ตรงหน้าเจสันมีสัตว์ร้ายระดับผู้พิทักษ์ 10 และสัตว์วิเศษอีกหลายร้อยตัว ในป่าลึกที่ดูอุดมสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอลหลายแห่งมารวมกัน ทุกอย่างราวกับความฝันสำหรับเจสัน
เจสันหยิกแก้มตัวเอง และรู้สึกเจ็บและเจสันเริ่มตื่นเต้นอย่างช้าๆ เพราะว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง มีนักล่าและเหยื่ออยู่รวมกันและพวกมันไม่โจมตีซึ่งกันและกัน
ดูเหมือนว่าพวกมันจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และในแววตาพวกมันก็ไม่มีความดุร้าย มีบางอย่างทำให้พวกมันเชื่องอย่างหน้าแปลกใจ เจสันมองทิลลล์ด้วยสีหน้าสับสน และทิลล์กำลังจะพูดอะไรบางอย่างและก็มีเสียงแทรกขึ้นทางด้านหลังของพวกเขา
“สัตว์ร้ายเหล่านี้กำลังหาที่ลี้ภัยและพวกมันจะไม่ทำร้ายมนุษย์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะราชาก็อบบลินและเผ่าพันธุ์ของพวกมันที่กำลังรุกราน อาจจะกล่าวได้ว่าที่นี่คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์และเป็นพื้นที่เดียวที่พวกก็อบบลินไม่สามารถมาถึงได้”
เมื่อหันไปมอง เจสันเห็นชายชราผมขาวเครายาวกำลังเดิขเข้ามา พร้อมกับไม้เท้าที่พยุง เขาสวมชุดคลุมสีขาวเจสันรู้สึกได้ว่าชายคนนี้นั้นมีชีวิตมายาวนาน
เจสันได้เปิดดวงตามานาเพื่อมองดู แต่รากับว่ามีกระแสไฟฟ้าแพร่กระจายไปทั่วร่างและไม่สามารถควบคุมตัวเองในขณะที่กำลังสั่น เจสันตกตะลึงและพูดไม่ออก
เมื่อผ่านไปสักพักและได้สติเจสันได้ก็ได้ถาม
“คะ-คุณเป็นใคร?”
เจสันเห็นแกนมานาของเขาที่กำลังเสื่อมจากความชรา แต่นั้นก็ไม่ได้สำคัญมาก เพราะแกนมานาของชายชรานั้นแข็งแกร่งมากกว่าใครๆ ที่เขาเคยเห็นมา มันเป็นเหมือนคริสตัลพริสมารีนที่สวยงามและแข็งแกร่งอยู่ภายใน
แม้ว่าภายนอกเขาจะดูอ่อนแอ แต่การสัมผัสมานาเพียงครั้งเดียวจากชายชราคนนี้ ก็อาจจะทำให้เจสันเสียชีวิตด้วยความช็อคในทันที แต่สิ่งเดียวที่ดูน่าเสียดายคือความแข็งแกร่งที่กำลังลดลงของชายชรา และรอยแตกของแกนมานาที่ค่อยๆ สร้างรอยร้าวไปเรื่อยๆ
เจสันค่อยๆ ถอยหลังจนกระทั่งชนทิลล์
เจสันเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและการแสดงท่าทีที่อ่อนโยนของทิลล์ทำให้เจสันรู้สึกสบายและปลอดภัยมากขึ้น ชายชราหัวเราะและก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะตาย และเจสันรู้สึกแย่ที่กลัวเขา
ชายชราใช้เวลาพอสมควรก่อนที่จะสามารถสงบลงได้ ในขณะที่เขามองไปที่ดวงตาของเจสันและพูดว่า
“เด็กน้อย ฉันเป็นผู้ว่าของแอสทริกซ์และเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนแวนการ์ด ฉันชื่อ แมททิว เดร็ก แต่เรียกฉันแค่เดร็กก็ได้ ฉันเองก็แก่มากแล้ว เจ้าหนูทิลล์เล่าเรื่องของฉันให้เจ้าฟังบ้างหรือเปล่าละ ฉันต้องขอโทษที่ให้เขาพาตัวเจ้ามาแบบนี้ แต่มันเป็นเรื่องสำคัญ และฉันหวังว่าเจ้าคงไม่ถือโทษชายแก่ๆ คนนี้นะ เจ้าหนูทิลล์สามารถอธิบายเกี่ยวกับเขตอนุรักษ์แห่งนี้ได้ในภายหลัง แต่ตอนนี้พวกเรามีอย่างอื่นที่ต้องทำ”
จากคำพูดของแมททิว เจสันรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนสุภาพและมีเหตุผล
แต่เจสันไม่ได้สนใจมากนัก สิ่งที่เจสันสนใจคือทำไมผู้เฒ่าเดร็กถึงพาเขามาที่นี่ มีเหตุผลอะไร แล้วสิ่งที่เขาบอกว่าต้องไปทำคือออะไรกัน?
“เจ้าหนูทิลล์ บอกว่าเจ้าอยู่ในเขตป่า 2 ดาว และระหว่างการล่าเจ้าได้พบกับอักษรรูนบนอาวุธและจี้ของพวกก็อบบลินใช่ไหม และยังบอกอีกว่าพวกมันพัฒนาขึ้นและมีจำนวนมาก เจ้าช่วยบอกทุกอย่างเกี่ยวกับมันเท่าที่เจ้ารู้และเห็นมาให้ข้าฟังได้ไหม?”
เจสันยังคงงุนงงเล็กน้อยที่ชายชราพูดสุภาพกับเขามาก เจสันไว้ใจและหยิบอาวุธและจี้สร้อยคออกมาและเริ่มอธิบายทุกอย่างให้ทิลล์และแมททิวฟัง
ทิลล์และแมททิวฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดจังหวะเจสันแม้แต่นิดเดียว และครึ่งชั่วโมงต่อมา เจสันก็อธิบายทุกอย่างจบ ขณะที่ได้ฟังนั้นทิลล์และแมททิวต่างก็อยากรู้ความสามารถในการต่อสู้ของเจสัน
เจสันเล่าเหตุการณ์ต่างๆ และทั้ง 2 ประหลาดใจความสงบนิ่งของเจสันในการต่อสู้กับพวกฮ็อบก็อบลิน ด้วยเหตุนี้ทิลล์จึงยยอมรับความจริงที่เจสันนั้นแข็งแกร่งเกินวัย และความแข็งแกร่งนั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน
หลังจากนั้นผู้เฒ่าเดร็ก กับทิลล์ต่างตรวจสอบอาวุธและจี้ห้อยคออย่างระมัดระวัง ในขณะที่ผู้เฒ่าเดร็กขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างกับทิลล์
เจสันตัดสินใจที่จะอยู่เงียบๆ หลังจากที่อธิบายเรื่องราวต่างๆ ทั้งทิลล์และผู้เฒ่าเดร็กเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับข้อเท็จจริงบางอย่าง
“คำสลักเหล่านี้สร้างขึ้นจากแกนสัตว์ร้ายระดับต่ำและคุณภาพไม่ได้ดีนัก แต่นั้นไม่สำคัญเมื่อพิจารณาว่าราชาก็อบบลิน ได้มอบอาวุธเหล่านี้ให้กับกองกำลังที่อ่อนแอที่สุด ดูเหมือนว่ามันกำลังใช้พวกนั้นเป็นหน่วยสอดแนมและล่าสัตว์ในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันกลัวคืออาวุธที่มีการสลักรูนมากมายและอักษรรูนที่แปลกประหลาดบนจี้ห้อยคอนี้อีก ฉันไม่เคยเห็นรูนที่สามารถป้องการโจมตีระยะไกลได้ที่สร้างจากแกนสัตว์ร้าย และรูนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นรูนเอาไว้ป้องกันการลอบสังหารจากระยะไกล หากราชาก็อบบลินสามารถสร้างรูนที่มีระดับที่สูงกว่านี้ได้ ปืนใหญ่ของพวกเราอาจจะไร้ประโยชน์ และเราจะถูกบีบบังคับให้ต่อสู้ระยะประชิด ซึ่งจำนวนที่มากกว่าของพวกมันนั้นได้เปรียบอย่างมาก”
ชายชราอธิบายอย่างใจเย็น
ทิลล์ถอนหายใจและเสริมว่า
“นั้นก็จริง แต่เราทำอะไรไม่ได้มากนัก และเราก็ไม่รู้ว่าราชาก็อบบลินนั้นอยู่ที่ไหน หรืออยู่ในระดับไหนแล้ว เราสูญเสียหนวยสอดแนมที่มีระดับผู้วิเศษไปมากกว่า 10 คนที่มีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหารและสอดแนม
และผู้วิเศษขั้นสูงที่มีความสามารถในการพลางตัวนั้นก็หายากมากในแอสทริกซ์ ถ้าฉันจะค้นหาราชาก็อบบลิน
มันอาาจใช้กองกำลังของมันมาจัดการฉัน นั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย ความเจ็บปวดและความแข็งแกร่งของคุณก็ลดลงทุกวัน ฉันไม่รู้เลยว่าคุณเหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่ ผู้เฒ่าเดร็ก
ราชาก็อบบลินอาจจะเป็นสัตว์ร้ายระดับลอร์ดแล้ว และดูเหมือนมันจะมีสมุนที่ฉลาดและมีจำนวนมาก เพราะรูนมาสเตอร์คนเดียวไม่สามารถสลักอักษรรูนให้กับอาวุธที่มีมากมายมหาศาลได้ และข้อมูลที่ดีที่สุดตอนนี้คืออาวุธของฮ็อบก็อบบลินที่เจสันเอามา และหากเราไม่สามารถค้นหาราชาก็อบบลินเจอ
เราคงต้องมาระเบิดโซนเวทย์มนต์ !และหาตำแหน่งคร่าวๆ ของฐานที่มั่นของพวกมัน และทำลายล้างด้วยระเบิดไฮโดรเจนมานา”
เมื่อฟังทิลล์พูด เจสันก็เบิกตากว้าง พวกเขาต้องการระเบิดเขตเวทย์มนต์ และทำลายพื้นที่นั้นหรอ พวกก็อบบลินนี้อันตรายขนาดนั้นเลยหรอ
ผู้เฒ่าเดร้กได้กล่าว
“เจ้ารู้ว่าเจ้าสามารถฆ่ามดตัวเล็กๆ เหล่านี้ได้ด้วยการโบกมือ แต่ปัญหาหลักเราคือการเผชิญกับราชาก็อบบลินและลูกน้องของมัน อาจจะมีก็อบบลินระดับผุ้พิทักษ์ อยู่มากกว่า 10 ตัว ไม่อย่างนั้นสัตว์ร้ายต่างๆ คงไม่มาหลบอยู่ข้างหลังเรา ที่เป็นมนุษย์ที่พวกมันเกลียดชัง”
ผู้เฒ่าเดร็กคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้าหนูทิลล์ เจ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากคาเนียร์ได้หรือไม่ เมื่อราชาก็อบบลินบุกมา เราอาจจะสามารถป้องกันได้ก่อนที่พวกมันจะมาถึงไซโร หรือแม้กระทั่งเกาะทั้งเกาะนี้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เดร็กพูด ทิลล์ก็ขมวดคิ้วและก็ปฏิเสธไม่ได้ ทั้งเจสันและทิลล์ต่างได้ยินชายชราพึมพำก่อนที่หน้าจอโฮโลแกรมของเขาจะปรากฏขึ้น
“น่ารำคาญจริงๆ อย่าส่งเจ้าเด็กที่น่ารำคาญมาเลย”
ชายรชราคร่ำครวญขณะที่ส่งข้อความกลับไป
[หยุดเวลาจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง]
รัฐบาลคิดแผนที่จะหยุดเวลาเพื่อยื้อรอกำลังเสริมให้มีจำนวนที่มากหรือพอๆ กับพวกก็อบบลิน
ทิลล์หันไปบอกเจสันให้ถอยออกไปเล็กน้อย แต่ก่อนที่เดร็กจะได้ทำอะไร เขาก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังบุกเข้ามาในวงวเทย์มานาได้ คนธรรมนั้นสามารถเข้ามาได้อย่างแน่นอน แต่ผู้บุกรุกจะไม่สามารถทำได้ นี่หมายความว่าผู้บุกรุกจะต้องมีความสามารถอย่างมาก
เสียงหนึ่งถูกส่งเข้ามาในจิตของเดร็ก เดร็กได้ประหลาดใจและสับสนในเวลาเดียวกัน
‘เขายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? เขารอดชีวิตมาได้… เป็นไปไม่ได้!’
ผู้เฒ่าเดร็กฟังเสียงอย่างประหลาดใจ ก่อนที่ทิลล์และเจสันจะแยกตัวออกจาผู้เฒ่าเดร็ก เมื่อทั้ง 2 บอกว่ามีบางอย่างที่ต้องทำ
ทั้งเจสันและทิลล์สังเกตเห็นเหงื่อที่ไหลชุ่มของผู้เฒ่าเดร็ก และดวงตาของเขานั้นดูหวาดกลัว และสามารถมองเห็นชายวัยกลางคนผมสีฟ้าตะโกนอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะหายวับไปจากสายตาภายในไม่กี่วินาที
เจสันสับสนอย่างมาก ว่ามันเกิอะไรขึ้น