ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 861 เผชิญหน้า

ตอนที่ 861 เผชิญหน้า

บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 เหรอ

เถาเจ๋อเซวียนนิ่งไปสักพัก

ไม่เพียงแค่เถาเจ๋อเซวียน แต่ศาสตราจารย์เดอลีงย์ โมลิน่า และแม้แต่ชูลทซ์ที่หลบอยู่ตรงมุมและกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ

“ฉันคิดว่าปัญหาอยู่ที่บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เสียอีก…”

ชูลทซ์พึมพำกับตัวเองขณะหยิบกระดาษออกมา เขาวาดสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจและเริ่มคำนวณในหัว

“บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เหรอ” อัคเชย์ เวนคาเทชที่นั่งติดกับชูลทซ์พูดขึ้น หลังจากที่คิดทบทวนครู่หนึ่ง เขาพูด “ผมคิดว่าปัญหาอยู่ที่หน้า 31 บรรทัดที่ 11 เสียอีก”

อัคเชย์นับว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ระดับโลกเหมือนกับชูลทซ์

นอกเหนือจากผลงานด้านทฤษฎีภาพแทนและทฤษฎีตัวเลขแล้ว เขายังเป็นชาวออสเตรเลียคนเดียวที่ได้เหรียญจากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกและการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ…

ยิ่งไปกว่านั้นเขาชนะทั้งสองรางวัลตอนที่อายุเพียง 12 ปีเท่านั้น

ชูลทซ์หยิบวิทยานิพนธ์ยับๆ ออกมาจากกระเป๋า เขาเหลือไปมองหน้าที่ 31 และดูจะสนใจกับมัน

“ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ลู่จะเจอปัญหามากกว่าที่ผมคิดเสียอีก”

อัคเชย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหลับตาช้าๆ

นักวิชาการสามคนเจอปัญหาสามจุดในข้อพิสูจน์นี้

มันแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแค่แก่นของข้อพิสูจน์จะมีปัญหา แต่ข้อพิสูจน์ทั้งหมดมีปัญหา

แม้ว่าชูลทซ์จะรู้สึกเห็นใจผู้ชนะรางวัลเหรียญฟิลด์ที่อยู่บนเวที แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

ทุกคนต่างก็ทำพลาดเพราะขาดประสบการณ์และความเย่อหยิ่งกันทั้งนั้น เขาหวังว่าลู่โจวจะเข้มแข็งขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้

ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการคณิตศาสตร์

ชูลทซ์ขมวดคิ้วและครุ่นคิด ส่วนอัคเชย์ก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าการรายงานนี้จะออกมาเป็นอย่างไร สวี่เฉิงยางที่นั่งข้างๆ แสดงสีหน้าตึงเครียด

จางโช่วอู๋ที่นั่งติดกับศาสตราจารย์สวี่สังเกตเห็นว่าลู่โจวหยุดพูด จางโช่วอู๋อดไม่ได้ที่จะถาม

“ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย…”

แม้ว่าฟาลติ้งส์จะเคยเป็นที่ปรึกษาของเขา แต่เขาก็เป็นคนจีนเพราะฉะนั้นเขาต้องเข้าข้างคนจีนด้วยกัน

ลู่โจวเป็นหน้าตาของสมาคมนักวิชาการจีน

นี่คือเหตุผลที่จางโช่วอู๋สนับสนุนลู่โจว แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าลู่โจวจะเอาชนะฟาลติ้งส์ได้ก็ตาม…

สุดท้ายแล้วการหาข้อผิดพลาดย่อมง่ายกว่าการสร้างข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือ และการโต้แย้งสดๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก…

ตอนที่ไวล์สพิสูจน์ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา เขาใช้เวลาทั้งปีในการหาช่องโหว่และคำตอบสำหรับคำถามจากผู้วิจารณ์

แต่ตอนนี้นักคณิตศาสตร์กว่าครึ่งโลกกำลังให้ความสนใจไปที่ลู่โจว คนส่วนใหญ่ไม่สามารถคิดอะไรออกด้วยซ้ำในสถานการณ์แบบนี้…

“บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 ใช่ไหมครับ” ลู่โจวเปิดหน้าเอกสารและเจอกับบรรทัดที่ว่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ผมใช้ตารางสเตอร์ลิงสำหรับฟังก์ชัน Γ(s) สมการ (2) ถูกย่อให้เป็น J (δ) = Σd (k + 1) (n) I (n) + Δ (δ)…”

“ผมรู้อยู่แล้ว” ฟาลติ้งส์ขัดลู่โจว เขาพูดต่อ “ตารางสเตอร์ลิงที่ใช้กับฟังก์ชัน Γ (s) เป็นวิธีการที่ฉลาด มันช่วยคุณหลบเลี่ยงปัญหาหลายอย่าง แต่ถึงแม้ว่าคุณจะเปลี่ยน Re (s) = 1-c / ln [| Im (s) | +2] คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าไม่มีจุด Non-Trivial Zeros บนลิมิตข้างขวา”

จางโช่วอู๋กลั้นหายใจ ศาสตราจารย์เดอลีงย์กำหมัดแน่น ชูลทซ์หยุดเขียน เถาเจ๋อเซวียนดูตื่นเต้น โมลิน่ากัดริมฝีปากตัวเอง…

“เอาแล้วไง…” สวี่เฉิงยางพูด

สวี่เฉิงยางที่นั่งใกล้ๆ ศาสตราจารย์จางโช่วอู๋ถอนหายใจ

คนที่นี่ส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าฟาลติ้งส์พูดถึงอะไร

ชายสูงวัยสวมโค้ตยาวสีดำพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

“ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกไหน คุณก็ปฏิเสธความจริงเรื่องนี้ไม่ได้

“นี่คือข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในวิทยานิพนธ์ของคุณ และขอบด้านขวาจาก Re (s) = 1 ยืดออกไปด้านซ้ายด้วย Re (s) = 1-ε (ε > 0) ก็ไม่สมเหตุสมผล ผมพูดเรื่องนี้ในอีเมลฉบับแรกที่ส่งให้คุณแต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ฟังคำแนะนำของผมเลย”

หอประชุมเงียบสนิท

เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น

คำถามนี้เป็นเหมือนมีดคมๆ ที่เจาะทะลุลึกเข้าไปในวิทยานิพนธ์

ศาสตราจารย์เดอลีงย์คลายหมัดที่กำอยู่ และถอนหายใจเบาๆ

เดาว่าฟาลติ้งส์ยังคงเป็นที่สุด

เดอลีงย์ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้ แต่ตั้งแต่ที่ก็อตเท็นดิ๊กตายไป ฟาลติ้งส์ก็เป็นคนที่สามารถแก้สมมติฐานของรีมันน์ได้ใกล้เคียงที่สุด

โมลิน่าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

เธอโล่งใจที่เห็นว่าลู่โจวทำพลาดเพราะนั่นหมายความว่าคู่แข่งสมมติฐานของรีมันน์จะน้อยลง แต่น่าเสียดาย…

เพราะความพ่ายแพ้นี้หมายถึงสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ยังไม่ถูกแก้และบทพิสูจน์ขอบเขตจุดวิกฤติก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้…

คนแรกก็ก็อตเท็นดิ๊ก

ตอนนี้ก็ศาสตราจารย์ลู่

อัจฉริยะมากมายพ่ายแพ้ให้กับเจ้ามังกรสมมติฐานของรีมันน์

มีข่าวลือว่าสมมติฐานของรีมันน์ก็เหมือนทฤษฎีบทความไม่บริบูรณ์ของเกอเดลที่ไม่มีวันแก้หรือพิสูจน์ได้…

โมลิน่าอดที่จะกลัวไม่ได้

แล้วถ้าเกิดว่าคำตอบที่เธอตามหามันไม่มีอยู่จริงล่ะ…

งานทั้งหมดนี่จะมีไปเพื่ออะไร

อีกฟากหนึ่งของหอประชุม

ชูลทซ์มองไปที่ลู่โจวและยิ้ม เขาพูดคุยกับอัคเชย์

“อัคเชย์เพื่อนยาก รู้ไหมว่าบางครั้งผมก็สงสัยว่าสมมติฐานของรีมันน์อาจจะเป็นคำสาป ลองคิดดูสิว่ามีอัจฉริยะมากมายที่พ่ายแพ้ให้กับสมมติฐานของรีมันน์ อย่างน้อยมันก็เคยเกิดขึ้นกับเซอร์อติยาห์”

อัคเชย์กอดอกและส่ายหัว

“ผมไม่เชื่อเรื่องคำสาป”

“นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจต่างหาก” ชูลทซ์ยักไหล่และโชว์ยิ้มที่มีเสน่ห์ขณะที่พูด “รู้ไหมว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะออกจากบ้านแล้วมาอยู่ที่ฝรั่งเศส ก็อตเท็นดิ๊กหมกมุ่นกับความคิดเรื่องซาตาน เขาเชื่อว่าปีศาจเปลี่ยนตัวเลขความเร็วของแสงจาก 300,000 กิโลเมตรต่อวินาทีเป็นตัวเลขที่ไร้เหตุผลอย่าง 299,792.458 กิโลเมตรต่อวินาที เขาเชื่อว่าซาตานทำให้สมมติฐานของรีมันน์ที่ดูง่ายๆ กลายเป็นสิ่งที่คนไม่สามารถแก้ได้…”

อัคเชย์รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาพยายามจบบทสนทนานี้

“โอเค พอแล้ว”

ชูลทซ์ยิ้มและเพิกเฉยกับคำพูดของอัคเชย์

“อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะหายไป และก่อนที่จะมีการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของไวล์ ก็อตเท็นดิ๊กพยายามแก้สมมติฐานของรีมันน์ ในปี 2010 ก็อตเท็นดิ๊กที่ห่างหายไปเป็น 10 ปีอยู่ดีๆ ก็เขียนจดหมายถึงนักศึกษาของเขา เดาสิว่าเขาเขียนว่าอะไร”

อัคเชย์ไม่อยากฟังตำนานพวกนี้ แต่เขาก็ยังถามเพราะความสงสัย “อะไร…”

ชูลทซ์คายหมากฝรั่งใส่กระดาษห่อและพูด

“เขาเขียนว่าใครก็ตามที่สามารถชิงมงกุฎสมมติฐานของรีมันน์จากซาตานได้ จะได้ในสิ่งที่ผู้คนไขว่คว้ามาเป็นพันพันปี…”

เขานิ่งไปสักครู่และพูดต่อ “นั่นก็คือการรวมตัวกันของพีชคณิตและเรขาคณิต! “

ลู่โจวยืนเงียบๆ บนเวที

เป็นเวลานาน

ขณะที่ฟาลติ้งส์เริ่มสงสัยว่าเขาโหดร้ายกับนักวิชาการหนุ่มคนนี้ไปไหม อยู่ดีๆ ลู่โจวก็พูดขึ้น “เหตุผลที่คุณถามคำถามนี้ก็เพราะว่าคุณไม่เข้าใจข้อพิสูจน์ผมเลยแม้แต่น้อย”

ทันทีที่เขาพูดจบ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในหอประชุม

ทุกคนต่างประหลาดใจ ตกใจและโมโห!

ลู่โจวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขาสูดลมหายใจเข้าและจ้องไปที่ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ที่ยืนอยู่ไกลๆ

เขาเหลือบมองไปที่ชายสูงวัยที่แสดงสีหน้าเหลือเชื่อและพูดต่อ “ผมต้องขอโทษที่ผมพูดตรงไป”

“แต่หลังจากที่ได้ยินคำถามของคุณแล้ว ผมก็รู้ว่าความแตกต่างของพวกเราคืออะไร”

เดิมทีเขาคิดว่าเขาอธิบายข้อพิสูจน์ของตัวเองไม่ชัดเจนพอ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น…

ความขัดแย้งของทั้งคู่ไม่ใช่ปมเชือกที่พันกันแน่นแต่พวกเขาเป็นเหมือนเส้นคู่ขนานมากกว่า

ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ

มันเป็นความรู้สึกดีจนน่าประหลาดใจ

ความคลางแคลงใจที่มีหายไปหมด

ลู่โจวถอนหายใจอยู่ในใจ

เขารู้สึกว่ามีแค่คนคนเดียวบนโลกที่เข้าใจวิทยานิพนธ์ของเขาอย่างแท้จริง

และคนคนนั้นไม่ได้อยู่ที่หอประชุมในวันนี้

“ผมจะแสดงข้อพิสูจน์ให้คุณดู”

ลู่โจวหันไปเผชิญหน้ากับไวท์บอร์ด

“คุณคงจะจำสมการที่อยู่บนไวท์บอร์ดได้แล้ว ดังนั้นผมจะลบก่อน…”

หลังจากที่ลบไวท์บอร์ด ลู่โจวหยิบปากกาขึ้นมา

“ก่อนอื่นเลย ผมอยากขอบคุณนักศึกษาของผม ถ้าไม่มีเธอเรื่องทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้”

ลู่โจวหันกลับมาและมองหน้าฟาลติ้งส์อย่างจริงจัง

หลังจากนั้นเขาเหลือบไปมองและจ้องไปด้านหลังห้องประชุม

“มาเริ่มกันที่ส่วนพื้นฐานกันก่อน…สิ่งที่ทำให้วิทยานิพนธ์นี้เป็นไปได้”

เขาหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนบางอย่างบนไวท์บอร์ด

‘การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก’

ทันทีที่เขาเขียนเสร็จ

บรรยากาศในหอประชุมก็ลุกเป็นไฟ!

……………………………

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท