ซือโย่วมองคนทั้งสี่ที่ยืนอยู่ต่อหน้าอย่างเย็นชา ฉินอู้ดึงแขนเสื้อของแม่ตนเอง มองกลับไปมาระหว่างแม่และซือโย่วด้วยความลำบากใจ
ซือโย่วไม่สนใจสายตาของฉินอู้ และจ้องไปที่ฉินเซวียงลู่
ในระหว่างที่ผู้อาวุโสไปที่บ้านของแม่เธอทุกวัน โดยไม่ได้ใส่ใจกับลูกนอกสมรสของฉินเซาเฟิงเลย
เดิมทีฉินเซาเฟิงคิดว่าชายชราจะขับไล่พวกเขาออกจากบ้าน แต่เขากลับไม่สนใจเด็กพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับความรักจากชายชรา แต่ตราบใดที่เขาไม่คัดค้าน ก็ทำให้ฉินเซาเฟิงรู้สึกมั่นคง
ซ่งเหม่ยหรงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเฝ้าดูเด็กทั้งสามคนที่ปักหลักอยู่ในตระกูลฉิน ตราบใดที่ฉินเซาเฟิงไม่พาผู้หญิงเหล่านั้นกลับมาและคุกคามตำแหน่งนายหญิงตระกูลฉินแล้วล่ะก็ เธอสามารถเมินเฉยได้
ฉินเซวียงลู่ปากหวานและรู้จักพูด เธอประจบประแจงคนในบ้าน เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในบ้านอย่างมีความสุข ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกซ่งเหมยหรงไล่ออกจากบ้านเป็นแน่
แม้ว่าฉินเซวียงลู่จะประจบประแจงซ่งเหมยหรงเพียงใด เธอไม่เคยได้อยู่ในสายตา ทว่าวันนี้เพื่อสร้างความอับอายให้กับซือโย่ว ซ่งเหมยหรงจึงทำดีกับเธอ ช่วยเธอถือกระเป๋า และให้แล้วไปลองชุด
แน่นอนว่าซือโย่วรู้ดีว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขามีความสุขกับการหลอกตัวเองอยู่อย่างนั้น เธอจึงไม่ใส่ใจและยอมให้ฉินเซวียงลู่ได้ลองชุด ฉินเซวียงลู่ตัวสูงกว่าซือโย่วมาก เธอค่อนข้างไหล่กว้าง แค่มองก็รู้แล้วว่าเธอไม่สามารถสวมชุดนั้นได้
“ฮ่าฮ่า พวกคนโง่”
ซือโย่วหัวเราะเยาะและไม่สนใจคนเหล่านี้ เธอไม่ใช่คนที่จะยึดติดกับเสื้อผ้า แต่ตระกูลฉินกำลังทำให้เธออับอาย เธอจะกล้ำกลืนเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
เพียงคิดถึงว่าจะแก้แค้นพวกเขาอย่างไรดี ดวงตรของซือโย่วเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ผู้ช่วยร้านเสื้อผ้าอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
“คุณผู้หญิงคะ เรามีเสื้อผ้าแบบนี้ในร้านอีก อยากเข้าไปดูไหมคะ”
นายหญิงคนที่สองของตระกูลฉินตะโกนออกไปว่า “ยังจะอะไรอีก กับคนที่ไม่มีเงินจะซื้อ”
ตอนนั้นเธอและคนในตระกูลฉินได้ยินที่ซือโย่วพูดทั้งหมด เธอไม่มีเงินพอ หึ คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่านายหญิงคนโปรดของตระกูลเหยา มีเงินไม่พอใช้
สีหน้าของซือโย่วมืดลง
ในเวลานี้ฉินเซวียงลู่เปลี่ยนชุดออกมาแล้ว เธอตัวใหญ่เกินกว่าจะรูดซิปหลังได้
ซ่งเหมยหรงช่วยเธอรูดซิปขึ้นอย่างแรงสองสามครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ซือโย่วไม่ได้ซ่อนรอยยิ้มของเธอไว้เลย ทำเอานายหญิงคนที่สองของตระกูลฉินปวดใจ “ถ้าเหวินเหวินของฉันอยู่นะ เธอต้องสวมชุดนี้ได้อย่างแน่นอน”
สุดท้ายแล้วซือโย่วไม่ได้ยื่นฟ้องฉินเหวิน เพราะอย่างไรศาลก็จะตัดสินว่าฉินเหวินสติไม่ดี แม้ว่าหล่อนจะไม่ต้องติดคุก แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชไปนานสักเพียงใด ทำให้นายหญิงคนที่สองของตระกูลฉินแสดงความไม่พอใจในตัวของซือโย่วออกมาอย่างชัดเจน
“แม่คะ หยุดพูดเถอะคะ…” ฉินอู้เป็นกังวล พยายามรั้งแม่ของตนเองไว้ แม้ว่าฉินอู้จะยังเด็ก ทว่าเธอเป็นคนสงบเสงี่ยม และฉลาด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉินเซากวางถึงได้รักลูกสาวคนนี้นัก
“คุณผู้หญิงคะ พวกคุณลองชุดนั้นนานแล้ว หากไม่รับ ดิฉันต้องขอชุดคืนด้วยค่ะ” พนักงานขายกล่าว
จู่ ๆ ผู้ช่วยร้านก็เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าในคนเหล่านั้นไม่มีใครที่เหมาะกับชุดนั้นเลย ยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะซื้อหรือเปล่า พนักขายรูดการ์ดและส่งชุดให้กับซือโย่ว
“ใครบอกว่าชุดนั้นเป็นของเธอ ไม่มีเงินไม่ใช่หรือไง! ฉันก็เพิ่งบอกไปว่าจะเอาชุดนั้น อะนี่พนักงาน เอาการ์ดไปรูดซะ!”
พนักงานขายต่างตะลึงอธิบายให้พวกเธอรู้ด้วยเสียงเบา ๆ ว่าชุดนี้ซือโย่วได้ชำระเงินไปแล้ว ทำให้หลายคนต่างมองหน้ากับและพูดไม่ออก
ฉินเซวียงลู่ถอดชุดนั้นออกอย่างไม่เต็มใจและส่งมันให้กบซือโย่ว ทั้งที่สายตาแลไปมองซ่งเหมยหรง
เมื่อซือโย่วรับชุด ซิบที่อยู่ด้านหลังชุดก็ตกลงมาสู่พื้น
ทุกคนต่างตกใจโดยเฉพาะพนักงานขาย ยังไงซะชุดนี้ถือเป็นสมบัติของทางร้าน แล้วชื่อเสียงของร้านละ จะจัดการอย่างไร?
ซือโย่วไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้า สายตาย้ายไปจับจ้องที่ฉินเซวียงลู่ “เธอลองชุดของฉันได้ไร้มารยาทมาก”
ฉินเซวียงลู่พูดตะกุกตะกัก ซ่งเหมยหรงดึงหล่อนไปไว้ข้างหลัง และตะโกนใส่ซือโย่ว
“ไร้สาระ! ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเสื้อผ้าพวกนี้มันไม่มีคุณภาพ”
ซือโย่วรู้สึกลำบากใจที่ต้องรับชุดผ้าไหมลายเรียบเส้นสวยไว้ในมือ ซิปที่ถูกฉินเซวียงลู่ทำแตกและช่องด้ายบางส่วนที่ปริออก
“ใครบอก! ตอนที่ฉันลองมันยังดี ๆ อยู่เลย จะลองชุดไม่รู้จักดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง อ้วนเหมือนวัว รูดซิปไม่ขึ้น ก็ยังฝืนดังมันอีก”
ซือโย่วโกรธและพูดใส่คนหน้าตระกูลฉินเพราะต้องการให้พวกเขาชดใช้ให้กับร้าน
“ไปให้พ้นนะ!” นายหญิงตระกูลฉินคนที่สองคว้าตัวซือโย่วอย่างแรง เธอแทบจะหมดเรี่ยวแรง แขนเปื้อนไปด้วยรอยแดงอย่างรวดเร็ว
“ทำลายชุดของฉันแล้วคิดจะหนีหรือไง! ไม่คิดว่าคุณผู้หญิงที่ร่ำรวยจะไม่มีเงินชดเชยชุดให้กับฉัน” นายหญิงคนที่สองของตระกูลฉินใบหน้าซีดเผือดและแดง เธอเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและงก เธอไม่สนใจที่จะซื้อชุดให้ตัวเองเสียด้วยซ้ำ ส่วนฉินเซวียงลู่ที่เป็นคนทำชุดพัง เธอไม่มีปัญหาที่จ่ายเงินชดใช้เสียด้วยซ้ำ
ฉินเซวียงลู่มองซ่งเหมยหรงด้วยความลำบากใจ ฉินเซาเฟิงดีกับเธอ แต่เงินที่เธอได้รับก็เพียงแค่ใช้เดือนต่อเดือน อีกทางซ่งเหมยหรงไม่ต้องการเป็นตัวนำของความอยุติธรรมในครั้งนี้ ทว่าเป็นเพราะเธอเป็นคนชักจูงฉินเซวียงลู่ให้ลองชุดนั้น หากจะทิ้งให้เธอพบเจอกับสภาพเช่นนี้ อาจทำให้ตระกูลฉินเสียหน้าได้
ขณะที่นายหญิงคนที่สองของตระกูลฉินคว้าแขนของซือโย่วอย่างแรง กระทั่งเธอเจ็บปวด ฉินอู้พยายามดึงรั้งเธอให้ปล่อยมือด้วยความกังวล
เสี่ยวชิงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเพิ่งจะเสร็จเดินออกมา เธอไม่เคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้ เธอเดินอย่างไม่มั่นคง ทว่าสวยงาม
เสี่ยวชิงจ้องมองไปที่พนักงานโดยไม่สนใจ ทว่าเธอพบว่ามีใครบางคนกล้าจับตัวนายหญิงไว้!
เสี่ยวชิงก้าวไปบนร้องเท้าส้นสูงถึงแปดเซนติเมตร เธอยกขาขึ้นเตะคุณผู้หญิงคนที่สองล้มลงกับพื้น ซือโย่วเผชิญหน้ากับซ่งเหมยหรง ในขณะที่สายตาเจ้าหล่อนจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของเสี่ยวชิงจนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
เมื่อกี้มันอะไรกัน!
ซือโย่วโบกข้อมือเพื่อไล่ความเจ็บปวด เธอเดินไปอยู่ด้านหลังเสี่ยวชิงอย่างรวดเร็ว
“นี่นะ! พวกเขาไม่ยอมชดใช้เงินที่ทำให้เสื้อผ้าของฉันพัง!”
เสี่ยวชิงตัวสูงและทรงพลัง เธอจ้องมองไปยังซ่งเหมยหรงและฉินเซวียงลู่ เดินเข้าไปหาพวกเธอทีละก้าว ฉินเซวียงลู่ไม่เคยพบกับความน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน เธอกลัวกระทั่งพูดอะไรไม่ออก แต่ซ่งเหมยหรงยังคงปฏิเสธที่จะชดใช้
ตำแหน่งของเธอในฐานะนายหญิงของตระกูลฉินจะถูกหยามได้อย่างไร พวกนี้จะทำอะไรกับเธอได้งั้นหรือ? เธอน่ะเป็นถึงนายหญิงคนแรกของตระกูลฉินเลยนะ!