เหล่าทหารด้านล่างกำแพงเมืองพากันหวาดกลัว พวกเขาผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณ
ใบหน้าของหยางเจิ้นแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม เขาจ้องหน้าซูหลีเขม็ง ในสายตาเย็นชา สะท้อนแววผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาค่อยๆ ยกมือขึ้น แล้วตวาดเสียงเกรี้ยว “ทหารทุกคนจงฟัง ผู้ใดล่าถอย จะมีโทษตามกฎของกองทัพ!”
หยางเจิ้นคุมทหารอย่างเข้มงวดกวดขัน ครั้นเขาตะโกนสั่งเสียงดัง ทหารที่ผละถอยหลังเหล่านั้นก็รวบรวมความกล้าบุกโจมตีเข้ามาอีกครั้ง
เสียงคำรามฮึกเหิมดังก้องฟ้า กำลังคนจากทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตูไม่หยุด ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง รถม้าศึกขนาดใหญ่พุ่งชนประตูเมือง เหล่าข้าศึกเตรียมตัวบุกเข้ามาทุกเมื่อ!
“อาหลี เจ้ารีบไปจากที่นี่เร็วเข้า!” หยางเซียวตะโกนสุดเสียง เร่งเร้าให้ซูหลีหนีไปจากที่นี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนคนเดียวแม้จะมีพลังแข็งแกร่งอีกสักเพียงใด ก็มิอาจต้านทานกองทัพทหารหลายหมื่นนายได้!
เขายังเอ่ยไม่ทันจบประโยค จ้าวหลู่ก็นำขุนพลหลายคนสาวเท้าเร็วๆ เดินมาทางนี้ แล้วกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ประตูเมืองใกล้พังแล้ว ฝ่าบาทโปรดรีบไปจากที่นี่เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เอ่ยจบก็หันไปทางซูหลี “ความปลอดภัยของฝ่าบาท คงต้องฝากท่านธิดาเทพให้ช่วยดูแลแล้ว!” เอ่ยจบพวกเขาก็ประสานมือทำความเคารพซูหลีอย่างพร้อมเพรียง
หยางเซียวหอบหายใจหนักหน่วง คราบเลือดบนเสื้อเกราะเริ่มแห้งกรัง เขากัดฟันกล่าวว่า “ข้าไม่มีทางไปจากที่นี่ ข้าจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับเมืองหลวงแคว้นเปี้ยน! มิเช่นนั้น ข้าคงไม่คู่ควรเป็นโอรสของเสด็จพ่อ!”
ซูหลีเอ่ยอย่างร้อนใจ “หากเสด็จพ่อของท่านยังอยู่ จะต้องหวังให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน”
จ้าวหลู่กล่าวเสริมทันที “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ตราบใดที่ขุนเขาเขียวยังคงอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา! อนาคตยังอีกยาวไกลนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาทโปรดรีบหนีไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ขุนพลที่อยู่โดยรอบต่างคุกเข่า และมองมาที่เขาด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างพร้อมเพรียง
“ไม่ ข้าไม่ไป!” หยางเซียวหอบหายใจ หัวใจกลับสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม ดวงตาเริ่มแดงก่ำ
ข้าศึกที่อยู่ด้านล่างกำแพงเมืองเริ่มเร่งความเร็วในการโจมตี ประตูเมืองถูกพุ่งชนจนมีรอยแตกร้าวหนึ่งเส้น ทหารรักษาประตูเมืองฝืนต้านทานสุดชีวิต แต่กลับมิอาจรับมือกับการจู่โจมอันรุนแรงเหล่านั้นได้
ซูหลีร้อนใจดั่งไฟสุมอก นางก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว ดึงแขนเขา แล้วกล่าวว่า “ท่านเคยถามข้าว่าภายหน้าข้าจะจากท่านไปหรือไม่ หากตอนนี้ท่านไปกับข้า ชีวิตนี้ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านไปตลอดกาล”
หยางเซียวอึ้งงัน ไม่คาดคิดว่านางจะกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา! อยู่เคียงข้างเขาไปตลอดกาล…นี่คือสิ่งที่เขาปรารถนามาโดยตลอด เขาแทบไม่อยากเชื่อ ได้แต่อ้าปากอย่างเหม่อลอย “อาหลี เจ้า…”
“ข้ารับปากท่าน ขอเพียงท่านไปกับข้า พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต!”
“เช่นนั้น…เขาเล่า?” เขาถามเหมือนยังไม่หายตกใจ เขายังไม่ลืมว่ายังมีอีกคนที่รอคอยนางมาโดยตลอด และในใจนาง ก็ยังไม่เคยลืมความรักที่มีต่อเขา
สายตาของซูหลีไหวระริกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่น “อดีตก็คืออดีต ข้ากับเขาตัดขาดจากกันไปนานแล้ว”
หัวใจของหยางเซียวเต้นเร็วจนแทบคลั่ง เขามิอาจควบคุมความรู้สึกที่ป่วนพล่าน สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา สายตาสุขุมเยือกเย็น แต่กลับจริงใจไม่เสแสร้ง เขาจ้องมองนางอยู่อย่างนั้น ราวกับมองเห็นภาพความฝันที่ทั้งสองจูงมือกันอยู่ในสวนดอกท้อ และอยู่เคียงข้างกันไปตลอดชีวิต!
การเข่นฆ่าและเหตุการณ์นองเลือดรอบกายราวกับห่างไกลออกไป ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวาย เขามองเห็นเพียงสายตาของนาง มันช่างอบอุ่นหนักแน่น ปณิธานอันหนักแน่นที่ไม่เกรงกลัวต่อความตายในตอนแรก พลันสั่นคลอนในทันที! เขากุมมือนางด้วยความรู้สึกชั่วแล่น คำสัญญาชั่วชีวิตแทบจะโพล่งออกจากปาก!
“รายงาน! ทูลฝ่าบาท จู่ๆ กองกำลังขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ กำลังมุ่งหน้ามาทางเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ!”
รองแม่ทัพร้องด้วยความประหลาดใจระคนดีใจ “ทิศตะวันตกเฉียงใต้?! ต้องเป็นแม่ทัพฮูเอ่อร์ตูแน่ๆ!”
ทุกคนตกตะลึง ครั้นหันไปมอง เห็นเพียงกองทัพทหารนับหมื่นกำลังวิ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ ธงสีดำโบกสะบัดสู้แรงลม อักษรขนาดใหญ่คำว่า ‘ฮู’ จุดประกายความหวังในตัวทุกคน!
“เป็นแม่ทัพฮูเอ่อร์ตู!”
“แม่ทัพฮูเอ่อร์ตูกลับมาแล้ว!” ทหารรักษาเมืองตะโกนด้วยความลิงโลด ในดวงตาที่แทบสิ้นหวังก่อนหน้า มีน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มไหลรินออกมา บนป้อมปราการเมืองเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ทุกคนดีใจราวกับเสียสติไปแล้ว
หยางเซียวลิงโลดสุดแสน เขารีบออกคำสั่งเสียงดัง “เปิดประตูเมือง ออกไปเปิดศึกกับศัตรู!” จ้าวหลู่รับคำสั่งแล้วจากไปทันที ทหารจากทั้งด้านในและด้านนอกเมืองผนึกกำลังต่อสู้ กลืนกินกองทัพของหยางเจิ้นดั่งกระแสน้ำซัดสาด ทว่าคำสั่งโจมตีนั้นของเขา ท่ามกลางความประหลาดใจระคนดีใจ ทำให้เขาลืมนึกไปว่าตนเองได้พลาดความสุขที่ตนเองปรารถนาที่สุดในชีวิตไปแล้ว!
ภายใต้การสั่งการของฮูเอ่อร์ตู กองทัพหนุนที่อยู่นอกเมืองกระจายตัวเป็นรูปครึ่งวงกลมล้อมกองทัพข้าศึกของหยางเจิ้นไว้ ด้านหน้ามีทหารล้อมรอบ ด้านหลังมีเมืองหลวง ถูกสกัดกั้นทั้งด้านหน้าด้านหลัง หยางเจิ้นไร้ทางหนี!
สถานการณ์กลับตาลปัตร เหนือความคาดหมาย หยางเจิ้นหน้าเปลี่ยนสี แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น เมืองหลวงแคว้นเปี้ยนที่ใกล้จะตกเป็นของเขา พริบตาเดียวกลับหลุดลอยไปต่อหน้า หยางเจิ้นเคียดแค้น ดวงตาแดงก่ำ ถมึงตาจ้องหน้าฮูเอ่อร์ตูที่ทะยานเข้ามาอย่างอาจหาญ เมื่อครู่ตอนที่เพิ่งได้รับรายงานว่ามีกองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนทัพเข้ามา เขานึกว่าอีกฝ่ายใช้กลอุบายลวงศัตรูอีกครั้ง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเป็นกองทัพของฮูเอ่อร์ตูจริงๆ! เขากลับมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
“คุ้มกันท่านอ๋อง! ถอยทัพ” ครั้นเห็นกองทัพใหญ่บุกเข้ามา กองทัพของหยางเจิ้นถูกล้อมแน่นหนา บาดเจ็บล้มตายมากมาย ขุนพลอวี๋ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของหยางเจิ้นรีบนำกองทัพรุ่ยเฟิงโต้กลับทันที ในเสี้ยววินาทีแห่งการตัดสินความเป็นความตาย เหล่าทหารกองทัพรุ่ยเฟิงสู้สุดชีวิตจนดวงตาแดงก่ำไปทั้งดวง พวกเขาโจมตีอย่างรุนแรงจนยากจะต้านทาน ผ่านไปไม่นาน วงล้อมศัตรูอันหนาแน่นก็ค่อยๆ ปรากฏช่องโหว่เล็กๆ ขึ้นมา กองทัพรุ่ยเฟิงพลันฮึกเหิม พวกเขาฮึดสู้สุดแรง ในที่สุดก็คุ้มกันหยางเจิ้นฝ่าออกจากวงล้อมได้สำเร็จ!
ซูหลีหันไปมองหยางเซียว ยามนี้สายตาของหยางเซียวจดจ่อไปที่สนามรบเบื้องหน้า ดวงตาที่คมปลาบดั่งนกเหยี่ยวมีไอพิฆาตอันเหี้ยมโหดพาดผ่าน
“สกัดกั้นเขาไว้!” หยางเซียวคำรามเสียงเกรี้ยว ฮูเอ่อร์ตูนำทหารไล่ตามไป
กำลังคนกลุ่มใหญ่ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว สนามรบที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม ในที่สุดก็สงบลง หัวใจของซูหลีกลับไม่ได้รู้สึกยินดีในชัยชนะแม้แต่น้อย แสงอาทิตย์ยามพลบค่ำสาดส่องด้านนอกของกำแพงเมือง ศพระเนระนาด เลือดนองทั่วพื้น กลิ่นคาวเลือดพวยพุ่งเหนือท้องฟ้าของเมืองหลวงแคว้นเปี้ยน ราวกับฝันร้ายที่ไม่มีวันเลือนหาย ศึกภายในครั้งนี้ทำให้แคว้นเปี้ยนที่เดิมเป็นแผ่นดินที่มีกำลังทหารแข็งแกร่งเกรียงไกรเสียหายอย่างหนัก การคานอำนาจร่วมกันของสามแคว้นใหญ่ในปัจจุบัน จะยังดำเนินต่อไปได้อีกนานเท่าใดกัน? หากภายหน้าสามแคว้นใหญ่ทำศึก ไม่รู้ต้องมีคนสังเวยชีวิตและสูญเสียครอบครัวอีกมากมายเท่าใด!
หัวใจของซูหลีพลันหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินกดทับ
หยางเซียวเงยหน้าเล็กน้อย ทอดมองท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป ครั้นนึกถึงคนผู้นั้น หัวใจก็พลันบีบคั้น
“อาหลี” จู่ๆ เขาก็หันกลับมามองนาง แล้วถามด้วยสายตาจริงจัง “ถ้าหากมีวันหนึ่ง คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับข้า ไม่ใช่เสด็จอา แต่เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิง เจ้า จะยังยืนอยู่ข้างข้าอย่างหนักแน่นเช่นนี้หรือไม่?”
สายตาซูหลีขรึมลง แต่กลับไม่พูดอะไร
หัวใจของหยางเซียวบีบรัดเล็กน้อย ไม่นานเขาก็กุมมือนาง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ปล่อยให้คำตอบเป็นเรื่องของอนาคตเถิด พวกเรากลับวังกัน”
หลายวันหลังจากนั้นมีข่าวถูกส่งมาตลอด หยางเจิ้นและหยางจินนำกองทัพรุ่ยเฟิงที่บาดเจ็บหนีไปทางชายแดนทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฮูเอ่อร์ตูไล่ตามไปติดๆ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด กองทัพรุ่ยเฟิงบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก ไม่เหลือเค้ากองทัพอันองอาจอีกต่อไป หยางเจิ้นกับหยางจินถูกโจมตีจนกระเจิงไปคนละทิศ หนีหายไร้ร่องรอย
“คุณหนูเจ้าคะ” วันนี้ขณะที่หวั่นซินเอ่ยเรียกซูหลี ฉินเหิงสาวเท้าเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบ “ท่านธิดาเทพ ฮ่องเต้แคว้นเฉิงออกจากเมืองหลวงแคว้นเปี้ยนไปแล้ว ไม่ทราบเบาะแสแน่ชัด”
ซูหลีเงยหน้าด้วยความตกใจ “เขาไปแล้วหรือ?”
ฉินเหิงกล่าวว่า “ขอรับ วันที่ฮูเอ่อร์ตูกลับเมืองมา เขาก็ไปจากเมืองหลวงแคว้นเปี้ยนเลย คนของเราแกะรอยตามไปอยู่พักหนึ่ง พบว่าเขามิได้มุ่งหน้าไปยังเทียนเหมิน แต่ไม่กี่วันต่อมาก็คลาดกันขอรับ”
ซูหลีพลันลุกขึ้นยืน ย้อนนึกถึงสีหน้าและการกระทำของเขาในวันนั้น จู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
……………………