ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 1086 พวกประหลาดมักไม่เก่ง

ตอนที่ 1086 พวกประหลาดมักไม่เก่ง

ณ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง

ภายในห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง

เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง หม่าเถิงที่กำลังนอนอยู่ในอุปกรณ์ทดลองการจำลองภาพเสมือนจริงก็ได้ยกขาไปข้างหน้าและลุกขึ้นจากเก้าอี้

หน้าอกเขาเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมาหลังเขาถอดหมวกกันน็อคออก เขาเมินคำถามของผู้ช่วยของเขาว่าโอเคไหม เขามองที่หมวกกันน็อคในมือและพูดขึ้น

 นี่มัน… 

ริมฝีปากของเขาสั่นเทาขณะที่เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ไม่นานก็มีพนักงานคนหนึ่งเอาน้ำมาให้เขาหนึ่งแก้ว เขากระดกจนหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า

 …มันน่าทึ่งมาก! 

ณ ดาวเคราะห์ซีรูเลียน

ป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้มากมายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

เหล่าสวอร์มโอสต์ที่อันตราย

นี่คือโลกใบใหม่!

เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยตอนที่ลงจอดบนโลกนี้เป็นครั้งแรก

ในความเห็นของเขา ผู้เล่นควรได้อุปกรณ์เพิ่มเพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่สะดวกสบายมากกว่านี้ เช่น การที่ไม่เจ็บและความไม่สบายตัว

ขณะที่หม่าเถิงกำลังคิดในใจอยู่ ศาสตราจารย์ลูเมียร์ที่รับผิดชอบโปรเจกต์การจำลองภาพเสมือนจริง รวมถึงเฉินยู่ซาน ซีอีโอของสตาร์สกายเทคโนโลยีได้เดินผ่านมาพอดี

 เป็นไงบ้าง? 

 มันสมบูรณ์แบบมาก…  หม่าเถิงมอบหมวกกันน็อคให้กับพนักงานและถอดแว่นออก ดวงตาของเขายังคงแวววับไปด้วยความประหลาดใจในขณะที่เขาพูด  ราวกับว่าผมอยู่ในความฝันเลยล่ะ แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนจริงมากกว่าความฝันเสียอีก 

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ราวกับว่าเพิ่งตัดสินใจอะไรบางอย่างครั้งใหญ่ไป

 ผมรู้แล้ว!

 มาพัฒนาเกมเสมือนจริงในธีมสตาร์คราฟต์กันเถอะ! การจำลองภาพเสมือนจริงสามารถแสดงความยิ่งใหญ่ของเหล่าดวงดาวและดาวเคราะห์ได้! มันจะเติมเต็มความฝันของวัยรุ่นนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน! 

เขาหยุดสักครู่แล้วมองไปที่เฉินยู่ซานด้วยสายตาอ้อนวอน เขายิ้มช้าๆ และถามว่า  เราสามารถซื้อ…ดาวเคราะห์ดวงนั้นได้ไหม? 

เฉินยู่ซานยิ้มและพูดว่า  นั่นเป็นโมเดลโอเพนซอร์ซฟรีในระบบการพัฒนาเสมือนจริง คุณใช้มันได้เลยถ้าต้องการ แต่— 

 หนึ่งร้อยล้านหยวน  ซีอีโอหม่ากล่าว  เราจะซื้อมัน และพวกคุณต้องสอนนักพัฒนาของเราเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน คุณคิดว่าไง? 

เฉินยู่ซานเกือบหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ขณะที่เธอพยักหน้า

 ตามนั้น 

ความคิดของหม่าเถิงนั้นง่ายมากๆ

การพัฒนาเกมไม่ใช่ส่วนสำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญคือการได้รับใบอนุญาตเกมออนไลน์เสมือนจริงเกมแรกต่างหาก เพื่อดึงดูดผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลกมันต้องใช้เอนจินเกมและเทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้าเพื่อสร้างเกมออนไลน์ได้เร็วที่สุด

มันไม่ได้สำคัญว่าเกมแรกจะล้มเหลวหรือไม่ เพราะพวกเขาสามารถออกเกมที่สองได้เสมอ

และไม่มีทางที่เกมจะพังอย่างแน่นอน

แม้ว่าเกมพีซีเกมแรกจะแย่เอามากๆ แต่ก็ล้ำหน้ากว่าคอนโซลเกมนินเทนโดแบบพกพารุ่นก่อนไปหลายไมล์ เมื่อนักเล่นเกมเห็นดาวเคราะห์ที่น่าหลงใหลด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขาจะตกใจกับความงามของมันอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามหม่าเถิงไม่รู้เลยว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ใช่ซอฟต์แวร์ ‘การสาธิตการลงทุน’ ที่สร้างโดยสตาร์สกายเทคโนโลยี แต่มันเป็น ‘มินิเกม’ ที่รวบรวมเพื่อทดสอบความเสถียรของระบบต่างหาก

ถึงแม้ว่าลูเมียร์และลู่โจวใช้เวลาสองสามวันในการรวบรวมซอฟต์แวร์ แต่ก็ไม่ถึงร้อยล้านหยวน

เฉินยู่ซานรู้สึกว่าซีอีโอหม่ากำลังลงทุนอย่างหุนหันพลันแล่นเกินไป แต่พอเห็นว่าเขากระตือรือร้นขนาดไหน เธอจึงรู้สึกว่าเธอควรเป็นผู้ขายที่ ‘ใจดี’ และปล่อยให้เขาใช้เงินของเขาดีกว่า…

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีกับการซื้อขายราคาร้อยล้านหยวนก็มีผู้คนมารวมตัวกันภายในสำนักงานที่อาคารแผนกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง

นอกจากผู้ช่วยของลู่โจวแล้ว นักเรียนของเขาส่วนใหญ่เลือกค้นคว้าและทำงานที่ห้องสมุดแทนเพราะลู่โจวไม่ค่อยมาที่ออฟฟิศบ่อยนัก

และห้องสมุดก็มีบรรยากาศที่ดี แม้แต่ตัวลู่โจวเองก็แนะนำให้นักเรียนไปค้นคว้าที่นั่นเช่นกัน

เขาไม่เคยต้องการให้นักเรียนคิดว่าตัวเองเป็นพนักงานที่ต้องคอยตอกบัตรเข้าทำงาน ถึงมันจะช่วยนักเรียนที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แต่ก็ทำให้นักเรียนที่มีวินัยอย่างอิสระมากขึ้น

สิ่งเดียวที่ลู่โจวสนใจคือนักเรียนของเขาต้องทำงานเสร็จตรงเวลาเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร

แต่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทุกคนต่างตอกบัตรเข้าสำนักงานทุกวันทั้งๆ ที่ลู่โจวไม่อยู่

หลี่โม่เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานอันเงียบสงบ เขากำลังจะอ้าปากทักทายแต่เขาก็ต้องปิดปากอย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่ลู่โจวจัดทัวร์ออฟฟิศให้เขาเป็นครั้งแรก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นทุกคนนั่งอยู่ที่นี่ ปกติจะเห็นพวกเขาที่ห้องสมุด

หลี่โม่เดินไปหาเหอชางเหวินที่กำลังทุกข์ทรมานกับปัญหา เขามองไปรอบๆ และกระซิบว่า  เฮ้ พี่ชาย วันนี้เป็นไงบ้าง? 

เหอชางเหวินรู้สึกหงุดหงิดมากจนอยากจะดึงผมออกจากหัวตัวเอง เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ  ศาสตราจารย์ให้งานพวกเรา ดังนั้นวันนี้ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้นะ ไปอ่านหนังสือหรือไม่ก็ไปหาคณบดีฉินเถอะ 

หลี่โม่รู้สึกสับสน เขาไม่เคยแม้แต่ขอความช่วยเหลือจากเหอชางเหวิน

เขามองดูกระดาษบนโต๊ะและพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 พี่ทำวิจัยอะไรอยู่เหรอ? 

เหอชางเหวิน  นายไม่เข้าใจหรอก 

 พี่ บอกมาเถอะ ฉันอยากรู้จริงๆ ! 

เหอชางเหวินมองดูนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่ดื้อรั้นคนนี้และยิ้มให้ เขาดันแว่นขึ้นไปที่สันจมูกแล้วพูดว่า  ช่างมันเถอะ นายยังพร้อมหรอก ไม่มีทางที่จะเข้าใจ 

หลังจากนั้น เขาก็หยิบกระดาษร่างขึ้นมาและเขียนสมการสองบรรทัดลงไป เขามอบกระดาษร่างให้หลี่โม่

 ลองดู ถ้านายแก้สมการนี้ได้ ฉันจะอธิบายให้ฟัง 

หลี่โม่จ้องไปที่คำถาม เขาก็ตกตะลึง

บ้าจริง ฉันไม่เคยเห็นคำถามแบบนี้มาก่อน

แต่…

ก็น่าสนใจเลยทีเดียว

คิ้วของเขาเริ่มเข้าใกล้กันขณะที่เขาเริ่มกัดเล็บตัวเอง เขาหยิบกระดาษร่างอันนั้นขึ้นมา

 ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด…ก็ดูยากนิดหน่อย 

นิดหน่อย?

ฮ่าๆ

เหอชางเหวินยิ้มและไม่พูดอะไร เขายังคงจ้องที่กระดาษร่างบนโต๊ะพร้อมกับดึงผมจนตึง

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง

เขาเอนหลังพิงเก้าอี้และกำลังจะหยิบน้ำ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเศษกระดาษถูกวางบนโต๊ะของเขา

เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเด็กยืนอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง เด็กน้อยพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ

 พี่ชาย สมการนี้ยากเกินไป…ฉันไม่รู้ว่าฉันพูดถูกหรือเปล่า แต่นี่คือทั้งหมดที่ฉันทำได้ 

 อะไรวะเนี่ย 

เหอชางเหวินลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วและมองหลี่โม่อย่างไม่เชื่อ เขากลืนน้ำลายก่อนจะพูด  นักศึกษาปริญญาตรีเรียนเรื่องพื้นผิวของรีมันน์และแมนิโฟลด์ที่ซับซ้อน n มิติแล้วเหรอ? นี่นายเรียนหลักสูตรบัณฑิตศึกษาหรือเปล่า? 

ผู้ชายคนนี้ใช่เด็กใหม่แน่เหรอ!

 ฉันไม่ได้เรียนรู้จากแค่การบรรยายเท่านั้น  หลี่โม่ยิ้มอย่างช้าๆ ขณะที่เกาหัวตัวเองเบาๆ  ศาสตราจารย์ลู่แนะนำให้อ่านลิสต์ในเว่ยป๋อของเขาใช่ไหม? ฉันอ่านมันตั้งแต่มัธยมแล้ว 

เหอชางเหวิน  … 

เขาหยิบกระดาษขึ้นมาและมองดูด้วยสายตาที่เฉียบแหลมโดยไม่พูดอะไร

 ขอดูผลงานนายหน่อย 

เขาอาจจะแค่เขียนเรื่องไร้สาระก็ได้

เหอชางเหวินเริ่มอ่านงานในกระดาษด้วยความสงสัยบางอย่างในใจ

แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งตกใจ

ดูหลักฐานพวกนี้สิ!

ดูทฤษฎีบทที่เขาใช้สิ!

นี้ดูไม่เหมือนสิ่งที่ทำโดยนักศึกษาระดับปริญญาตรีเลยสักนิด

นี่คือจุดแข็งของผู้ชนะเลิศเหรียญทอง IMO เหรอ?

เหงื่อที่หน้าผากเริ่มไหลลงมา

ดูเหมือนศาสตราจารย์จะจ้างคนประหลาดเพิ่มมาอีกคนแล้วสินะ

หานเมิ่งฉีเห็นความโกลาหลขณะที่เธอเดินมาพร้อมกับถ้วยกาแฟในมือ

 นี่พวกนายทำอะไรกันอยู่เนี่ย? 

เหอชางเหวินวางกระดาษลงบนโต๊ะ

เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เพราะสีหน้าของเขาบอกเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

เขาส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ

 ฉันจะไปสูบบุหรี่  เขาพูดขณะเดินออกจากสำนักงาน

หานเมิ่งฉี  … 

หลี่โม่มองดูเขาที่เดินจากไป เขาหันไปมองหานเมิ่งฉีอย่างช้าๆ และถามว่า  ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? 

หานเมิ่งฉีไม่ตอบอะไร แต่เธอหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาแทน

เธอเองก็มีสีหน้าประหลาดใจ

 นายเขียนสิ่งนี้เองเหรอ 

หลี่โม่พยักหน้าและกล่าวว่า  ใช่ แค่ตอนนี้นะ 

 รู้แล้ว!  หานเมิ่งฉีพยักหน้าและพูดว่า  ไม่มีทางที่เหอชางเหวินจะเขียนมันขึ้นมาเอง… 

หลี่โม่กล่าวว่า  นั่นไม่ดีเลยนะ 

 ไม่เป็นไร เขาชินแล้ว  หานเมิ่งฉีพูดขณะที่เธอวางกระดาษร่างลงบนโต๊ะ เธอมองไปที่เด็กวัยรุ่นตรงหน้า และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า  นายอ่านหนังสือระดับปริญญาตรีเสร็จหมดแล้วเหรอ? 

หลี่โม่พยักหน้าและกล่าวว่า  ใช่…ฉันอ่านหนังสือในหลักสูตรมาหมดแล้ว 

 แล้วนายสนใจที่จะเข้าร่วมโปรเจกต์วิจัยของเราไหม? 

 โปรเจกต์วิจัยของศาสตราจารย์ลู่ใช่มั้ยครับ? 

แม้ว่าหานเมิ่งฉีจะดูถูกเรื่องที่เด็กคนนี้มีความหลงใหลกับศาสตราจารย์ลู่แบบแปลกๆ แต่เธอก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ สำหรับฐานะนักเรียนที่ยอดเยี่ยม และใจดีของศาสตราจารย์ลู่ นี่เป็นความรับผิดชอบของเธอ

 เอ่อ ใช่ 

หลี่โม่ไม่อยากจะเชื่อสายตาของเขา และเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น

 แต่ฉันเป็นแค่นักศึกษาปริญญาตรี แน่ใจแล้วเหรอครับ? เกิดอะไรขึ้นถ้ามันอาจจะกลายเป็นการสร้างความรำคาญให้ท่านเทพลู่ก็ได้นะครับ?

หานเมิ่งฉีพูดอย่างตรงไปตรงมา  ไม่ต้องกังวล คนส่วนใหญ่ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นนายจะไม่มีโอกาสกลายเป็นคนน่ารำคาญแน่นอน 

หลี่โม่เกาหัวและพูดว่า  โอ้ ใช่… 

หานเมิ่งฉีกล่าวว่า  การวิจัยไม่ใช่สิ่งที่เฉพาะนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากนายต้องการก้าวไปสู่เส้นทางวิชาการก็ควรฝึกฝนความสามารถในการวิจัยของนาย แทนที่จะทำแค่ในตำราเรียน 

จากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอ

ตอนที่เธอยังเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยจินและสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงมีโครงการฝึกอบรมผู้มีความสามารถด้านการวิจัยให้ ซึ่งทำให้เธอมีโอกาสได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์วิจัยมากมาย

รวมถึงโปรเจกต์แบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์

แม้ว่าเธอจะเป็นนักวิจัยมือใหม่ แต่เธอก็มีส่วนสนับสนุนวัสดุที่ใช้ในแบตเตอรี่อย่างไม่ธรรมดา

ในที่สุดเธอก็ออกจากโลกแห่งเคมีและเดินตามรอยเท้าของลู่โจวสู่วิชาคณิตศาสตร์ล้วนๆ ประสบการณ์การวิจัยที่เธอได้รับยังคงเป็นประโยชน์กับเธอจนถึงทุกวันนี้

 จริงสิ เกี่ยวกับกระดาษร่างอันนี้  หานเมิ่งฉีกล่าวขณะยื่นกระดาษร่างให้เด็กวัยรุ่น เธอกล่าวต่อว่า  งานของนายในอีกสองสามวันข้างหน้าคือการวิจัยกระบวนการส่งวารสาร จัดระเบียบเป็นบทความ และเผยแพร่ 

แม้ว่านี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ที่สำคัญเป็นพิเศษ แต่ก็ดีพอที่จะส่งไปยังวารสารย่อย

หลี่โม่ลังเลและพูดว่า  เอ่อ…คือแน่ใจแล้วเหรอครับ? 

 แน่นอนว่านี่คือผลลัพธ์ที่กำลังดำเนินการอยู่ และนายจะได้ทำมันด้วยตัวเอง  หานเมิ่งฉีกล่าว เธอหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า  ถ้าหากนายไม่เผยแพร่สิ่งนี้ เหอชางเหวินคงอยากเลิกค้นคว้าไปตลอดชีวิตแน่ๆ 

…………………………

 

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท