ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 91

ตอนที่ 91

ไบรอันเหงื่ออย่างมาก และการหายใจได้แปรปรวนและจากปลดปล่อยแรงกดดันอันมหาศาลจากพลังเวทย์ทั้งหมดที่มี

เมื่อคิดได้ไบรอันตกใจมากที่ปล่อยพลังขนาดนั้นออกมา ในขณะที่กำลังแค่ต่อสู้กับเด็กนักเรียนที่อยู่ในระดับมือใหม่เท่านั้น

‘แย่ละ เราทำอะไรลงไป’

แต่เมื่อมองไปที่เจสันที่ดูปกติดี ไบรอันก็โล่งใจหน่อยๆ ที่เจสันไม่ได้เป็นอะไร

เพื่อนของเจสันต่างตกใจเป็นอย่างมาก จากจิตสังหารที่รุนแรง และเจตนาการสังหารที่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนของเจสัน ทำให้ทุกคนต่างกลัวและไม่กล้าที่จะยั่วยุเจสันอีก

และหากมองใกล้ๆ ที่คอของไบรอันจะพบบาดแผลที่ไม่ลึกมาก จากการโจมตีเฉียดฉิวของเจสัน ไบรวิ่งไปหาเจสันหลังจากปล่อยพลังออกไป และถามว่าเจสันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง และเจสันก็ได้บอกว่าไม่เป็นไรพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน

แรงกดดันที่ถูกปลดปล่อยจากพลังเวทย์ของผู้เป็นระดับผู้วิเศษนั้น ไม่ใช่เรื่องตลก มันรุนแรงจนถึงขนาดที่คนที่อ่อนแอสามารถช็อคจากแรงกดดันและตายได้

‘เด็กคนนี้เพิ่งปล่อยจิตสังหารและตั้งใจที่ฆ่าฉันเมื่อตะกี้ แท้ ทำไมตอนนี้ดูราวกับเป็นคนละคน’

ไบรอันคิด

แต่ถึงอย่างนั้นไบรอันก็ได้ยอมรับความสามารถในการต่อสู้ของเจสัน เพราะถ้าเขาไม่ปลดปล่อยพลังออกมา ไบรอันคงโดนเจสันฟันคอด้วยมีดเล็กๆ นั้น

ไบรอันสงสัยว่าทำไมเจสันถึงสามารถปลดปล่อยจิตสังหารขนาดนั้นได้ในขณะที่อายุเพียงแค่นี้ เพราะถึงแม้คนที่อยู่ในขั้นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางยังไม่สามรถปล่อยจิตสังหารที่น่ากลัวขนาดนี้

***เพิ่มเติม จิตสังหารในเรื่องนี้จะบ่งบอกถึงความสามารถในการสังหารได้ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ แสดงว่าอัตราการที่จะสังหารสำเร็จยิ่งมีมาก อย่างที่เจสันได้ปลดปล่อยออกมาไบรอันรู้ดีว่าถ้าไม่ปล่อยพลังทั้งหมดที่ตัวเองมีออกมา เขาจะถูกเจสันฆ่าในพริบตาเดียว ***

ไบรอันยังคิดอีกว่า ในอนาคตของเจสันต้องกลายเป็นคนที่มีควาวสามารถที่น่าสะพรึงกลัว และความคิดที่คิดว่าเจสันเป็นคนขี้เกรียจก็ได้หายออกไปจากหัวของไบรอันทันที

หลังจากจบการต่อสู้ เจาสันก็เอาสกอร์พิโอที่เจสันวางไว้ก่อนจะต่อสู้ ขึ้นมาบนไหล่อีกครั้ง หลังในตอนที่เจสันนั้นปล่อยจิตสังหารออกมา สกอร์พิโอก็มีแววตากลายเป็นสีแดงและในช่วงเวลานั้นเองสกอร์พิโอก็มีความกระหายเลือดเช่นเดียวกับตอนที่เจสันกำลังคลั่ง

แต่สุดท้ายก็โชคดีที่เจสันฟื้นคืนสติก่อน และหลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้กันอย่างวุ่นวาย และใช้เวลาสักพักกว่าที่ไบรอันจะควบคุมสถานการณ์ได้ หลังจากที่ทุกคนเงียบลง ไบรอันก็ตัดสินใจที่จะให้นักเรียนทั้งหมดจับคู่กับเพื่อฝึกฝน และเนื่องจากภายในห้องนั้นมีจำนวนที่ไม่พอดีกัน

ไบรอันจึงเข้าไปเพื่อเป็นคู่ของใครคนหนึ่ง และคนคนๆ ก็คือเจสัน ที่ไม่มีใครกล้าจับคู่ด้วย ไบรอันมองเข้าไปในดวงตาของเจสัน ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนผิดจากตอนต่อสู้ ทำให้ไบรอันรู้สึกไม่สบายใจเล็กในที่ปล่อยพลังใส่เจสันขนาดนั้น

“ผมไม่เป็นไรครับ ถ้าครูไม่ทำแบบนั้นผมคงฆ่าครูไปแล้ว”

เจสันพูดอย่างใจเย็น

ไบรอันได้แต่รับคำพูดจากเจสัน และเริ่มสอนเกี่ยวกับเทคนิควีโพนรี่ ไนท์ และสอนการเคลื่อนไหวทุกประเภทให้

*** เพิ่มเติม เทคนิคนี้มันมาจากคำว่า Weaponry Knight นะครับแต่ขอพิมพ์ว่า วีโพนรี่ ไนท์ แทนมันจะได้อ่านง่ายๆ นะครับ ***

เจสันมองการเคลื่อนไหวด้วยตามานา ทำให้เห็นการไหลเวียนของมานาที่ลื่นไหลไปกับท่วงท่าของไบรอัน ทำให้เจสันเข้าใจมันมากขึ้น หลังจากลองทำเพียงไม่กี่ครั้ง เจสันก็เข้าใจในขั้นแรก และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เจสันก็เข้าใจมันอย่างลึกซึ้งทำให้ไบรอันตกใจอย่างมาก

`อัจริยะ!!`

ไบรอันคิด

ไบรอันไม่รู้ว่าภูมิหลังของเจสันเป็นเช่นไร ในตอนแรกไบรอันคิดว่าเจสันอาจจะมีครอบครัวคอยสนับสนุนสิ่งต่างๆ ให้ และภายหลังไบรอันก็พบว่าเจสันเป็นเพียงเด็กกำพร้าและเคยตาบอดมาก่อน ดังนั้นไบรอันจึงสงสัยว่าเจสันจะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้ถึงไหน ในขณะที่ไบรอันมาสอนแทนกรีลใน 10 วันนี้

**

ในช่วงบ่ายเกือบเย็น เจสันในฝึกเทคนิคนรกสวรรค์ภายในรถรับส่ง ขณะที่กลับบ้าน และหลังจากฝึกเสร็จก็นั่งทบทวนเทคนิควีโพนรี่ ไนท์ อย่างขนัยขันแข็ง ในขณะที่ไบรอันได้พูดคุยและเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกรีลได้ฟัง

บ่ายวันศุกร์ หลังจากฝึกเทคนิค Heaven’s Hell ภายในรถรับส่ง เจสันกำลังอ่านเทคนิค Weaponry Knight อย่างขยันขันแข็ง

ในขณะเดียวกัน ผู้สอนไบรอันบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับมิสเตอร์เกรลที่กังวลเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าเจสันสรุปเจตนาฆ่าขั้นสูงประเภทหนึ่ง เกือบจะฆ่าไบรอัน

ในขณะที่กรีลได้ฟัง และได้รู้ว่าเจสันยังสามารถเข้าใจเทคนิคที่ไบรอันสอนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกรีลไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร

ผู้ที่มีดวงตามานานั้นสามารถอ่านการไหลของมานาได้ง่ายดาย จึงง่ายที่จะเรียนรู้เทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการใช้การไหลของมานาในการช่วยในการเคลื่อนไหว

แต่จิตสังหารที่หลุดออกมา ทำให้กรีลต้องช่วยเจสันในการควบคุมสติและจิตใจ ในช่วงที่เขากลับมาสอน เพราะมันอาจจะเกิดขึ้นเพราะความเจ็บปวดที่เจสันต้องเผชิญในตอนแยกจิต ทำให้เกิดการกระตุ้นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดอย่างสุดขีด ทำให้กรีลนั้นรู้สึกผิดแต่นั้นก็ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน

โดยปดติและต้องใช้เวลานานมากและต้องต่อสู้เก็บประสบการณ์ที่มากมายกว่าจะสามารถปล่อยจิตสังหารได้ จิตสังหารของเจสันนั้นมันเข้มข้นและน่าสะพรึงกลัว ซึ่งไบรอันได้กล่าวมามันแสดงออกมาพร้อมกับความตั้งใจที่จะฆ่าอย่างจริงจัง

ไบรอันยังกล่าวอีกว่าจิตสังหารของตัวเขาเองนั้น ยังเทียบไม่ได้กับเจสัน ทั่งคู่สังสัยและกังวลเดียวกับความเก่งกาจของเจสันและอารมณ์ในบางช่วงที่ไม่อาจคาดเดาได้ ทั้งสองจึงเริ่มวางแผนที่จะจัดการและควบคุมเจสัน

และท้ายที่สุดทั้งสองจึงให้เจสันได้เรียนรู้เทคนิคไปก่อนในตอนเช้า ในขณะที่ช่วงบ่ายทั้งคู่จะสอนเจสันเรื่องการควบคุมและความเข้าใจเกี่ยวกับจิตสังหารและวิธีจัดการกับมันและควบคุมด้วยตนเอง

เจสันยังคงอ่านเทคนิควีโพนรี่ ไนท์ อยู่ที่บ้าน และดูเหมือนว่าเจสันจะสามารถเข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ความคิด ความเข้าใจที่มีเพิ่มมากขึ้น แต่เจสันยังสามารถอ่านและจดจำทุกอย่างได้ในเวลาสั้นๆ

ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมาก รวบถึงการดูดซับมานาอย่างต่อเนื่องจากการแยกจิตออกมา เมื่อเทียบกับการที่ต้องนั่งดูดซับมานาด้วยตัวเองในเวลา 3 ชั่วโมง กับการดูดซับมานาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ทำให้เจสันสามารถฝึกฝนและมีวลาทำอย่างอื่นมากยิ่งขึ้น

เมื่ออยู่บ้านเจสันอยากทดสอบว่าการดูดซับมานาอย่างต่อเนื่องนั้นมีประโยชน์ขนาดไหน ผลคือเมื่อเจสันดูดซับมานาด้วยตนเองนั้น มันทำให้การดูดซับมานานั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก และอีกไม่นานเจสันจะมีระดับเทียบเท่ากับเพื่อนคนอื่นๆ ในระดับชั้น

ตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวที่เจสันต้องจัดการ คือการควบคุมอารมณ์เมื่อปลดปล่อยจิตสังหารออกมา เจสันรู้ว่าสิ่งนี้เป็นปัญหา

ทุกวันที่ผ่านมาเจสันยังคงสงสัยเกี่ยวกับการตายของแม่ และเมื่อแข็งแกร่งจนถึงขีดสุด เจสันจะไปถามครอบรัวเซอร์รัส ว่าใครคือคนที่ฆ่าแม่ของเขา

แต่ถ้ารู้แล้วเจสันก็คิดว่าจะต้องทำอะไรซักอย่าง ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไร คนที่ฆ่าแม่ของเขาไม่พอใจอะไร หรือเพียงเพราะอาจจะทำ ?

ตอนนี่เจสันไม่สามารถฟุ้งซ่านได้ ไบรอันได้เคยแสดงลำดับแรกของเทคนิคการต่อสู้ได้เจสันดู เมื่อทบทวนจนเสร็จ เจสันต้องการเกร็กที่จะมาเป็นคู่ฝึกซ้อมให้กับเขาได้ หลังจากเดินตามหาเกร็ก เจสันก็พบมาเลียและกาเบรียลลากำลังทำข้าวเย็น เมื่อเจสันสังเกตว่านี้เป็นเวลาของมื้อเย็นแล้ว เจสันจึงตัดสินจะช่วยทั้งสองทำอาหารเย็นด และค่อยฝึกกับเกร็กเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ

เจสันไม่ใช่คนพูดมาก ต่างกับมาเลียและกาเบรียลลา ในตอนแรกเจสันคิดว่ากาเบรียลลาไม่ใช่คนพูดเยอะ เพราะใบหน้าที่เรียบเฉย แต่เมื่อได้มาอยู่ด้วยก็พบว่ากาเบรียลลาเป็นคนที่ชอบการพูดคย เมื่อเตรียมอาหารเสร็จแล้ว มาร์คและเกร็กก็เดินลงมา

หลังจากกินอาหารเสร็จ เจสันก็ลากเกร็กไปฝึกต่อสู้ เกร็กปกติจะเป็นคนที่บ้าการต่อสู้มากแต่ดูเหมือนว่าเกร็กจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย เกร็กรู้สึกตกใจเมื่อสังเหตเห็นว่าเจสันนั้นได้เป็นมือใหม่ระดับ 8 แล้ว

“เจสัน !!!!! นาย อยู่ระดับ 8 แล้ว ??!!”

เกร็กพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยความตกใจ

‘เร็วเกินไปรึเปล่า เจสันโกงหรือใช้อะไร ทำไมถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว’

`เขาเร็วเกินไปหรือเปล่า??? เขาโกงหรือเปล่า!!?!`

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท