ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 585 ขอบคุณที่ช่วยไว้

ตอนที่ 585 ขอบคุณที่ช่วยไว้

ตอนที่ 585 ขอบคุณที่ช่วยไว้
นอกจากนักศึกษาปริญญาเอกคนหนึ่ง นักศึกษาปริญญาโทสองคนก็อยู่ต่อ นักศึกษาอีกคนออกไปแล้ว

เอาตามตรง คุณภาพของคนกลุ่มนี้ค่อนข้างปานกลาง อย่างน้อยก็ในความเห็นของลู่โจว

แต่มันไม่ใช่ความผิดใครนอกจากเขา ท้ายที่สุดแล้ว เขาใช้เวลาปีก่อนทั้งหมดไปกับโปรเจกต์พลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้ เขาไม่มีเวลาที่จะใส่ใจงานมหาวิทยาลัยเลย เขารอถึงสิ้นปีเพื่อโพสต์บนเว็บไซต์รับสมัครนักศึกษา

ตามปกติแล้ว นักศึกษาคุณภาพสูงมักจะถูกรับไปโดยศาสตราจารย์คนอื่นในช่วงฤดูร้อน

ในบรรดากลุ่มนักศึกษาปริญญาโท นอกจากหานเมิ่งฉีที่ศึกษาวัสดุเชิงคำนวณ และอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์อย่างเฟิงจิน นักศึกษาส่วนใหญ่แทบไม่มีประสบการณ์ด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

ยกตัวอย่างเช่นหลิวสี่หยวนที่ยืนตรงนั้นก็เป็นอีกคนที่ศึกษาวัสดุเชิงคำนวณ แม้ว่าคะแนนปีสี่ช่วงปริญญาตรีจากมหาลัยจื่อจะดีเยี่ยม แต่ประสบการณ์ด้านการวิจัยของเขาแทบเป็นศูนย์

แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้ว นอกจากคลาสทดลองระดับปริญญาตรี จนกว่าจะมีใครมีความสัมพันธ์พิเศษกับอาจารย์หรือว่าโชคดีพอที่จะถูกเลือกเข้าโครงการฝึกอัจฉริยะ พวกนั้นก็ไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์วิจัย

“คุณเคยมาจากออโรร่าเหรอ?”

อู๋สุยหมู่ตอบ “ใช่ครับ”

ลู่โจวถาม “ใครเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาคุณ?”

อู๋สุยหมู่ตอบ “ศาสตราจารย์หลิวเซียงหลง ผมอยู่ในด้านการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน”

ลู่โจวคิดอยู่สักพักก็นึกชื่อไม่ออก เขาเลยเปลี่ยนประเด็น

“คุณมีประสบการณ์ด้านวัสดุศาสตร์มาก่อนไหม?”

อู๋สุยหมู่เกาหัวแล้วพูดอย่างประหม่า “ผมมีประสบการณ์นิดหน่อย เพราะศาสตราจารย์ภาคเคมีได้ทำโปรเจกต์เกี่ยวกับการแพร่เชิงกลไกของท่อนาโนคาร์บอนกำแพงเดี่ยว ผมช่วยพวกเขาเก็บข้อมูลและทำโมเดลคณิตศาสตร์”

ลู่โจวเลิกคิ้วด้วยความสนใจ “นี่เป็นสาเหตุที่คุณเลือกวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ?”

“ประมาณนั้นครับ” อู๋สุยหมู่ยิ้มและพูดต่อ “ผมรู้สึกว่าผมไปสุดเพดานของการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน มันยากมากที่จะสร้างทฤษฎีที่แปลกใหม่ ดังนั้นที่ปรึกษาของผมจึงแนะนำให้ผมเปลี่ยนจากสายทฤษฎีมาสายประยุกต์ ตอนนั้น ผมดูสุนทรพจน์รางวัลครอฟอร์ดของคุณ ตั้งแต่นั้น ผมตัดสินใจที่จะไปสายวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ!”

น้ำเสียงของเขาเกือบมีความแน่วแน่เต็มเปี่ยม

หลิวสี่หยวนมองดูชายคนนี้ด้วยความชื่นชมระหว่างที่คิดว่าเขาไร้เทียมทานแค่ไหน

หานเมิ่งฉีคิ้วกระตุก เธออดที่จะเบือนหน้านี้ไม่ได้

ลู่โจวยิ้ม

นี่เขากำลังประจบเหรอ?

ใครสนล่ะ มันฟังดูดี

ลู่โจวกระแอมแล้วพูดว่า

“ในเมื่อคุณมีเป้าหมายของตัวเองก็ทำตามนั้นไป แล้วก็จากที่คุณพูดให้ฟัง คุณน่าจะมีความรู้พื้นฐานของวัสดุเชิงคำนวณ ดังนั้นผมจะจัดแจงงานที่เหมาะสมกว่าให้คุณ”

หลังจากนั้น เขามองดูหลินอวี่เซียงซึ่งมีโต๊ะใกล้กับเขาที่สุด

“ขอมาร์กเกอร์ให้ผมหน่อย”

“ขอฉันหาก่อนนะ…”

หลินอวี่เซียงค้นลิ้นชักแล้วเจอมาร์กเกอร์สีดำ เธอยื่นให้เขาอย่างดีใจ

“นี่ค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ลู่โจวรับปากกามาจากเธอแล้วเดินไปยืนข้างไวท์บอร์ดในออฟฟิศเขา เขามองที่ไวท์บอร์ดสีดำอยู่สักพักแล้วเริ่มเขียน

[Ψ(r1,r2,…,rn)= ∏Ψt(rt).]

[{pi2/2m+V(ri)+1/4πε0∑∫drf|Ψj(rj)|2e2/|ri-rj|}Ψi(ri)=EiΨi(ri)]

[…]

อู๋สุยหมู่มองดูสูตรบนไวท์บอร์ดแล้วพูดว่า “นี่คือ…”

“โครงสร้างทฤษฎีพื้นผิวสัมผัสไฟฟ้าเคมี” ลู่โจวเขียนบรรทัดสุดท้ายของสมการแล้วยิ้มระหว่างที่พูดว่า “คุณน่าจะรู้จักมันไว้”

อู๋สุยหมู่กระแอมแล้วพูดขึ้น “ศาสตราจารย์ คุณล้อเล่นใช่ไหม…ทุกคนในสาขาเคมีเชิงคำนวณรู้เรื่องโครงสร้างทฤษฎีพื้นผิวสัมผัสไฟฟ้าเคมี”

ในมุมหนึ่ง มันมีการคำนวณหลักอย่างแรก ในอีกมุมหนึ่ง มันมี ‘ทฤษฎีพื้นผิวสัมผัสไฟฟ้าเคมี’ ทั้งสองสิ่งเป็นเสาหลักของวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ

ตอนที่เขาศึกษาอยู่ที่ออโรร่า อาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ศาสตราจารย์หลิวเซียงหลงชื่นชมโมเดลทฤษฎีนี้เป็นอย่างมาก เขาบอกว่าโมเดลนี้สามารถใช้การวิเคราะห์เชิงฟังก์ชันที่ถึงขีดขั้นสุด

แต่ด้วยระดับความรู้ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าอะไรมัน ‘ขั้นสุด’ ในโมเดลนี้ แต่เมื่อเขาดูลู่โจวเขียนสมการ เขาก็ยังรู้สึกสะเทือนใจ

ถึงเขาจะได้เขียนธีสิสด้วยตัวเอง เขาก็คงไม่สามารถจำได้ทุกคำ อย่างมากเขาก็คงจำสรุปสุดท้ายได้

จริงๆ แล้ว เขาเชื่อว่าลู่โจวไม่มีทางทวนธีสิสของตัวเองได้เช่นกัน

ดังนั้น มันเป็นไปได้ว่าลู่โจวกำลังถอดสมการพวกนี้ตรงหน้าเลย…

นักศึกษาปริญญาโทสองคนมองดูนักศึกษาปริญญาเอกและศาสตราจารย์สื่อสารกัน แล้วพวกเขารู้สึกว่าตัวเองอยู่คนละระดับกัน

แม้แต่หานเมิ่งฉีที่ทำงานพาร์ทไทม์มาสองปีที่สถาบันวัสดุเชิงคำนวณก็ไม่สามารถเข้าใจว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน ถึงเธอจะมีส่วนร่วมในโปรเจกต์วิจัยหลายโปรเจกต์ นักวิจัยก็ไม่ได้ให้นักศึกษาปริญญารับผิดชอบเยอะมากอย่างแน่นอน

เรื่องอย่างเช่น ‘โครงสร้างทฤษฎีพื้นผิวสัมผัสไฟฟ้าเคมี’ ก็เป็นเรื่องที่ล้ำไปสำหรับเธอ

“จริงๆ แล้วโมเดลนี้ห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบและมันยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกเยอะ ยกตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันคลื่นมัลติบอดี้สามารถถูกปรับให้มีหลายระดับความเกี่ยวพัน วิธีการรวมกลุ่มและความแม่นยำของการคำนวณก็สามารถพัฒนาได้”

“สิ่งที่ผมอยากให้คุณทำคือพัฒนาโครงสร้างทฤษฎีพื้นผิวสัมผัสไฟฟ้าเคมี ถึงสิ่งนี้จะดูไม่สำคัญเหมือนกับการปรับแต่งหน้าต่างบนตึกที่สร้างเสร็จแล้ว แต่มันก็ถือว่าสำคัญ ด้วยความสามารถของคุณตอนนี้ทำให้คุณไม่สามารถสร้างชั้นใหม่บนตึกได้”

อู๋สุยหมู่พยักหน้าจริงจังแล้วตอบไป “ผมเข้าใจ ผมจะทำตามที่คุณบอก”

ลู่โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ไม่เลว เด็กคนนี้เชื่อฟังอยู่

“พยายามให้ดีที่สุด ถ้าคุณอยากจะลงลึกในศาสตร์นี้จริงๆ คุณอาจจะต้องเขียนธีสิส JACS สองฉบับ ก่อนสำเร็จการศึกษา”

ตีพิมพ์สองครั้ง!

นั่นมันเพียงพ่อที่จะเข้าโครงการพันดาวเด่น

เมื่ออู๋สุยหมู่ได้ยินสิ่งนี้ เขายิ้มและพูดว่า “โอเค ผมจะทำให้ดีที่สุด!”

ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาหันไปมองนักศึกษาปริญญาโททั้งสองคน

“สำหรับสิ่งที่คุณสองคนต้องทำคือการทำความเข้าใจสิ่งที่ผมเขียนบนไวท์บอร์ด

เมื่อพวกคุณเข้าใจพื้นฐานพวกนี้แล้ว ผมจะให้งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เจาะจงมากขึ้นสำหรับพวกคุณ ถ้าคุณเจอสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ ถามอู๋สุยหมู่ได้เลย ถ้าเขาอธิบายไม่ได้ ก็ถามผมเลย”

สิ่งนี้มันพื้นฐานตรงไหน…

ถึงแม้ว่าหลิวสี่หยวนและหานเมิ่งฉีอยากจะบ่น แต่สองคนนี้ก็ฝืนใจพยักหน้าไป

หลิวสี่หยวนนั้นย่ำแย่กว่า

เขาเป็นแค่นักศึกษาอัจฉริยะทั่วไป ถึงเกรดของเขาจะค่อนข้างดี แต่เขาไม่ได้มีพรสวรรค์เพิ่มเติมนอกจากผลการเรียน

แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าจะรู้สึกยากลำบากกะทันหัน

ตามที่คาดไว้ มันไม่ง่ายที่จะเรียนรู้ภายใต้ผู้ได้รับรางวัลโนเบล

เนื่องจากเขาไม่ได้มีความชาญฉลาดล้ำแบบลู่โจว วิธีเดียวที่จะตามให้ทันคือโต้รุ่ง

หลังจากลู่โจวแจกจ่ายงาน เขาก็วางมาร์กเกอร์ลงแล้วประกาศว่าพวกเขาไปได้

ระหว่างที่นักศึกษากำลังออกไป หานเมิ่งฉีตั้งใจเดินช้าลงแล้วอยู่ต่อในที่สุด

เมื่อคนอื่นออกไปแล้ว เธอมองที่ประตูแล้วหันกลับมามองลู่โจว เธอกระซิบเสียงเบา “อาจารย์”

ลู่โจวมองสีหน้าประหม่าแล้วยิ้มให้ ระหว่างนั้นเขาถามว่า “มีอะไรเหรอ?”

หานเมิ่งฉีม้วนนิ้วแล้วก้มหน้าลง เธอพูดอย่างเงียบๆ ว่า “เอ่อ…ฉันทำได้แล้ว”

แม้ว่าเธอมีสิ่งที่อยากจะพูดเยอะ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอยืนจังงัง

ลู่โจวพูดขึ้น “อืม ยินดีด้วยนะ!”

หานเมิ่งฉีงุดหน้ามองพื้นแล้วทำแก้มป่องอย่างเสียไม่ได้

“คุณไม่มีอย่างอื่นจะพูดแล้วเหรอ?”

ลู่โจวคิดอยู่สักพักและพูดว่า “จริงๆ แล้ว ผมก็เซอร์ไพรส์อยู่นะ”

หานเมิ่งฉีพูดขึ้น “เซอร์ไพรส์?”

ลู่โจวพูดตอบว่า ใช่แล้ว จำที่ผมเคยบอกคุณได้ไหม? ถ้าคุณเข้ามหาวิทยาลัยจินหลิงได้ ผมสัญญาว่าจะเป็นผู้ดูแลให้…ผมไม่คิดว่าคุณจะทำได้จริง”

เมื่อเห็นว่าลู่โจวประเมินเธอต่ำไป หานเมิ่งฉีพูดอย่างใจห่อเหี่ยว “หมายความว่ายังไง? ฉันเคยเป็นนักเรียนของคุณ ยังไงฉันก็ทำได้”

“การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจินหลิงไม่ใช่เรื่องง่าย” ลู่โจวกระแอมและพูดว่า “แน่นอนว่าที่ผมเซอร์ไพรส์ไม่ใช่ที่คุณเข้ามหาวิทยาลัยจินหลิงได้เมื่อสี่ปีก่อน แต่มันคือเมื่อสี่ปีต่อมา คุณยังอยู่ที่นี่”

หานเมิ่งฉีสับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไร

ลู่โจวนิ่งไปแล้วพูดต่อ “ผมคิดมาตลอดว่าเวลาจะเปลี่ยนคนได้ ไม่ใช่แค่คน แต่มันสามารถเปลี่ยนทุกอย่าง รวมถึงอนุภาคพื้นฐานที่สร้างจักรวาลขึ้นมา

“ในทางทฤษฎี เวลาสามารถแก้ไขได้ทุกปัญหา…และคุณ! คุณทำให้ผมเห็นอีกมุมมองหนึ่ง”

หานเมิ่งฉีเอียงหัวและถามว่า “อีกมุมมองหนึ่ง?”

ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว นั่นคือมีหลายสิ่งที่เวลาเปลี่ยนไม่ได้ เหมือนที่คุณบอกผมว่าคุณชอบคณิตศาสตร์ ตอนนั้นผมไม่ได้เชื่อจริงจัง ผมคิดว่าคุณพูดเล่น ผมไม่คิดว่าคุณจะไม่ย่อท้อถึงตอนนี้แล้วกลายเป็นนักศึกษาปริญญาโทของผม…เอาจริงนะ ผมช็อก”

ลู่โจวเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ถ้ามันมีสิ่งที่แม้แต่เวลาก็เปลี่ยนไม่ได้…

ดังนั้นแนวคิดที่จะปล่อยให้เวลาแก้ปัญหานั้นก็บกพร่อง

“จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์…” หานเมิ่งฉีเกาแก้มตัวเองอย่างประหม่าแล้วก้มมองรองเท้า เธอพูดว่า “ฉันก็สนใจในเคมี”

ลู่โจวยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“อืม การวิจัยทางวิทยาศาสตร์นั้นก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจมาก ผมหวังว่าคุณจะชอบมันต่อไป”

“แน่นอนค่ะ!” หานเมิ่งฉีเงยหน้ามองลู่โจวและพยักหน้า เธอมองดูเพดานแล้วพูดว่า “เอ่อ มีอีกเรื่องที่ฉันอยากจะบอกคุณ…”

ลู่โจวถาม “มีอะไรเหรอ?”

หานเมิ่งฉีพูดขึ้น “เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว พ่อแม่ฉันหย่ากัน…”

หานเมิ่งฉีมองท่าทีกังวลของลู่โจวและอมยิ้ม

ถึงเธอไม่อยากพูดถึงประเด็นเศร้านี้ เธอก็พูดต่อ ““ถ้าเป็นแต่ก่อน ฉันคงร้องไห้จนตาถลน ฉันคงจะออกจากห้องไม่ได้ แล้วฉันคงพลาดสิ่งที่น่าสนใจไปเยอะ…”

สีหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส

“ถึงแม้ว่านี่อาจจะช้าไปสี่ปี…แต่ฉันก็ยังอยาก…

“ฉันยังอยากพูดว่าขอบคุณ!”

“ขอบคุณที่ช่วยไว้…”

หานเมิ่งฉีกลับหลังหันแล้ววิ่งออกจากออฟฟิศไปอย่างรวดเร็ว

ลู่โจวมองเธอจากไปแล้วหยุดคิดสักพัก เขาส่ายหัวแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ

เขาไม่คาดหวังว่าการช่วยคนอื่นจะทำให้เบิกบานใจได้ขนาดนี้

เอาตามตรง ตอนที่เขายังติวให้เธอ เขาไม่ได้คิดถึงแง่มุมนี้แม้แต่นิดเดียว…

………………………………………………

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท