“วางใจเถิด ข้ากินแล้ว เพียงแต่กว่ายาจะออกฤทธิ์ ต้องใช้เวลาสักหน่อย” รอยยิ้มกลับมาประดับบนใบหน้าเขา เขายัดขวดหยกใส่มือนาง “เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ อย่าให้เสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ปรุงยาขึ้นมา”
ซูหลีถอนหายใจ “เหตุใดท่านต้องลำบากทำเรื่องโง่ๆ เหล่านี้ด้วย!”
หยางเซียวกล่าวด้วยความเบิกบาน “ข้าไม่เป็นไร ถึงอย่างไรคนที่ทำเรื่องโง่ๆ ก็ไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียว!”
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ “ท่านว่าอะไรนะ?”
หยางเซียวรู้ตัวว่าตนเองพลั้งปาก แต่กลับทำได้เพียงกล่าวอย่างลำบากใจ “ยังจำได้หรือไม่ว่าเคยมีคนเชิญข้าเข้าไปคุยในรถม้า? ตอนนั้นเขาบอกว่าอีกไม่นาน แคว้นเปี้ยนจะต้องเกิดความขัดแย้งภายในอย่างแน่นอน พอถึงเวลานั้นเขาจะไม่มีทางฉวยโอกาสเข้ามาแทรกแซง และในยามคับขัน ก็จะช่วยข้ากำจัดความไม่สงบสุขอย่างสุดความสามารถ”
หัวใจซูหลีเต้นเร็ว “แล้วเงื่อนไขของเขาเล่า?”
หยางเซียวพยักพเยิดปาก “ก็ของที่อยู่ในมือเจ้าอย่างไรเล่า”
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้าน เงยหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านหมายความว่า…ตงฟางเจ๋อยอมปล่อยโอกาสโจมตีแคว้นเปี้ยน เหตุผลที่ช่วยเหลือท่านอย่างสุดกำลัง เพียงเพื่อ…ยาแก้พิษยาไร้รัก?”
หยางเซียวกล่าวด้วยใบหน้าสับสน “ข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก พิษในตัวเจ้า ถึงแม้ไม่มีเขา ข้าก็จะแก้พิษให้เจ้าให้ได้ ยามนั้น ข้าหาหลักฐานเพื่อเปิดโปงเสด็จอาอย่างสุดความสามารถ แต่นึกไม่ถึงว่ายังคงช้าไปหนึ่งก้าว สุดท้ายก็นำไปสู่สงคราม เขารักษาสัญญาดังคาด ไม่ได้ฉวยโอกาสนำทัพมาบุก ซ้ำยังช่วยเหลือข้าอย่างเต็มที่…”
ซูหลีก้มหน้า อารมณ์สับสนปรวนแปร พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
หยางเซียวกล่าวต่อว่า “ข้าเคยถามเสด็จพ่อว่ายาไร้รักมียาแก้พิษหรือไม่ เขาก็เอาแต่ปิดปากเงียบ กระทั่งไม่กี่วันก่อน ข้าเจอเทียบยาแก้พิษยาไร้รักที่ซ่อนอยู่ในกล่องเก็บพระราชโองการ หลังจากอ่านดูอย่างละเอียด จึงได้เข้าใจว่าเหตุใดเสด็จพ่อจึงไม่ยอมบอกข้า!”
“เพราะเหตุใด?” ซูหลีถามโดยสัญชาตญาณ
“เพราะในสายตาเขา ยาไร้รักไม่มีทางแก้พิษได้ จะปรุงยาแก้พิษยาไร้รักได้ จำต้องมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีเพียงในตำนานเท่านั้น”
“สมุนไพรอะไร?”
“พืชชนิดนี้เติบโตในพื้นที่หนาวเย็นสุดขั้ว ชาวโลกล้วนรู้ดีว่ามันสามารถฟื้นวรยุทธ์ของคนที่ถูกทำลายวรยุทธ์ได้ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่ามันสามารถแก้สารพัดพิษได้!”
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ พื้นที่หนาวเย็นสุดขั้ว…นางพลันนึกถึงเขตชายแดนเมืองเหลียวเฉิง ยอดเขาเสวี่ยหลงที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ณ ริมสระน้ำแข็ง ใบหน้าซีดขาวผิดปกติของตงฟางเจ๋อ…ยังมีกล่องหยกในมือที่เขาถือไว้ไม่ยอมปล่อยนั่นอีก…
นางพลันเงยหน้า เบิกตากว้าง กล่าวด้วยความตกตะลึง “หญ้าหานซินพันปี!?”
หยางเซียวพยักหน้า
ลมหายใจของซูหลีสะดุด นางถามออกไปอย่างยากลำบาก “ตงฟางเจ๋อไปที่เมืองเหลียวเฉิง…เพื่อยาแก้พิษนี้?”
หยางเซียวกล่าว “มีเพียงสระน้ำแข็งที่อยู่บนยอดเขาเสวี่ยหลงในเมืองเหลียวเฉิงเท่านั้น ที่หญ้าหานซินจะเติบโตได้ แต่ไอเย็นในสระน้ำแข็งจะทำให้เลือดในร่างกายแข็งตัวอย่างรวดเร็ว หากไม่มียาวิเศษคอยช่วย คนทั่วไปหลังจากลงไปในน้ำ ไม่มีทางรอดกลับมาได้อย่างแน่นอน แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลายปีมานี้ไม่มีผู้ใดได้มันมา เพียงแต่ข้านึกไม่ถึง ตงฟางเจ๋อกลับสามารถหาสมุนไพรที่พบได้ยากในรอบพันปีจนเจอในที่สุด! ข้านึกว่าหัวใจของข้าที่มีต่อเจ้า ไม่มีผู้ใดในโลกนี้เทียบได้อีกแล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงว่ากลับมีคนที่…ข้าแพ้อย่างราบคาบแล้วจริงๆ…”
ซูหลีตกตะลึงอย่างสุดขีด ตลอดมา นางรู้ว่าทุกอย่างที่ตงฟางเจ๋อทำล้วนมีจุดประสงค์ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าทั้งหมดก็เพื่อนาง!
จากแคว้นเฉิงมาทั้งที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานก็เพื่อนาง หยุดสงครามและยอมรับเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมก็เพื่อนาง ยอมทิ้งโอกาสดีในการยึดครองแคว้นศัตรู ซ้ำยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก็เพื่อนาง ในร่างกายมีพิษเย็นแต่กลับมุ่งหน้าไปยังพื้นที่หนาวเย็นสุดขั้ว โดยไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง…ก็เพื่อนางเช่นกัน!
รวบรวมกำลังใต้ฟ้า เคลื่อนกองทัพในแคว้น ไม่สนใจว่าตนเองจะตกอยู่ในอันตราย ทั้งหมดก็เพื่อนาง! ถึงแม้จะถูกนางเข้าใจผิด ถูกนางต่อว่า เขาก็ไม่เคยยอมปล่อยมือจากนาง! หัวใจของซูหลี…เจ็บปวดเหมือนโดนมีดกรีดแทง!
“อาหลี?” สีหน้านางพลันซีดขาว หยางเซียวตกใจ
ซูหลีราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขา ใบหน้าของหยางเซียวที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเลือนราง นางคล้ายย้อนกลับไปยังริมสระน้ำแข็งในวันนั้นอีกครั้ง เสี้ยววินาทีที่ตงฟางเจ๋อล้มลงไป พร้อมกับสีหน้าที่เหมือนหัวใจแหลกสลาย…ร่างกายนางสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ย้อนนึกถึงทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นางพยายามออกห่างและเพิกเฉยเขา แต่เขากลับทุ่มเททุกอย่างเพื่อตามหานาง และไขว่คว้านางกลับคืนไป!
จู่ๆ ซูหลีก็นึกย้อนไปถึงวันนั้นที่เขาเกลี้ยกล่อมให้หยางเซียวปล่อยหยางเจิ้นไป เขาเคยกล่าวว่า ชีวิตเรามักต้องตัดสินใจเลือกอยู่เสมอ มิเช่นนั้น ได้ไม่คุ้มเสีย…แต่เพื่อนางแล้ว ตงฟางเจ๋อได้อะไร และเสียอะไรไปบ้างกันแน่?
หัวใจบีบรัดไม่หยุด บีบรัดจนรู้สึกเจ็บปวด แทบหายใจไม่ออก!
หยางเซียวเห็นสีหน้านางผิดปกติ ก็รีบเรียกคนเข้ามา จู่ๆ เสียงร้อนใจของปาต๋าก็ดังเข้ามาจากด้านนอก “ฝ่าบาท กระหม่อมเพิ่งได้รับรายงานมา องค์รัชทายาทแคว้นติ้งถูกลอบสังหารที่เขตชายแดนเมืองเหลียวเฉิง ยามนี้ยังไม่ทราบเบาะแสที่ชัดเจน!”
หลางฉ่างถูกลอบสังหาร?! ใบหน้าซูหลีแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง หยางเซียวลุกพรวด ผลักประตู แล้วถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ “ผู้ใดกันใจกล้าถึงเพียงนี้? ถึงขั้นกล้าลอบสังหารองค์รัชทายาทแคว้นติ้งในอาณาเขตแคว้นเปี้ยน!”
ปาต๋าส่ายหน้าอย่างหนักใจ “ยังสืบไม่ได้ความพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าหยางเซียวแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจนน่ากลัว หัวใจของซูหลีจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง ครั้นรู้ว่าบุรุษผู้สุภาพอ่อนโยนและสง่างามผู้นั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย ก็ร้อนใจดั่งไฟสุมอก
“ปาต๋า ข้าขอสั่งให้เจ้ารีบพาทหารไปตามหาเบาะแสขององค์รัชทายาทแคว้นติ้งทันที ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็ต้องตามหาเขาให้เจอ! ห้ามปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเขาในอาณาเขตแคว้นเปี้ยนเด็ดขาด!” หยางเซียวกล่าวเสียงเข้ม
สีหน้าของปาต๋าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง เขารับคำสั่งแล้วจากไปทันที
ซูหลีร้อนใจ นางลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “หยางเซียว! ข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ได้!”
หยางเซียวถอนหายใจ “ข้าเข้าใจ ข้าจะสั่งให้คนมาเปิดเส้นทางลับ จะไป หรือจะอยู่ แล้วแต่ใจเจ้าต้องการ”
ซูหลีตะลึงงัน ขอบตาร้อนผ่าว เขาเด็กกว่านางสามเดือน แต่กลับรักและปกป้องนางเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเสมอมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเมินเฉยต่อนาง หลายครั้งที่เผชิญหน้ากับความเป็นความตาย เขาก็เข้ามาช่วยเหลือนางโดยไม่คิดชีวิต ยังคงรักนางอย่างมั่นคงตลอดมา แต่สุดท้ายก็ไม่เคยฝืนใจนาง เขาคิดและทำเพื่อนางทุกอย่าง แต่ในวินาทีสุดท้าย กลับยอมให้นางทำอย่างใจปรารถนา แม้ตนเองจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลก!
เขายิ้มแล้วเดินเข้ามากุมมือนาง สีหน้ายังคงขี้เล่นไม่แยแสต่อสิ่งใดดังเช่นในยามปกติ แต่กลับไม่เหลาะแหละอีกต่อไป “ใกล้ถึงเวลาเข้าพิธีแล้ว ข้าต้องไปจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ก่อน เจ้า…รักษาตัวด้วย!” หยางเซียวกอดนางแน่น จุมพิตลงบนหน้าผากนางอย่างลึกซึ้ง แย้มยิ้มอย่างสดใส ก่อนจะหมุนกาย และสาวเท้ายาวๆ เดินออกจากห้องหนังสือไป
ซูหลีเหม่อลอยเล็กน้อย ภาพนี้เหมือนตอนจากกันที่โรงเตี๊ยมเทียนเหมิน เขาจากไปอย่างไม่ลังเลเช่นนี้ ถึงแม้จะอาลัยอาวรณ์อีกเพียงใด แต่ก็ไม่เคยหันกลับมาอีกเลย
จากกันครั้งนี้ อยู่คนละฟากฟ้า บางที…อาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว
มือของนางสั่นเทาเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียก “หยางเซียว!”
แสงอาทิตย์ในวันนี้งดงาม สาดส่องลงบนพรมสีแดงสด เจิดจ้ากว่าปกติ
พิธีอภิเษกสมรสของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นเปี้ยนถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เสียงแห่งความยินดีดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้าพระราชวังเปี้ยน ทำให้เมืองหลวงที่เพิ่งผ่านพ้นวิกฤติครั้งใหญ่มาได้แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าชื่นมื่น ทั้งด้านในและด้านนอกตำหนักเจาฮุยแออัดไปด้วยฝูงชน ทูตจากแคว้นต่างๆ และเหล่าขุนนางบู๊บุ๋นเรียงแถวเข้ามาร่วมพิธี กลิ่นอายงานมงคลกระจายไปทั่วบริเวณ
………………….