“พูดเรื่องเหล่านี้ไปจะมีประโยชน์อันใด? จะเอาผิดข้าก็เอาหลักฐานมา!” ฮองเฮาหัวเราะเย็นชา แววย่ามใจพาดผ่านดวงตา ขังอวิ๋นเฟยไว้ในตำหนักเย็นนานขนาดนี้ ก็ยังหาร่องรอยหลักฐานไม่เจอ นางแทบจะเดาได้เลยว่าอวิ๋นฉี่หลัวมีจุดจบน่าอนาถขนาดไหน!
“หลักฐาน? หลักฐาน…ก็คือถุงหอมหรูอี้ใบนั้น!” อวิ๋นฉี่หลัวพลันลุกพรวด ร้องเสียงดัง
ซูหลีพลันใจหายอีกครั้ง รีบกล่าวปลอบเสียงเบา “พระสนมอย่าเพิ่งร้อนพระทัยไปเพคะ ลองคิดดูดีๆ อีกครั้ง ยังมีหลักฐานอื่นอีกหรือไม่?”
อวิ๋นฉี่หลัวเดินวนไปวนมาอยู่ในตำหนัก ปากก็พึมพำว่า “ถุงหอม ถุงหอมถูกนางเอาไปแล้ว…” นางพลันชะงักเท้า กล่าวอย่างนึกขึ้นได้ “ใช่แล้ว ข้ายังมีวัสดุที่เหลือใช้อยู่เล็กน้อย!”
ฮองเฮาอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้มอย่างดูแคลน “อวิ๋นฉี่หลัว เจ้าคงสติเลอะเลือนอีกแล้วกระมัง?! ถุงหอมผ้าต่วนหรูอี้เจ้าเป็นคนทำเองกับมือ มีวัสดุหลงเหลืออยู่ย่อมเป็นเรื่องปกติ จะใช้เป็นหลักฐานได้เยี่ยงไร?”
อวิ๋นฉี่หลัวจ้องนางเขม็ง ก่อนจะแสยะยิ้มแปลกๆ “กู้หยวนถง เจ้าไม่ชำนาญงานเย็บปักถักร้อย ย่อมไม่เข้าใจ วัสดุของผ้าต่วนหรูอี้นั้นพิเศษมาก เมื่อใดมีกลิ่นหอมติด สามปีก็ไม่จางหาย ผ้าต่วนหรูอี้และเครื่องหอมนั้นล้วนเป็นเครื่องราชบรรณาการ นอกจากตำหนักของเจ้าผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครอง ที่ข้ามีมัน ย่อมเป็นเพราะเจ้าเป็นคนให้ข้าเอง!”
ฮ่องเต้สะท้านใจ เมื่อครู่แม้ว่าอวิ๋นฉี่หลัวจะพูดจาจับใจความไม่ค่อยได้ แต่วาจาที่กล่าวออกมาในยามนี้ กลับมีเหตุมีผล ดูไม่เหมือนคนเสียสติแม้แต่น้อย ดูเหมือนซูหลีจะไม่ได้โกหก
ฮองเฮาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ยังคงแข็งใจกล่าวต่อ “เครื่องหอม? นางสนมในวังล้วนใช่กัน จะพิสูจน์ได้เช่นไรว่ากลิ่นหอมที่ติดอยู่นั้นเป็นของที่ข้าใช้?”
สายตาซูหลีแน่วแน่ รีบกล่าวขึ้นทันที “พระสนมอวิ๋นเฟยเพคะ เศษผ้าต่วนหรูอี้ที่เหลืออยู่ที่ใดเพคะ?”
ฮองเฮาพลันสะท้านไปทั้งใจ นางกลับลืมไปชั่วขณะ ซูหลีมีประสาทรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยมกว่าคนทั่วไป!
“เศษผ้างั้นหรือ เจ้ารอประเดี๋ยว!” พูดไป อวิ๋นฉี่หลัวก็ดึงปิ่นปักผมอันหนึ่งลงมาจากบนศีรษะ แล้วใช้ปลายแหลมๆ ของมันเลาะซับในตรงปลายแขนเสื้อออก! นางชำนาญงานเย็บปักดังคาด เพียงพริบตาเดียว ชั้นที่สองของเสื้อก็ถูกนางเลาะออกอย่างคล่องแคล่วแล้ว เศษผ้าผืนเล็กๆ ร่วงหล่นลงมาจากด้านใน
เพียงแวบแรก ซูหลีก็มั่นใจแล้วว่านั่นจะต้องเป็นผ้าต่วนหรูอี้แน่นอน ผ้าต่วนหรูอี้ที่ทำขึ้นจากเลือดเนื้อของเหล่าช่างฝีมือ สีสันสดใส เงามันวาววับ มิใช่สิ่งที่ผ้าธรรมดาจะเทียบได้
นางรีบเดินเข้าไปหยิบเศษผ้าผืนนั้นขึ้นมา บนเศษผ้ายังมีกลิ่นหอมจางๆ หลงเหลืออยู่จริงๆ ซูหลีอดดีใจไม่ได้ รีบแยกแยะกลิ่นอย่างละเอียด “อำพันมังกร หลิงหลิง โกฐสอ เพ่ยหลัน โกฐหัวบัว หญ้าแห้วหมู โกฐเขมา…แล้วก็น้ำค้างแข็ง”
หยางเสวียนยืนอยู่ด้านหนึ่ง สังเกตเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบงัน ครั้นเห็นซูหลีสามารถแยกแยะส่วนประกอบของเครื่องหอมจำนวนมากได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ดวงตากลมโตเปล่งประกายของนางพลันมีแววตกตะลึงและชื่นชมพาดผ่าน
ทุกครั้งที่ซูหลีพูดชื่อเครื่องหอมออกมาทีละชนิด ใบหน้าของฮองเฮาก็ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ตงฟางเจ๋อสังเกตเห็นอย่างชัดเจน มุมปากแสยะยิ้มเย็นชา เครื่องราชบรรณาการที่ถูกส่งเข้ามาในวังล้วนมีบันทึกอย่างละเอียด ส่วนประกอบก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้น และผ้าต่วนหรูอี้กับน้ำค้างแข็งก็เป็นสิ่งที่นางมีในครอบครองแต่เพียงผู้เดียว หากไม่ใช่ว่าซูหลีมีพรสวรรค์พิเศษ จะมีใครแยกแยะความลับเหล่านี้ออกอีก?!
กู้หยวนถง…ดูซิครั้งนี้เจ้าจะแก้ตัวว่าอย่างไรอีก!
สายตาฮ่องเต้ไหวระริก เห็นชัดว่าเขาเองก็คำนึงได้ถึงเรื่องนี้แล้วเช่นกัน เกากงกงที่รับใช้เขามานาน ย่อมเข้าใจความคิดเขา รีบสั่งให้ขันทีไปหยิบสมุดบันทึกที่สำนักพระราชวังมา แล้วเปิดหน้าที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะน้อมส่งไปยังมือฝ่าบาทอย่างนอบน้อม
ฮ่องเต้กวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว เพลิงโทสะพลันบังเกิด แขนเสื้อโบกสะบัด บันทึกเล่มนั้นถูกขว้างไปตรงหน้าฮองเฮา “กู้หยวนถง! เจ้ามีอันใดจะพูดอีกหรือไม่?”
เมื่อได้ยินฮ่องเต้ขานเรียกชื่อฮองเฮาตรงๆ ทุกคนก็รู้คำตอบทันที ชื่อส่วนประกอบเครื่องหอมที่ท่านหญิงหมิงซีกล่าวออกมาเมื่อครู่ เกรงว่าจะถูกต้องทุกรายการ!
ใบหน้าฮองเฮาแข็งค้างดั่งก้อนหิน ไม่ว่าอย่างไรนางก็คาดไม่ถึงว่าอวิ๋นฉี่หลัวจะยังมีเศษผ้าต่วนหรูอี้หลงเหลืออยู่ ประจวบเหมาะกับที่ซูหลีเป็นยอดฝีมือด้านการดมกลิ่นหอม! เดี๋ยวก่อน กลิ่นหอม…สายตานางพลันเป็นประกาย “ฝ่าบาทเพคะ! หากพิษที่ทำให้เหลียงกุ้ยเฟยตายเป็นน้ำค้างแข็ง อาศัยเพียงท่านหญิงหมิงซีแค่คนเดียว จะมั่นใจได้อย่างไรว่าบนผ้าต่วนมีกลิ่นของเครื่องหอมชนิดนี้ติดอยู่ด้วย?! นางเกลียดหม่อมฉันเข้ากระดูก จะรู้ได้อย่างไรว่านางจะไม่ฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายหม่อมฉัน?!”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว สายตาสับสนพาดผ่านดวงตา
กู้หยวนถงเอ๋ย ไม่เสียชื่อที่เป็นผู้ดูแลวังหลังมาเนิ่นนาน ความคิดเจ้าเล่ห์ รับมือเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว!
ซูหลีลอบขมวดคิ้ว สบตากับตงฟางเจ๋อแวบหนึ่ง พลันหนักอึ้งในใจ หลักฐานอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ จะไม่สามารถตัดสินโทษนางได้เชียวหรือ?!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮองเฮาเห็นซูหลีกับตงฟางเจ๋อพูดไม่ออก ความหวาดกลัวในใจพลันจางหายไปมากกว่าครึ่ง นางสาวเท้าไปยืนตรงหน้าทั้งสองอย่างแช่มช้า เชิดหน้าเล็กน้อย เหล่มองด้วยหางตา สายเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เห็นชัดว่าต้องการตัดสินเป็นตายกับทั้งสองภายในวันนี้!
ใบหน้าหล่อเหลาของตงฟางเจ๋อตึงเครียด จ้องฮองเฮาด้วยสายตาเย็นชา
ซูหลีไม่พูดอะไร ในใจกลับกำลังใช้ความคิดอย่างเร่งด่วน น้ำค้างแข็งไร้สี จะมีทางใดสามารถทำให้มันปรากฏสีได้หรือไม่? ความคิดหนึ่งพลันแล่นผ่าน อดหันไปมองหยางเสวียนที่ยืนดูละครอยู่ด้านหนึ่งไม่ได้
หยางเสวียนหันมอง สัมผัสได้ถึงสายตาครุ่นคิดของซูหลีทันที ไม่รอให้นางเอ่ยปาก ก็รีบแย้มยิ้มทันที “น้ำค้างแข็งนั้น ถึงแม้ไร้สี แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีทำให้มันปรากฏให้เห็น…”
ใบหน้าฮองเฮาพลันถอดสี
“เจ้ามีวิธีหรือ?” ตงฟางเจ๋อถามเสียงเข้ม
หยางเสวียนแย้มยิ้มดั่งบุปผา เดินไปยืนข้างซูหลี มองดูเศษผ้าต่วนหรูอี้ผืนเล็กๆ แล้วกล่าวเสียงใส “หม่อมฉันไม่รู้ว่าบนผ้าผืนนี้มีส่วนประกอบของน้ำค้างแข็งอยู่หรือไม่ แต่หม่อมฉันมียาชนิดหนึ่ง ที่เมื่อผสมกับน้ำค้างแข็งแล้ว จะทำให้ปรากฏลักษณะพิเศษของมันขึ้นมา”
“ตอนนี้ถือเป็นการทดลองยืนยันผล หากผ้าผืนนี้มีส่วนประกอบของน้ำค้างแข็งติดอยู่ ผ้าก็จะกลายเป็นสีแดงเข้ม หากไม่มี ผ้าก็จะไม่เปลี่ยนสี” เอ่ยจบ หยางเสวียนก็หยิบยาขวดเล็กออกมาจากอกเสื้อ ดึงฝาขวดออก แล้วหยดน้ำยาลงบนเศษผ้าหลายหยด
ทุกคนต่างพากันกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว จดจ้องมองเศษผ้าผืนเล็กๆ ในฝ่ามือนางอย่างตื่นเต้น ราวกับผ่านไปเนิ่นนาน แต่ก็เหมือนผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เศษผ้าต่วนหรูอี้ผืนนั้นค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเข้มอย่างชัดเจน!
ฮองเฮาหน้าซีดเผือด ผงะถอยหลังไปหลายก้าว! ก่อนจะล้มนั่งกับพื้น
ตงฟางจั๋วอึ้งงัน ครั้นเห็นเสด็จแม่ล้ม ก็รีบวิ่งเข้าไปประคองนางไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องหยางเสวียนเขม็งพร้อมตวาดเสียงเกรี้ยว “ยาในมือเจ้าเป็นยาใดไม่มีผู้ใดรู้ จะมั่นใจได้อย่างไร?”
หยางเสวียนหน้าขรึมลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเย็นชา แล้วเอ่ยว่า “จิ้งอันอ๋อง หากอยากพิสูจน์เรื่องนี้ง่ายดายมาก ในวังจะต้องมีน้ำค้างแข็งเหลืออยู่อีกแน่ๆ หามาทดลองอีกย่อมได้!”
เสียงโต้แย้งอย่างหนักแน่นของนาง ทำเอาตงฟางจั๋วพูดอะไรไม่ออก หยางเสวียนไม่มีความแค้นใดกับฮองเฮา ย่อมไม่มีทางใส่ร้ายนางโดยไร้เหตุผล นางออกมาเป็นพยานต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เป็นเพราะนางมั่นใจมากเป็นแน่ เขาร้อนใจดั่งไฟแผดเผา แต่กลับจนใจไม่รู้จะทำเช่นไรดี
“เสด็จพ่อ!” สีหน้าตงฟางเจ๋อเย็นชา รีบก้าวไปข้างหน้า กล่าวว่า “หลักฐานแน่นหนาเช่นนี้ กู้หยวนถงคือผู้ที่ทำร้ายเสด็จแม่ของลูกแน่นอน เสด็จพ่อโปรดมีรับสั่งให้จับกุมตัวนางด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
…………………………………………………………