ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 114

ตอนที่ 114

แบลร์เดินเข้าใกล้เจสัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำนวนมานาที่เขาปลดปล่อยออกมาทำให้เจสันรู้สึกกดดัน จนหายใจไม่ออก สายตาเจสันเริ่มพร่ามัว และเขาก็หมดสติไป

แบลร์สังเกตเห็นสีหน้าของเจาสันที่ดูไม่ดีเมื่อนึกได้ เขาจึงรีบผนึกมานากลับคืนอย่างรวดเร็ว

“โอ้ ขอโทษๆ “

แบลร์เดินไปหาเจสันและเอามือทาบที่อกแล้วปลอดปล่อยมานาจำนวนเล็กน้อยเข้าไปในตัว ทำให้เจสันฟื้นขึ้น

ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์มองอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นว่าแบลร์นั้นพูดขอโทษ

ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์มองหน้ากันด้วยความตกใจ และคิดว่าเจสันเป็นลูกหลานของเขาหรือเปล่า

เจสันฟื้นขึ้นและมองไปที่ชายชราตรงหน้า เจสันมั่นใจว่าเขาคือชายชราคนที่ปลุกพลังวิญญาณให้กับเขา

อย่างไรก็ตาม เจสันรู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของแบลร์ และที่สำคัญทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่

“ท่านเป็นใครกันแน่”

เจสันถามและสังเกตว่าทิลล์และผู้เฒ่าเดร็กนั้นกังวลเกี่ยวกับชายชราคนนี้มากและสามารถมองเห็นร่องรอยของความหวาดกลัวจางๆ ภายในดวงตาของทั้ง 2 ทำไมพวกเขาถึงต้องกลัวชายชราคนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่เขาก็ดูเป็นคนดี

“ฉันชื่อ เชนแบลร์ ไม่ต้องกลัวฉันหรอก เรียกฉันแค่เชนก็พอ และการที่ฉันมาที่นี่ฉันไม่ได้มาทำร้ายใคร แต่ฉันมาให้ความช่วยเหลือ “

เชนกล่าวขณะที่หันไปทางผู้เฒ่าเดร็ก

“แต่ฉันจะไม่สู้กับราชาก็อบบลิน ฉันจะมาแค่ช่วยป้องกันเมือง แต่ฉันจะช่วยเหลือในเงามือเท่านั้น จะต้องไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของฉัน”

เป็นเรื่องยากที่จะคาดการความคิดของราชาก็อบบลิน และหากมันตัดสินใจโจมตีเมืองไซโร ก่อนที่กำลังเสริมจะมา มันก็อาจจะสายเกินไปหากไม่มีคนป้องกัน

ผู้เฒ่าเดร็กถอนหายใจอย่างหงุดหงิดและถาม

“คุณต้องการอะไร”

เชนชี้ไปที่เจสัน

“ให้ฉันคุยกับเขา และพวกคุณจะต้องทำสัญญาทางวิญญาณขั้นสูงกับฉัน เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พวกคุณบอกใครเรื่องเกี่ยวกับฉัน”

สัญญาวิญญาณขั้นสูง หากใครผิดสัญญาผู้นั้นจะถูกทำลายวิญญาณ แต่ก่อนที่จะตายคนที่ผิดสัญญา วิญญาณของผู้นั้นจะถูกแผดเผาและตายอย่างทรมาณ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์ก็ยอมรับข้อเสนอนี้ แต่ทั้งสองสงสัยว่าทำไมแบลร์ถึงสนใจในตัวเจสันมากนัก

แบลร์เป็นคนที่โหดร้ายและกระหายเลือดหากมีคนคิดจะมายุ่งกับคนของเขา

ทั้งสามกำลังลัเลว่าจะทำอย่างไร ในขณะที่สร้อยข้อมือของผู้เฒ่าเดร็กมีการแจ้งเตือนเข้ามามากกว่า 10 ครั้ง เขาขมวดคิ้วและเปิดหน้าจอโฮโลแกรม เมื่อเปิดข้อความ ผู้เฒ่าเดร็กก็มีสีหน้าที่กังวลอย่างมาก

เมื่อทิลล์หันไปมองใบหน้าของผู้เฒ่าเดร็กที่กำลังตกใจ ทิลล์ก็ได้มองเข้าไปในหน้าจอโฮโลแกรมและอ่านข้อความ และทั้งคู่ก็ตอบพร้อมกันทันที

“พวกเรายอมรับข้อเสนอ !!!!”

ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกัน ในขณะที่เจสันเริ่มเข้าใจคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

เชนยิ้มเบาๆ และก็มีตัวแผ่นใสๆ และมีตัวอักษรสีเงินบนอากาศจางๆ เจสันมองเห็นด้ายวิญญาณที่ออกมาจากร่างกายของเชน

แผ่นใสนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังวิญญาณมันเป็นเหมือนกระดาษเซ็นสัญญาทางวิญญาณ ผู้เฒ่าเดร็กและทิลล์ได้เซ็นชื่อของตัวเองลงไปในกระดาษใสนี้ด้วยด้ายวิญญาณของพวกเขา

เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย เชนก็หยิบหินเวทย์มนต์ก้อนใหญ่ออกมามันเต็มไปด้วยมานาที่หนาแน่น ซึ่งทำให้เจสันตกใจ

อักษรรูนมากมายถึกจารึกไว้ และเชนก็ได้มอบหินเวทย์มนต์ให้กับทิลล์

“หินเวทย์มนต์นี้จะสามารถบอกได้ว่าราชาก็อบบลินอยู่ที่ไหน นอกจากนี้มันยังสามารถแผ่ออร่าที่ทำให้ราชาก็อบบลินอ่อนแอลงเล็กน้อย และอีกหน้าที่หนึ่งของมันคือการสร้างโดมมานาระดับ 3 ที่แม้แต่สัตว์ร้ายระดับผู้พิทักษ์ก็ไม่อาจจะทำร้ายได้ ต่อสู้กับราชาก็อบบลินภายในโดมนี้ คุณจะสามารถเอาชนะราชาก็อบบลินได้ “

เมื่อเชนพูดจบเขาก็หันไปทางเจสัน และพูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าหนู อยากดูฝูงสัตว์ร้ายขนาดใหญ่แบบใกล้ๆ ไหม”

เจสันพยักหน้า

เจสันไม่รู้วา่ตัวเขานั้นควรไได้รับความเมตตาจากชายชราคนนี้หรือไม่ เจสันอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเชน และทำไมเขาถึงซ่อนตัวอยู่ในอาร์เทสในเมื่อเขานั้นแข็งแกร่งมากๆ เขากำลังหลบซ่อนตัวเองจากใคร

แต่เจสันรู้ดีว่าเชนนั้นต้องการที่จะคุยกับเขาในเรื่องต่างๆ และตอนนี้เจสันก็ตั้งตารอที่จะดูฝูงสัตว์ร้ายระดับสูง

ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธข้อเสนอของเชน เชนอยู่ข้างเจสันและเมื่อเขาเอามือแต่ที่ไหล่ของเจสัน ทั้งคู่ก็หายวับไป ในขณะที่ทิลล์เองยังตกตะลึงกับความสามารถของเขา

ผู้เฒ่าเดร็กหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวขึ้นมา

“เขาไม่เปลี่ยนไปเลย ฮ่าๆ “

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนใบหน้าของเดร็ก

“ถ้าตระกูลซอร์ไม่ลักพาตัวภรรยาเขาไป ตระกูลนั้นคงไม่ถูกเขาทำลายล้างทั้งทั้งกูล จนไม่เหลือสายเลือดของตระกูลนั้นเลย เขาคงไม่ถูกตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ตามล่า จนต้องหลบซ่อนตัว ทำราวกับว่าตัวเองนั้นตายไปแล้ว “

สักพักเจสันก็พบว่าตัวเองนั้นยืนอยู่เหนือเมืองและถูกห่อหุ้มร่างกายด้วยมานาของเชน และทั้งคู่ก็ยืนอยู่บนอากาศ เชนสามารถทำให้แรงโน้มถ่วงไร้ผลได้โดยไม่ต้องมีปีกหรือใช้ความสามารถลอยตัว และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำได้

เจสันประหลาดใจและสงสัยว่าเชชนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน เนื่องจากตัวตนของเขานั้นลึกลับมาก เมื่อเจสันมองลงไป ก็พบว่ามีกองทัพสีเขียวขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนทัพเข้ามายังโดมของแมือง

เจสนัและเชนมองเห็นทุกอย่าง และเชนก็ฉีกพื้นที่ว่างเปล่า และทั้งคู่ก็เข้ามาใกล้กองทัพสีเขียว พวกมันคือก็อบบลินจำนวนมหาศาล ทั้งคู่อยู่เหนือกองทัพก็อบบลินเพียง 50 เมตร

แต่พวก็อบบลินไม่สามารถทำอะไรหรือมองเห็นทั้งคู่ได้ ในขณะที่พวกมันกำลังมุ่งไปหน้ายังเมือง

“มาดูกันดีกว่า ว่าผู้พิทักษ์ประจำเมืองจะจัดการสถานการณ์นี้ได้ยังไง”

เชนจะเข้าช่วยก็ต่อเมืองทุกอย่างนั้นลำบากเกินที่ผู้พิทักษ์ประจำเมืองจะสามารถจัดการได้ ตอนนี้เขาจะแค่เฝ้าดู ในขณะที่ทิลล์ต้องจัดการกับราชาก็อบบลิน

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท