ด้วยสถานะของนายหญิงตระกูลเหยา พวกเขาไม่อาจเผชิญหน้ากับซือโย่วได้อยู่แล้ว
เว้นเสียแต่ว่า พวกเขาไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ก อีกต่อไป ยิ่งความตั้งใจของผู้อาวุโสฉินแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการมอบอำนาจของตระกูลฉินให้กับฉินเซาเฟิงและคนอื่น ๆ ที่อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน
แม้จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเหยา ทว่าเหยาซื่อไม่อาจวางใจได้ง่าย ๆ
“หลังจากที่กลับไปแล้ว ให้เสี่ยวชิงคอยตามติดคุณดีกว่านะ อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนเลยนะ?”
ซือโย่วหน้าแดงพยักหน้าอย่างชาญฉลาด
เหยาซื่อและซือโย่วอยู่ในสวนแห่งความฝันเป็นเวลาสามวัน ในวันที่สี่พวกเขากลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก เหยาซื่อสัญญากับซือโย่วว่าจะพาเธอมาอีกในครั้งหน้า ถ้าเธออยากมาพักผ่อน
“พรุ่งนี้วันจันทร์ ฉันจะได้กลับไปทำงานแล้วใช่ไหมคะ?” ซือโย่วโบกมืออย่างตื่นเต้น
“อืมใช่”
“ช่วงบ่าย ถ้ากลับไปในเมือง ฉันขอออกไปซื้อของจะได้ไหมคะ?”ซือโย่วถาม
“คุณอยากไปไหนล่ะ ผมจะไปกับคุณ”
ซือโย่วปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้า “ฉันอยากไปหาเหยาเหยาน่ะ วันนี้ฉันไม่ได้รับสายเธอเลย ฉันคิดถึงเธอมากเลยล่ะ…”
พวกเขาไม่ได้ไปช้อปปิ้งด้วยกันนานแล้ว แม้ว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันที่บริษัทอยู่แล้ว แต่ซือโย่วยังอยากออกไปเจอเธอก่อน
“อีกอย่างจอฟฟี่กลับมานานแล้ว เรายังไม่ได้เจอกันเลย ว่าจะออกไปเจอกันสักหน่อย”
เหยาซื่อเลิกคิ้ว “จอฟฟี่เหรอ?” เจ้าของบาร์นั่นล่ะสิ “ไม่ได้ คุณเป็นผู้หญิงจะอยู่กับผู้ชายคนอื่นมากเกินไปได้ยังไง!”
ซือโย่วพูดไม่ออก จับข้องไปที่เหยาซื่อ “ได้โปรดเถอะน่า เขาชอบผู้ชาย โอเคไหม? คุณจะมาจำกัดการคบเพื่อนต่างเพศของฉันแบบนี้ไม่ได้นะ!”
เหยาซื่อปิดปากเงียบทันทีและไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาแค่ล้อเล่น เธอคงได้โกรธจริงแน่ ถ้าเขายังไม่หยุดเล่นอีก
หลังจากกลับไปที่บ้านตระกูลเหยา ซือโย่วกระโดดลงจากรถทันทีและวิ่งไปหาเจียงเฟยอี้ที่กำลังดื่มชากับลุงหลี่ เสี่ยวชิงกำลังนั่งอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่น
“สวัสดีค่ะ หนูกลับมาแล้วค่ะ” ซือโย่วเดินไปหาเสี่ยวชิงด้วยท่าทีเป็นมิตรพร้อมกับยื่นของขวัญให้กับเธอ
“ของฝากให้คุณ!”
หลังจากที่ซือโย่วกลับมาถึงบ้าน เธอได้เอาของฝากไปให้กับทุกคนในครอบครัว บ้านทั้งบ้านก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาก
“โอ้ ดอกไม้ขอย่า คิดถึงเหลือเกิน”
คุณย่าและหลานสะใภ้กอดและหอมแก้มกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสี่ยวชิงมองดูซือโย่วที่ทำตัวเป็นเด็ก ทำให้เธออารมณ์ดีและหัวเราะออกมา
เหยาซื่อโทรหาจงอี้ บอกให้เขารู้ล่วงหน้า เรื่องที่ซือโย่วจะไปหาซูเหยาเหยา
วันนี้เหมือนจะมีปัญหาที่บริษัท ทำให้เหยาซื่อพักอยู่บ้านได้เพียงครู่ แล้วตรงไปยังบริษัททันที
ซือโย่วและเสี่ยวชิงพูดคุย เกี่ยวกับการนัดหมายของเธอกับซูเหยาเหยาที่บาร์ของเฉียวเฟย 4 โมงเย็น
“ตอนนี้เพิ่งจะ 2 โมง…” ซือโย่วมองนาฬิกาบนผนัง “ไปซื้อของกันก่อนได้ไหม”
ในแต่ละวันซือโย่วมักจะฟังที่เหยาซื่อ คอยเล่าเรื่องของเสี่ยวชิงให้เธอฟัง เธอจึงค่อย ๆ ซึมซับว่าเสี่ยวชิงช่างไร้เดียงสา
หลังจากกลับมาที่บ้าน ซือโย่วจึงมองว่าเสี่ยวชิงเป็นน้องสาวของเธออีกคน เหยาซื่อยังบอกอีกว่าเสี่ยวชิงเป็นคนที่น่าเชื่อถือได้เสมอ
เสี่ยวชิงเคยชินกับความไม่แยแส เธอไม่ชอบเล่นกับคนอื่น เธอมักจะเย็นชาและแข็งกร้าวต่อทุกสิ่ง ทว่าเธอต้องถูกซือโย่วลากไปลากมา ทำในสิ่งที่เธอไม่ถนัด แต่เธอไม่มีทางอื่น นอกจากทำตามซือโย่ว
หลังจากมาถึงห้างสรรพสินค้า ซือโย่วมองไปที่เสี่ยวชิง ผิวขาวไร้เครื่องสำอาง ใบหน้าสวยมีเสน่ห์ราวกับพระเอกในนิยาย ผมตรงสีดำมัดไว้ที่ด้านหลังศีรษะ สวมชุดกีฬาเรียบ ๆ หลวม ๆ
เสี่ยวชิงนั้นเรียบง่ายเสมอ ซือโย่วเดินไปเดินมารอบ ๆ ตัวเสี่ยวชิงสองสามรอบ พร้อมกับคิดอะไรบางขึ้นมาได้
“มาเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กันเถอะ!”
หลังจากอยู่บ้านมาหนึ่งเดือน ซือโย่วต้องการทำผมและซื้อเสื้อผ้าใหม่
“คุณต้องสวยและมีเสน่ห์มากแน่ ๆ ในชุดนี้ เชื่อฉันสิ”
ขณะที่เธอพึมพำ เธอหยิบกระโปรงส่งให้กับเสี่ยวชิง เสี่ยงชิงมองไปที่กระโปรงลูกไม้ รวมไปถึงชุดเปลือยหลังยาวถึงต้นขา!
เสี่ยวชิงรู้สึกเขินอาย เธอต้องการออกจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด ทว่ากลับถูกซือโย่วดึงเธอไว้แน่น
เธอร่างกายกำยำเกินกว่าจะใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยโชว์กล้ามเนื้อได้ ถ้าปู่ของเธอมาเห็นเขา เธอคงได้อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเป็นแน่
ซือโย่วกำลังจะพาเสี่ยวชิงไปลองเครื่องสำอางและเสื้อผ้า
“พอแค่นั้นแหละ!”
หลังจากเลือกอยู่นาน ซือโย่วหยิบกระโปรงสีฟ้าออกมาให้เสี่ยวชิง กระโปรงยาวสีฟ้าไร้ลวดลาย แต่งแต้มด้วยริบบิ้นสีชมพูพันไว้รอบ ๆ พร้อมกับยื่นรองเท้าส้นสูงสีเทาเงิน โดยไม่คำนึงว่าจะถูกอีกฝ่ายคัดค้าน เสี่ยวชิงถูกเธอผลักเข้าไปในห้องลองเสื้อ
หลังจากที่เสี่ยวชิงลองชุดแล้ว ซือโย่วเดินไปรอบ ๆ รู้สึกว่าเสื้อผ้าชุดนี้ยังไม่เหมาะกับเธอ ร้านนี่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน เสื้อผ้าในร้านเป็นสไตล์ที่ซือโย่วชอบ ทว่าไม่มีชุดไหนเข้าตาซือโย่วเลย พนักงานเข้าใจว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงหยิบชุดกระโปรงสีดำเดินออกมาหาพวกเขาทันที
ชุดนั้นทำจากผ้าไหม ทอสลับระหว่างสีดำสนิทและสีดำจาง ๆ รูปแบบของชุดเป็นแบบเรียบ ๆ กระโปรงทรงเอเข้ารูป
“นี่เป็นชุดล่าสุดของทางร้านเราเลยค่ะ ยังไม่ได้เอาออกมาแขวน” พนักงานขายอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ซือโย่วตัวไม่สูงมากนัก ทว่าผิวของเธอขาวสว่าง อีกทั้งไม่ค่อยชอบสวมเสื้อผ้าสีดำ เธอชอบเสื้อผ้าที่สดใสและมีชีวิตชีวา แต่ชุดนี้ดูดีมาก ซือโย่วมองอยู่สองสามครั้ง พร้อมกับเล็งไปที่ราคาบนป้าย
“สามหมื่นแปดพันเหรอ!” ซือโย่วอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา พระเจ้า เธอไม่ได้สังเกตราคาเลย นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาที่ร้านนี้!
ซือโย่วแตะบัตรเครดิตที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ อย่างมากก็มีเงินเพียง 50,000 หยวน เธอเคยทำงานอย่างหนักและต้องประหยัด หลังจากที่ซื้อเสื้อผ้าให้กับเสี่ยวชิง เธอใช้เงินไปเกือบหมด ซือโย่วมองไปที่ชุดกระโปรงสีดำอย่างเสียดาย พร้อมกับส่ายหน้า
“งั้น เก็บชุดนี้ไว้ให้ฉันก่อนได้ไหมคะ วันนี้ฉันมีเงินมาไม่พอ…”
ซือโย่วอธิบายแบบอาย ๆ ก่อนจะคืนชุดนี้ให้กับพนักงาน
“ได้คะ คุณผู้หญิง ตอนนี้ท้านเหลือชุดนี้เพียงชิ้นเดียว กรุณามาซื้อก่อนที่คนอื่นจะซื้อไปด้วยนะคะ”
พนักงานขายแจ้งกับซือโย่วด้วยท่าทีน้อมนอบ
“ฉันรับชุดนี้ค่ะ”
ทันทีที่พนักงานขายพูดจบ มืออวบอ้วนยื่นมาหยิบชุดนั้น
ซือโย่วสะดุ้งหันกลับไปยังต้นเสียง ด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ
ซ่งเหม่ยหรงและนายหญิงคนที่สองแห่งตระกูลฉิน พาฉินอู้มาซื้อของพร้อมกับฉินเซวียงลู่ ลูกสาวนอกสมรสของฉินเซาเฟิง
นายหญิงคนที่สองแห่งตระกูลฉินมองไปที่เสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง ในขณะที่หยิบมันมาทาบบนตัวของฉินอู้ เธอพบว่าเสื้อผ้าตัวดังกล่าวออกจะใหญ่เกินไปนสำหรับฉินอู้ที่ยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย เขาไม่สูงนักและดูเหมือนเด็ก ม.ต้น จะให้ใส่ชุดแบบนี้ได้อย่างไรกัน