ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 1073 หนึ่งกองทัพพอไหม?

ตอนที่ 1073 หนึ่งกองทัพพอไหม?

ตอนแรกลู่โจวคิดว่าเขาจะได้อาสาสมัครที่ยอดเยี่ยมจำนวน 100 คน

ดังนั้นเมื่อรัฐมนตรีฉินเสนอให้เขาทั้งกองทหาร มันทำให้เขารู้สึกช็อก

ลู่โจวพูดว่า  หนึ่งกองทหารมากเกินไปครับ ผมไม่ได้มีเครื่องทดลองมากขนาดนั้น 

หนึ่งกองทัพมีจำนวนอย่างน้อย 1,000 คน และอาจมีมากถึง 2,000 คน

เขาต้องการอาสาสมัครจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น

รัฐมนตรีฉินพูดว่า  งั้นก็บอกตัวเลขมา ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณต้องการกี่คน? 

 200 คนน่าจะพอ  ลู่โจวตอบ ตอนแรกเขาจะพูดว่า 100 คน แต่เขาตัดสินใจเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าเผื่อไว้ก่อน

เมื่อรัฐมนตรีฉินได้ยินจำนวนตัวเลขเขารู้สึกโล่งอก เขายินดีที่จะเสียสละทั้งกองทหารหรือสองกองกำลังเพื่อให้ได้เทคโนโลยีนี้มา

แต่ยิ่งมีคนเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้มากเท่าไหร่ มันก็จะเก็บเป็นความลับได้ยากมากขึ้นเท่านั้น

รัฐมนตรีฉินพูดว่า  ไม่มีปัญหา ตราบใดที่เราได้เทคโนโลยีนี้มาเราก็หาคนมาได้! 

มันเป็นการเสียสละที่คุ้มค่า เนื่องจากศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ไม่มีขีดจำกัด

เมื่อเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปอีกขึ้น มันจะสามารถจำลองความจริงเต็มรูปแบบได้ ในตอนนั้น นอกจากมันใช้ฝึกทหารอากาศได้ มันก็สามารถใช้ฝึกทหารแบบทั่วไปได้เช่นกัน ทุกอย่างสามารถทำได้ในโลกเสมือน

กองทัพปลดแอกประชาชนจะสามารถประหยัดงบด้านการทหารปีละหลายสิบล้าน

งบประมาณพวกนี้จะได้ถูกใช้กับภาคส่วนที่จำเป็น

อย่างเช่น การวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านป้องกันราชอาณาจักร

มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยว่าเทคโนโลยีนี้สามารถเปลี่ยนทั้งกองทัพและกองกำลังป้องกันราชอาณาจักรของประเทศได้

เทคโนโลยีนี้คุ้มค่า ไม่ว่าราคาที่ต้องจ่ายสูงแค่ไหน

หลังจากได้ลองเครื่องทดลอง ผู้อำนวยการหลี่และรัฐมนตรีฉินไม่ได้อยู่ที่นี่ต่ออีกนาน

ก่อนที่จะกลับไป รัฐมนตรีฉินบอกลู่โจวว่าทีมอาสาสมัครจะถูกจัดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ และลู่โจวไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นนอกจากการวิจัย

ทีมทหารความจริงเสมือนจึงถูกสร้างขึ้น

เนื่องจากการประยุกต์ใช้กับด้านการทหาร เทคโนโลยีนี้ได้มีความหมายและสำคัญมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

ลู่โจวค่อนข้างพึงพอใจกับแผนของเฉินยู่ซาน หลังจากเขาได้วีซ่าและที่พักอาศัยของลูเมียร์ทำให้โปรเจกต์นี้ได้เดินหน้าเต็มรูปแบบ

ก่อนที่เขาเริ่มสร้างระบบทั้งหมด เขาต้องคิดเค้าร่างของเส้นทางเทคนิคขึ้นมาก่อนแล้วสร้างเฟรมเวิร์กอัลกอริทึม สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องทำคือเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากอาสาสมัคร

ในวันที่สามที่ศาสตราจารย์มาถึงจีน อยู่ดีๆ มีสายโทรศัพท์ที่ไม่คาดคิดโทรหาลู่โจว

 ฮัลโหล?  

 สวัสดี…ผมซารอท ผมไม่คิดว่าเบอร์นี้ยังใช้ได้อยู่ 

ซารอท?

ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า

 ผมไม่ได้เปลี่ยนเบอร์ครับ…เราก็ไม่ได้คุยกันนานเลย ทำไมจู่ๆ คุณติดต่อผมมาล่ะ? 

ซารอทกระแอมและพูดอย่างประหม่า  ผมไม่อยากรบกวนคุณ คือว่า…เพื่อนผมน่าจะหายตัวไป คุณช่วยผมได้ไหม? 

ลู่โจวพูดทวน  …หายไป? ที่ไหนครับ? 

 เซี่ยงไฮ้ 

ลู่โจวพูดด้วยท่าทีเหลือเชื่อ  …คุณแน่ใจนะว่าเขาหายไป? 

 ใช่ครับ พวกเราไปงานประชุมวิชาการที่เซี่ยงไฮ้ก่อนที่เขาจะหายตัวไป…เขายืนอยู่ที่ถนนตอนที่ผมไปซื้อกาแฟ พอผมกลับมาเขาก็หายไป ผมพยายามโทรหาเขาแล้วก็ส่งอีเมลด้วย แต่เขาไม่ได้ตอบเลย 

ซารอทรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเล่าค่อนข้างประหลาด

ลู่โจวเป็นคนเดียวในจีนที่เขารู้จัก นั่นเป็นเหตุผลที่เขาโทรหาลู่โจว

ลู่โจวดื่มกาแฟและถามว่า  เขาชื่ออะไรครับ? 

 เขาเป็นคนสวิตเซอร์แลนด์ เขาชื่อว่าลูเมียร์… 

 โถ่! 

ซารอทได้ยินเสียงจากปลายสายและนิ่งไปสักพัก

 มีอะไรหรือเปล่าครับ? 

ลู่โจวเช็ดกาแฟที่ปากและตอบว่า

 ไม่มีอะไรครับ…ผมจะให้คนของผมตามหาเขา 

ซารอทพยักหน้าและพูดว่า  ขอบคุณครับ 

ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า

 ไม่เป็นไรครับ มาเยี่ยมผมที่จินหลิงบ้างนะ 

ซารอทตอบ  ได้เลยครับ! 

ณ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง

ลู่โจวนั่งอยู่ในห้องแล็บความจริงเสมือนชั่วคราว เขาไปคุยกับศาสตราจารย์ลูเมียร์ที่ออฟฟิศของเขา

 ผมรู้ว่าคุณตื่นเต้น แต่อย่างน้อยคุณก็ช่วยตอบอีเมลเพื่อนคุณหน่อย 

 เพื่อน? อ่อ ผมลืมไปเลย ไว้ผมติดต่อเขาไปทีหลัง ตอนนี้ผมกำลังเขียนจดหมายลาออก…คุณรู้ไหมว่าผมเคยทำงานที่ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เครือข่ายเส้นประสาทสวิตเซอร์แลนด์ และผู้อำนวยการของสถาบันมองผมดีมาก เขาพูดในหลายโอกาสว่าเขาตั้งใจจะเลื่อนขั้นให้ผมเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ ตอนนี้ผมกำลังลาออกกะทันหัน ผมต้องให้เหตุผลกับเขา 

 ลาออก?  ลู่โจวมีสีหน้าประหลาดใจ  ผม…ลาออกให้คุณแล้ว 

 …ลาออกให้แล้ว? 

ลูเมียร์นิ่งไป แล้วเขาหยุดพิมพ์คีย์บอร์ด

ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า  ผมใช้อีเมลคุณส่งอีเมลไปที่แผนกของศูนย์วิจัย…พวกเขาตกลงอย่างรวดเร็ว 

ทุกอย่างนิ่งเงียบสนิท

ผ่านไปสิบวินาที ลูเมียร์ถามขึ้นว่า  นักวิชาการไอเนสพูดว่าอย่างไรบ้าง? 

ลูเมียร์ลุกขึ้นจากที่นั่ง ตาของเขาแดงก่ำเหมือนเต็มไปด้วยอารมณ์ปะทุ…

 ไอเนส? ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร 

ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า  ผมเดาว่าเขาเป็นหัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์ ผมจำได้ว่าเขาตอบสั้นๆ แค่ไม่กี่ประโยค 

ลูเมียร์งงจังงัง

เมื่อยืนหนึ่งอยู่สักพัก จู่ๆ ลูเมียร์นั่งลงจมลงที่เก้าอี้ของตัวเอง

 … ไม่เป็นไรครับ 

เขาโบกมือให้และจับเมาส์

เขาเอาจดหมายลาออกสองพันคำใส่ถังขยะแล้วเปิดร่างโครงการวิจัยที่ยังไม่เสร็จซึ่งเขาวางแผนจะทำต่อในวันพรุ่งนี้

ถึงแม้ว่าลู่โจวรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับสภาพจิตใจของเขา เมื่อเห็นว่าลูเมียร์ยังมีอารมณ์ทำงานในโปรเจกต์นี้ ลู่โจวรู้สึกว่าเขาควรปลอบลูเมียร์ไว้คนเดียว…

ลู่โจวตบไหล่เขาและพูดว่า  อย่าลืมตอบกลับเพื่อนคุณด้วยนะครับ 

จากนั้นลู่โจวเดินออกจากออฟฟิศไป

…………………………

 

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท