฏเสียงร้องครางออกมาอีกครั้ง และผมยึดสะโพกเอาไว้ ขณะที่เสียงปฏิเสธของเธอกำลังจะเปล่งออก ครอบงำร่างกายภายในของเธออย่างอิสระมั่วซั่วอีกครั้ง……
เวลาช่วงบ่ายที่พวกเราจะออกจากเมืองนี้ ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว
ระหว่างทางแวะจุดแวะพักพวกเราหาอะไรมากิน โจงเฉียวเฉียวเหมือนจะไม่ค่อยกล้าเดิน ตลอดการเดินทางนั้นเป็นผมที่ช่วยประคอง
เวลาหนึ่งทุ่มพวกเราก็กลับมาเมืองที่เราอยู่ หลังจากที่ผมจูบเธออย่างเร่าร้อน ขณะที่เธอเตรียมจะลงจากรถ ผมก็ดึงเธอล้มคว่ำมานั่งบนเก้าอี้ในรถอีกครั้ง
“อย่า เฉินเฟิงอย่า คาดว่าด้ายลี่ม่าวใกล้จะกลับมาแล้ว อย่าให้เขาเจอเข้า!”
ผมจะไปสนใจใครจะกลับมาทำไม ตอนนี้ผมนั้นสนใจแต่ร่างกายที่อ่อนนุ่มบอบบางของเธอ
ดังนั้นผมจึงจู่โจมเข้าไปถอดกางเกงของเธอออก จากนั้นอุ้มมานั่งที่บนขา ปะทะสวนเข้าไปอย่างรุนแรงที่ร่างกายอันบอบบางสวยงามของเธอ
ท่ามกลางความเจ็บปวดนั้นนำพาเสียงครางแห่งความสุขออกมา ทำให้ผมลุ่มหลงและมัวเมา……