แบลร์เดินเข้าใกล้เจสัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำนวนมานาที่เขาปลดปล่อยออกมาทำให้เจสันรู้สึกกดดัน จนหายใจไม่ออก สายตาเจสันเริ่มพร่ามัว และเขาก็หมดสติไป
แบลร์สังเกตเห็นสีหน้าของเจาสันที่ดูไม่ดีเมื่อนึกได้ เขาจึงรีบผนึกมานากลับคืนอย่างรวดเร็ว
“โอ้ ขอโทษๆ “
แบลร์เดินไปหาเจสันและเอามือทาบที่อกแล้วปลอดปล่อยมานาจำนวนเล็กน้อยเข้าไปในตัว ทำให้เจสันฟื้นขึ้น
ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์มองอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นว่าแบลร์นั้นพูดขอโทษ
ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์มองหน้ากันด้วยความตกใจ และคิดว่าเจสันเป็นลูกหลานของเขาหรือเปล่า
เจสันฟื้นขึ้นและมองไปที่ชายชราตรงหน้า เจสันมั่นใจว่าเขาคือชายชราคนที่ปลุกพลังวิญญาณให้กับเขา
อย่างไรก็ตาม เจสันรู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของแบลร์ และที่สำคัญทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
“ท่านเป็นใครกันแน่”
เจสันถามและสังเกตว่าทิลล์และผู้เฒ่าเดร็กนั้นกังวลเกี่ยวกับชายชราคนนี้มากและสามารถมองเห็นร่องรอยของความหวาดกลัวจางๆ ภายในดวงตาของทั้ง 2 ทำไมพวกเขาถึงต้องกลัวชายชราคนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่เขาก็ดูเป็นคนดี
“ฉันชื่อ เชนแบลร์ ไม่ต้องกลัวฉันหรอก เรียกฉันแค่เชนก็พอ และการที่ฉันมาที่นี่ฉันไม่ได้มาทำร้ายใคร แต่ฉันมาให้ความช่วยเหลือ “
เชนกล่าวขณะที่หันไปทางผู้เฒ่าเดร็ก
“แต่ฉันจะไม่สู้กับราชาก็อบบลิน ฉันจะมาแค่ช่วยป้องกันเมือง แต่ฉันจะช่วยเหลือในเงามือเท่านั้น จะต้องไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของฉัน”
เป็นเรื่องยากที่จะคาดการความคิดของราชาก็อบบลิน และหากมันตัดสินใจโจมตีเมืองไซโร ก่อนที่กำลังเสริมจะมา มันก็อาจจะสายเกินไปหากไม่มีคนป้องกัน
ผู้เฒ่าเดร็กถอนหายใจอย่างหงุดหงิดและถาม
“คุณต้องการอะไร”
เชนชี้ไปที่เจสัน
“ให้ฉันคุยกับเขา และพวกคุณจะต้องทำสัญญาทางวิญญาณขั้นสูงกับฉัน เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พวกคุณบอกใครเรื่องเกี่ยวกับฉัน”
สัญญาวิญญาณขั้นสูง หากใครผิดสัญญาผู้นั้นจะถูกทำลายวิญญาณ แต่ก่อนที่จะตายคนที่ผิดสัญญา วิญญาณของผู้นั้นจะถูกแผดเผาและตายอย่างทรมาณ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์ก็ยอมรับข้อเสนอนี้ แต่ทั้งสองสงสัยว่าทำไมแบลร์ถึงสนใจในตัวเจสันมากนัก
แบลร์เป็นคนที่โหดร้ายและกระหายเลือดหากมีคนคิดจะมายุ่งกับคนของเขา
ทั้งสามกำลังลัเลว่าจะทำอย่างไร ในขณะที่สร้อยข้อมือของผู้เฒ่าเดร็กมีการแจ้งเตือนเข้ามามากกว่า 10 ครั้ง เขาขมวดคิ้วและเปิดหน้าจอโฮโลแกรม เมื่อเปิดข้อความ ผู้เฒ่าเดร็กก็มีสีหน้าที่กังวลอย่างมาก
เมื่อทิลล์หันไปมองใบหน้าของผู้เฒ่าเดร็กที่กำลังตกใจ ทิลล์ก็ได้มองเข้าไปในหน้าจอโฮโลแกรมและอ่านข้อความ และทั้งคู่ก็ตอบพร้อมกันทันที
“พวกเรายอมรับข้อเสนอ !!!!”
ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกัน ในขณะที่เจสันเริ่มเข้าใจคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
เชนยิ้มเบาๆ และก็มีตัวแผ่นใสๆ และมีตัวอักษรสีเงินบนอากาศจางๆ เจสันมองเห็นด้ายวิญญาณที่ออกมาจากร่างกายของเชน
แผ่นใสนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังวิญญาณมันเป็นเหมือนกระดาษเซ็นสัญญาทางวิญญาณ ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์ได้เซ็นชื่อของตัวเองลงไปในกระดาษใสนี้ด้วยด้ายวิญญาณของพวกเขา
เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย เชนก็หยิบหินเวทย์มนต์ก้อนใหญ่ออกมามันเต็มไปด้วยมานาที่หนาแน่น ซึ่งทำให้เจสันตกใจ
อักษรรูนมากมายถึกจารึกไว้ และเชนก็ได้มอบหินเวทย์มนต์ให้กับทิลล์
“หินเวทย์มนต์นี้จะสามารถบอกได้ว่าราชาก็อบบลินอยู่ที่ไหน นอกจากนี้มันยังสามารถแผ่ออร่าที่ทำให้ราชาก็อบบลินอ่อนแอลงเล็กน้อย และอีกหน้าที่หนึ่งของมันคือการสร้างโดมมานาระดับ 3 ที่แม้แต่สัตว์ร้ายระดับผู้พิทักษ์ก็ไม่อาจจะทำร้ายได้ ต่อสู้กับราชาก็อบบลินภายในโดมนี้ คุณจะสามารถเอาชนะราชาก็อบบลินได้ “
เมื่อเชนพูดจบเขาก็หันไปทางเจสัน และพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหนู อยากดูฝูงสัตว์ร้ายขนาดใหญ่แบบใกล้ๆ ไหม”
เจสันพยักหน้า
เจสันไม่รู้วา่ตัวเขานั้นควรไได้รับความเมตตาจากชายชราคนนี้หรือไม่ เจสันอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเชน และทำไมเขาถึงซ่อนตัวอยู่ในอาร์เทสในเมื่อเขานั้นแข็งแกร่งมากๆ เขากำลังหลบซ่อนตัวเองจากใคร
แต่เจสันรู้ดีว่าเชนนั้นต้องการที่จะคุยกับเขาในเรื่องต่างๆ และตอนนี้เจสันก็ตั้งตารอที่จะดูฝูงสัตว์ร้ายระดับสูง
ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธข้อเสนอของเชน เชนอยู่ข้างเจสันและเมื่อเขาเอามือแต่ที่ไหล่ของเจสัน ทั้งคู่ก็หายวับไป ในขณะที่ทิลล์เองยังตกตะลึงกับความสามารถของเขา
ผู้เฒ่าเดร็กหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวขึ้นมา
“เขาไม่เปลี่ยนไปเลย ฮ่าๆ “
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนใบหน้าของเดร็ก
“ถ้าตระกูลซอร์ไม่ลักพาตัวภรรยาเขาไป ตระกูลนั้นคงไม่ถูกเขาทำลายล้างทั้งทั้งกูล จนไม่เหลือสายเลือดของตระกูลนั้นเลย เขาคงไม่ถูกตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ตามล่า จนต้องหลบซ่อนตัว ทำราวกับว่าตัวเองนั้นตายไปแล้ว “
สักพักเจสันก็พบว่าตัวเองนั้นยืนอยู่เหนือเมืองและถูกห่อหุ้มร่างกายด้วยมานาของเชน และทั้งคู่ก็ยืนอยู่บนอากาศ เชนสามารถทำให้แรงโน้มถ่วงไร้ผลได้โดยไม่ต้องมีปีกหรือใช้ความสามารถลอยตัว และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำได้
เจสันประหลาดใจและสงสัยว่าเชชนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน เนื่องจากตัวตนของเขานั้นลึกลับมาก เมื่อเจสันมองลงไป ก็พบว่ามีกองทัพสีเขียวขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนทัพเข้ามายังโดมของแมือง
เจสนัและเชนมองเห็นทุกอย่าง และเชนก็ฉีกพื้นที่ว่างเปล่า และทั้งคู่ก็เข้ามาใกล้กองทัพสีเขียว พวกมันคือก็อบบลินจำนวนมหาศาล ทั้งคู่อยู่เหนือกองทัพก็อบบลินเพียง 50 เมตร
แต่พวก็อบบลินไม่สามารถทำอะไรหรือมองเห็นทั้งคู่ได้ ในขณะที่พวกมันกำลังมุ่งไปหน้ายังเมือง
“มาดูกันดีกว่า ว่าผู้พิทักษ์ประจำเมืองจะจัดการสถานการณ์นี้ได้ยังไง”
เชนจะเข้าช่วยก็ต่อเมืองทุกอย่างนั้นลำบากเกินที่ผู้พิทักษ์ประจำเมืองจะสามารถจัดการได้ ตอนนี้เขาจะแค่เฝ้าดู ในขณะที่ทิลล์ต้องจัดการกับราชาก็อบบลิน