แม้แต่หยางเสวียนที่ใจเย็นมาโดยตลอด ก็ยังอดหน้าเสียไม่ได้ ใบหน้างามซีดขาวดั่งหิมะ
ตงฟางเจ๋อหน้าไม่เปลี่ยนสี เขาจ้องหน้าซูหลี สายตาหม่นหมองลึกล้ำ คาดเดาอารมณ์ได้ยาก ครั้นนึกถึงตอนที่ไปหุบเขาฮวาอวี๋หลายครั้ง เขารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าเจียงหยวนมีตัวตนที่ไม่ธรรมดา กลับไม่เคยรู้ว่าเจียงหยวนเป็นคนของนาง!
จั้นอู๋จี๋ตกตะลึง หันไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เห็นเพียงบนบันไดหินนอกประตูตำหนัก ซูหลียืนเชิดหน้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน นางสวมอาภรณ์สีพื้นใบหน้าเย็นชา ท่าทางเย่อหยิ่ง ราวกับเทพแห่งความตายจากขุมนรก
“เจ้าคือเจ้าสำนักเฉินเหมิน!” ไร้ซึ่งคำถาม มีแต่ความมั่นใจ
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง แต่ละคนหลุดร้องออกมาด้วยความตกใจ และหันไปมองซูหลีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
บุตรสาวภรรยารองในจวนอัครเสนาบดีที่เดิมไม่เป็นที่โปรดปราน กลายเป็นท่านหญิงหมิงซีที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานหลังจากพิธีคัดเลือกพระชายา จากนั้นก็กลายเป็นขุนนางหญิงขั้นหนึ่งในพิธีคัดเลือกพระสวามี! นางพลิกคดีแสนประหลาดของท่านหญิงหมิงอวี้ ช่วยตงฟางเจ๋อล้มฮองเฮา ช่วยสยบความวุ่นวายจากการก่อกบฏของจิ้งอันอ๋อง ช่วยชีวิตคนนับไม่ถ้วนด้วยการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตราย…
นางฉลาดปราดเปรื่อง มีความสามารถและมีไหวพริบอันล้ำเลิศ ทุกคนชื่นชมและอิจฉานาง แต่ว่าไม่มีใครคาดคิด สตรีบอบบางที่สงบเยือกเย็นและเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าทึ่งมากมายผู้นี้ กลับเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของเฉินเหมิน กองกำลังน่ากลัวที่รับจ้างสังหารคน!
ซูเซียงหรูเบิกตากว้าง มองดูสตรีที่มีกลิ่นอายเย็นชาแผ่กำจายรอบกายอย่างตกตะลึง แต่ก่อนเขาคิดว่านางเป็นบุตรสาวของตนเอง ไม่ว่านางจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็มีแต่จะเป็นผลดีต่อเขาเท่านั้น วินาทีนี้ เขาพลันรู้สึกว่า สตรีนางนี้ใช่บุตรสาวของเขาจริงหรือ?
“ข้าบอกแล้วอย่างไร วันนี้เจ้าไม่รอดแน่นอน” ซูหลีค่อยๆ สาวเท้าเดินลงจากบันไดหิน แล้วพูดกับจั้นอู๋จี๋ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
กล้ามเนื้อบนใบหน้าจั้นอู๋จี๋กระตุก กวาดมองรอบกายด้วยสายตาสงสัย “สี่นักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่มาเพียงสาม แล้วอีกคนเล่า? ออกมาพร้อมกันให้หมดเลยสิ!”
“ฆ่าเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ถึงสี่คน ที่จริงแค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว” เซี่ยงหลีโบกพัดในมือ พลางสาวเท้าเข้ามาหาเขาทีละก้าวๆ
ทำศึกสงครามมานานหลายปี ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ถึงแม้มีทหารนับหมื่นนับพันอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่เคยถอยหลัง แต่ยามนี้กลับอดไม่ได้ที่จะถอยหลังหลายก้าว สี่นักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเฉินเหมิน วรยุทธ์แข็งแกร่ง ลึกลับยากคาดเดา อันตรายยิ่งนัก แค่คนเดียวก็น่าปวดหัวมากพอแล้ว วันนี้กลับมาถึงสามคน! จั้นอู๋จี๋จ้องมือเขาอย่างระแวดระวัง ตัวประกันในตอนแรกพลันหมดประโยชน์ไปในทันที กลับกลายเป็นตัวถ่วง จั้นอู๋จี๋ขมวดคิ้วแน่น เขาไม่อาจปล่อยมือ
ยามนี้ ไอพิฆาตอันรุนแรง แผ่ปกคลุมสวนด้านหน้าตำหนักบูรพาดั่งพยับเมฆมืดครึ้ม
ทันใดนั้น กลิ่นหอมประหลาดกลิ่นหนึ่งไม่รู้ลอยมาจากที่ใด พริบตาเดียวก็ลอยอบอวลไปทั่วสวน
ซูหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายจะกลั้นหายใจแต่ก็สายไปแล้ว นางรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว ปวดหัวจนแทบระเบิด อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ
ด้านหลังเสียง ‘พลั่ก’ ดังมาอย่างต่อเนื่อง เหล่าคนที่กรูกันออกมาจากตำหนักต่างร้องว่า “ปวดหัวเหลือเกิน” จากนั้นก็พากันหมดสติล้มลงไป ซูหลีตื่นตะลึง
“ไร้ร่องรอยดุจวารี!” เจียงหยวนตวัดสายตาคมปลาบไปยังกลุ่มคน นอกประตูตำหนัก นอกจากตงฟางเจ๋อแล้ว คนที่ยังยืนอยู่มีเพียงหยางเสวียน หลางฉ่าง และหลีเฟิ่งเซี่ยนที่มีวรยุทธ์สูง “นึกไม่ถึงว่าเข้าวังมาวันนี้กลับได้พบเห็นพิษหายากเช่นนี้ด้วย ไม่เสียเที่ยวจริงๆ!”
ซูหลีตกใจ ‘ไร้ร่องรอยดุจวารี’ คือพิษหายากที่เลื่องชื่อชนิดหนึ่ง! ได้ยินมาว่าเป็นของเหลวที่กลั่นออกมาจากพิษ แล้วนำมาเก็บไว้ในขวด ขอเพียงเปิดฝาขวด ฤทธิ์ของพิษชนิดนี้ก็จะกระจายไปตามสายลม มีประสิทธิภาพสูงมาก หากไม่กินยาแก้พิษไว้ก่อน ทันทีที่ได้กลิ่น ก็จะต้องพิษอย่างไรข้อกังขาเป็นแน่นอน หากไม่สามารถแก้พิษได้ในเวลาสองชั่วยาม แม้จะเป็นคนที่มีวรยุทธ์สูงส่งสักแค่ไหน ก็ต้องกลายสภาพเป็นเลือดกองหนึ่งในท้ายที่สุด
ทุกคนแตกตื่นลนลาน ร้องไห้คร่ำครวญทันที
เหลียงสือชูคำรามด้วยความเดือดดาล “จั้นอู๋จี๋ เจ้าช่างต่ำช้ายิ่งนัก! ถึงขั้นใช้ยาพิษ! รีบเอายาแก้พิษมาเดี๋ยวนี้”
เหล่าขุนนางร้องโวยวายอย่างเห็นด้วย จั้นอู๋จี๋ผู้เป็นตัวการของเรื่องกลับยืนเป็นปกติอยู่ตรงนั้น ไม่มีวี่แววว่าจะถูกพิษแม้แต่น้อย ทุกคนย่อมต้องคิดว่าเขาเป็นคนปล่อยพิษนี้อยู่แล้ว
มีเพียงสายตาเย็นชาของตงฟางเจ๋อเท่านั้น ที่เหล่มองแขนเสื้อชุดมงคลของหยางเสวียนที่ชี้ต่ำลง ด้วยใบหน้าที่ยากจะคาดเดาความคิด
เซี่ยงหลีเองก็ปวดหัวจนแทบระเบิด แต่กลีบปากกลับหยักยิ้ม “ไม่เสียชื่อที่เป็นหมอเทวดา! โชคดีที่เจ้ามาวันนี้!” ถ้าหากเป็นฉินเหิงก็คงแย่! เขากระดกคิ้วงาม แล้วเหลือบมองเจียงหยวน ยื่นมือออกไปพร้อมกล่าวว่า “ยาแก้พิษ”
เจียงหยวนกล่าวอย่างแปลกใจ “ข้าไม่ใช่คนวางยาพิษ จะมาเอายาแก้พิษอะไรจากข้า!”
เซี่ยงหลีกลอกตา “ใครจะเป็นคนวางยาก็ช่าง แค่เจ้ามียาแก้พิษก็พอ รีบเอามา อย่าทำเสียเรื่องสำคัญของเจ้าสำนัก!” ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค เจียงหยวนขยับใบหู เสียงฝีเท้าเบาๆ พลันดังมาจากนอกกำแพงสวน
เจียงหยวนทำหน้าเครียด ไม่พูดมากความอีก รีบล้วงยาแก้พิษออกมาจากอกเสื้อ แล้วดีดปลายนิ้ว ซูหลี หวั่นซิน และเซี่ยงหลีอ้าปากพร้อมกัน ยาแก้พิษสามเม็ดนั้นถูกดีดเข้าไปในปากของทั้งสามคนอย่างแม่นยำ
ชื่อเสียงเรียงนามของหมอเทวดาเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกัน ยามนี้ครั้นเห็นว่าเขามียาแก้พิษอยู่ในมือ ทุกคนต่างพากันพุ่งตัวไปหาเขาอย่างล้มลุกคลุกคลาน
ซูหลีพลันตระหนัก รีบพุ่งเข้าไปหาเจียงหยวน ยื่นมือออกไปพลางถาม “ยังมียาแก้พิษอีกกี่เม็ด?”
เจียงหยวนหยิบขวดยาออกมาเท เหลือเพียงสองเม็ดเท่านั้น
หัวใจของทุกคนราวกับตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม! สองเม็ดสุดท้าย! ความหวังสุดท้ายในการมีชีวิตรอด! หลายคนหน้าถอดสีด้วยความตื่นตระหนก ทว่ากลับไม่กล้าเข้าไปแย่งชิง สำหรับพวกเขา ชื่อเสียงของเฉินเหมินเท่ากับความตาย ใครเล่าจะอยากตายเร็วขึ้น?
สายตาคาดหวังของซูเซียงหรูทอดมองมา เขาเป็นบิดาของนาง ไม่ว่าอย่างไรยาแก้พิษนั้นก็ต้องเป็นของเขาเม็ดหนึ่งกระมัง? แต่ซูหลีกลับทำเป็นไม่เห็น นางกำยาแก้พิษแล้วเดินไปหาหลีเฟิ่งเซียน
ทุกคนตกตะลึง ซูเซียงหรูหน้าซีดราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ความตกตะลึงและปวดใจฉายชัดบนใบหน้าเขา
ยาแก้พิษถูกยื่นมาตรงหน้า หลีเฟิ่งเซียนกลับไม่รับ เขาเพียงมองหน้านางอย่างเหม่อลอย พลันนึกถึงสีหน้านางยามที่ตงฟางจั๋วเรียกนางว่าหลีซู หัวใจของหลีเฟิ่งเซียนพลันเต้นรัว รีบกุมมือนาง แล้วเรียกด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “…ซูซู?”
ซูหลีรู้ว่าเขากำลังเรียกชื่อเล่นของหลีซู ไม่ใช่ซูหลี ครั้นเห็นดวงตาทั้งสองข้างของบิดาแดงก่ำ สีหน้าตื้นตัน หัวใจของนางสั่นไหว เจ็บปวดรันทด ทว่ากลับไม่อาจรับคำ เพียงเบนสายตาหลบแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องรีบเสวยยาเถิดเพคะ” นางยัดยาใส่มือบิดา ก่อนจะหมุนกาย ไม่กล้ามองหน้าหลีเฟิ่งเซียนนานกว่านี้
รอบข้างเต็มไปด้วยสายตาประหลาดใจ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในตัวเลือกของนาง ซูหลีทำเหมือนไม่ได้ยิน เพียงเหลือบมองที่เอวของตงฟางเจ๋อ ก่อนจะมอบยาเม็ดสุดท้ายให้หลางฉ่าง
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง หลางฉ่างเองก็ประหลาดใจมาก เขามองตานาง เห็นเพียงความอบอุ่นสะท้อนอยู่ในนั้นรางๆ วิธีการแสดงความเป็นห่วงของนางที่มีต่อเขา กลับตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้ แล้วจะไม่ให้เขาใจเต้นรัวได้อย่างไร? สายตาของตงฟางเจ๋อเปลี่ยนผันไปมา สับสนยากจะสงบนิ่ง สำหรับนาง หลางฉ่างกลับสำคัญกว่าเขาอย่างนั้นหรือ?
นอกประตูสวน เสียงต่อสู้อย่างดุเดือดพลันดังเข้ามา ยามนี้ตำหนักบูรพาได้เข้าสู่สถานการณ์วุ่นวายอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
“ท่านแม่ทัพหนีเร็วขอรับ!” องครักษ์ชุดดำสิบกว่านายกระโดดลงมาจากกำแพง หนึ่งในนั้นเปิดกล่องปริศนาสีดำกลางอากาศ เห็นเพียงแสงสีฟ้าส่องประกายระยิบระยับ เข็มอาบยาพิษนับไม่ถ้วนพลันพุ่งกระจายไปทั่วทิศ มากมายจนแทบจะไม่มีที่ให้หลบ
นางกำนัลและขันทีรอบข้างต่างพากันหวีดร้องด้วยความตกใจ ยกมือกุมหัวกลิ้งตัวไปกับพื้น สายตาเซี่ยงหลีไหวระริก รีบถอดเสื้อคลุมตัวหรูออก แล้วสะบัดกลางอากาศ เข็มเงินเหล่านั้นราวกับมีดวงตา พวกมันต่างเปลี่ยนทิศทางพุ่งไปทางเสื้อคลุมที่ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ
…………………………………………………………….