ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 123

ตอนที่ 123

เห็นได้ชัดว่าเปลวเพลิงสีดำนั้นไม่เป็นอันตรายต่อโลกวิญญาณของเจสัน แต่ดูเหมือนว่าโลกวิญญาณนั้นกำลังทำให้ชำระล้างพลังวิญญาณของเจสันให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ในขณะที่พลังวิญญาณที่อยู่ใกล้กับเปลวเพลิงสีดำกำลังดูสดใสและเปล่งประกายเจิดจ้ามากขึ้นเทียบเทียบกับส่วนต่างๆ

ดังนั้นเจสันจึงพยายามใช้การเชื่อมต่อของเขากับเปลวเพลิงสีดำเพื่อใส่ให้มันอยู่ใต้แกนโลกวิญญาณ และหลังจากที่เจสันกล่าวกับมันอย่างสุภาพ มันก็ค่อยๆ ลอยไปอยู่ใต้แกนโลกวิญญาณและมันชำระล้างทุกสิ่งที่อยู่ใกล้

เจสันพยักหน้าอย่างพึงพอใจและตัดสินใจที่จะออกจากโลกวิญญาณหลังจากตรวจสอบพลังวิญญาณที่เขาสะสมและการวิวัฒนาการของอาร์เทมิสว่าไปถึงระดับไหนแล้ว

ดูเหมือนว่าการวิวัฒนาการของอาร์เทมิสใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งก็ดีเพราะพลังวิญญาณของเจสันในตอนนี้มีถึง 15 หน่วย

และเจสันสังเกตเห็นว่าเปลวเพลิงสีดำนั้นใช้พลังวิญญาณของเขาไป 0.01 หน่วย ซึ่งมันก็น่าสงสัยมากสำหรับเจสัน

‘มันเป็นพันธะวิญญาณหรือเปล่านะ เปลวไฟสีดำนี้คืออะไรกัน’

เมื่ออกจากโลกวิญญาณ เจสันตัดสินใจที่จะทดสอบบางสิ่ง หลังจากที่สังเกตเห็นบางสิ่งที่พิเศษภายในโลกวิญญาณ เขาหมุนเวียนมานาในขณะที่มองด้วยดวงตามานา และสิ่งที่เขาสงสัยนั้นก็เป็นสิ่งที่ถูกตรง

‘มานาของฉันมันแปรเปลี่ยนและสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์กับเปลวไฟสีดำ’

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เจสันก็รู็สึกตื่นเต้นมากขึ้น

‘ฉันเองก็ได้รับพลังจากดวงไฟสีดำนั้นด้วยหรือเปล่านะ’

เจสันสงสัยและรู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างเขาและเปลวเพลิงสีดำ เจสันปล่อยมานาบางส่วนไปยังมือ และเปิดใช้งานการเชื่อมต่อระหว่างเปลวเพลิงสีดำกับเขา

เปลวเพลิงสีดำขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนมือของเจสัน และเขาก็กระโดดไปมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ แต่หลังจากที่เสียสมาธิไปกับความดีใจ เปลวไฟสีดำก็จางหายไป แต่มันก็ไม่สำคัญในตอนนี้

เขาได้รับพันธะวิญญาณดวงใหม่และมันคือเปลวเพลิงสีดำ ที่จะทำให้เจสันนั้นแข็งแกร่งขึ้น

‘ฮ่าๆ ๆๆๆ ไม่เพียงแต่ฉันที่มีโชคที่สามารถเก็บสมนุไพรหายากเหล่านั้น แต่ยังได้สายใยวิญญาณอันน่าทึ่งเพิ่มมาอกี 1 ดวง ‘

เจสันคิดอย่างภาคภูมิใจและตอนนี้เขาก็มีสายใยวิญญาณถึง 3 ดวง แต่พวกมันก็ใช้พลังวิญญาณของเจสัน ทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

‘ฉันยังไม่สามารถให้พลังวิญญาณแก่สายใยวิญญาณทั้ง 2 อย่างเพียงพอได้ แล้วพลังวิญญาณที่ฉันมีจะเพียงพอแก่ดวงไฟสีดำนั้นได้อย่างไร มันจะทำลายฉันไหมถ้าฉันให้พลังไม่เพียง’

เจสันคิดและทำหน้าบึ้ง

ดาเลียและเชนนั่งอยู่ด้านนอกห้อง ที่โซฟาและเมื่อพวกเขาได้ยินเสีงเจสันที่ตื่นแล้ว ดาเลียจึงรีบลุกไปหาเจสัน แต่ก่อนที่เธอจะลุกไป เชนก็ได้รั้งเธอไว้ และพูดอย่างใจเย็น

“ให้เวลาเขาได้ปรับตัวกับทุกสิ่ง”

“เอ่อ..ค่ะ..”

ดาเลียตอบอย่างผิดหวังเล็กน้อย เธอต้องการดูว่าเจสันเป็นอย่างไร แต่คำพูดของ เชนก็เป็นสิ่งที่ควรทำ

หลังจากรับการชำระมาและสามารถเอาชนะความเจ็บปวดจากการถูกชำระมาได้เขาต้องปรับร่างกายให้เขากับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นและร่างกายที่บริสุทธิ์ขึ้น

ทั้งสองคนไม่คิดว่าเจสันจะไม่ได้สนใจต่อบาดแผลที่ถูกไฟไหม้จากข้างในสู่ภายในนอกเลยแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกัน เจสันก็คาดหวังว่าร่างกายของเขานั้จะปรับตัวได้ต่อการเปลี่ยนแปลง และตอนนี้เจสันก็เริ่มได้กลิ่นที่น่ารังเกียจที่มันฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง

เสื้อผ้าของเขาเน่าเหม็นอย่างน่าขยะแขยงและห้องที่เขาอยู่ก็มีกลิ่นเหมือนถุงขยะที่ค้างมาหลายปี การเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นไม่เพียงพอต่อการชำระล้างกลิ่นเหม็นนี้ และตอนนี้เจสันต้องการที่จะอาบน้ำ ซึ่งเขาก็หาห้องน้ำเจอหลังเปิดประตูที่อยู่ภายในห้อง 2-3 ประตู

ดวงตาของเจสันเบิกกว้างเมื่อเขาถอดเสื้อผ้าออก

`โว้ว!`

เขาคิดพลางมองดูกล้ามท้องของเขาด้วยความชื่นชม

เขาไม่เคยเห็นหน้าท้องแบบนี้มาก่อน และเจสันตัดสินใจส่องกระจกเป็นครั้งแรกในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในกระจกจะสามารถมองเห็นหนุ่มผมค่อนข้างยาวสีดำที่มีดวงตาสีทอง แต่ผมด้านข้างยังคงสั้น ชายหนุ่มที่มีใบหน้าคงได้รูปและมีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบที่สามารถเห็นได้ในกระจก ทำให้เจสันตั้งคำถามกับตัวเอง

‘ใช่ฉันจริงๆ เหรอ’

นอกจากนี้ เจสันสังเกตว่าเขาสูงขึ้นไม่กี่เซนติเมตร

ตอนนี้เจสันสูงกว่า 1.7 เมตร และมีกล้ามเนื้อ และเขาก็ไม่เห็นไขมันบนใบหน้า หน้าเขาตอบและกระชับเห็นโครงกล้ามได้ชัด

ถ้าบอกว่าเขาอายุ 14 คงไม่มีใครเชื่อเพราะตอนนี้เขาดูเป็นเด็กอายุ 16 ปี ผิวสีขาวซีดนั้งบ่งบอกถึงความอ่อนแอและใบหน้าที่หล่อเหลา ในขณะที่มีกล้ามเนื้อที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่ขัดแย้งกับสีผิว

เมื่อเข้าห้องน้ำและอาบน้ำเป็นเวลา 30 นาที และกลิ่นเหม็นสกปรกของเจสันก็ค่อยๆ ถูกชะล้างออกจากร่างกาย ดาเลียและเชนที่อยู่นอกห้องเมื่อได้ยินเสียงเปิดน้ำพวกเขาก็ต่างสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น

‘เขาเพิ่งตื่นขึ้นเมื่อ 20 นาทีที่แล้วไม่ใช่หรอ’ พวกเขาต่างคิดอย่างสบัสนและดาเลียตกใจเพราะว่าเมื่อครั้งที่เธอได้รับบาดแผลจากการที่สร้างสายใยกับออริจิ้นเฟลมมันได้สร้างบาดแผลที่เจ็บปวดให้กับเธอ

เธอใช้เวลากว่า 2-3 กว่าจะเอาชนะความกลัวหลังจากที่ถูกเผาทั้งเป็นด้วยออริจิ้นเฟลม แต่เจสันกลับอาบน้ำราวกับว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ตื่นนอน

เมื่อเจสันอาบน้ำเสร็จ เขาก็เปลี่ยนชุดใหม่และออกจากห้องที่ยังมีกลิ่นเหม็นและเข้าไปในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ที่มีเฟอร์นิเจอร์เก่าและดูลึกลับ

เมื่อออกมาเจนสันเห็นเชนและผู้หญิงที่ยื่นข้าง เชน และเขาก็สงสัยว่าเธออาจจะเป็นภรรยาของเชนและพวกเขาก็ทักทายอย่างสุภาพ

“สบายดีไหม เจสัน”

เชนถามและมองเจสันอย่างสงสัย เขารู้ว่าเจสันนั้นเคยกินผลปีศาจวัลคีรีลชิลด์ แต่เขาก็ประหลาดใจที่เจสันนั้นยังดูปกติมาก เมื่อเขาเพิ่งได้รับความเจ็บปวดที่ใกล้เคียงกับการกินผลปีศาจ

“ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง เชน “

“เชน ?” ดาเลียหันไปมองชายชราด้วยสายตาที่เป็นประกายและรอยยิ้มเล็กๆ

เชนหลีกเลี่ยงสายตาของภรรยาเขาก่อนที่เขาจะพูดอะไร ดาเลียก็ได้แนะนำตัว

“สวัสดีจ้ะ เจสัน ฉันชื่อ ดาเลีย แบลร์ และเชนเป็นสามีของฉัน เรียกฉันแค่ดาเลียก็ได้”

สิ่งที่เจสันคิดนั้นถูกต้องและเขาก็ได้ยิ้มอย่างสุภาพและแนะนำตัว

“สวัสดีดาเลีย ผมชื่อเจสัน สเตลล่า ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“อ่ะ อ่า ไม่ต้องสุภาพแบนั้นก็ได้ เชนชอบเจ้า แค่ทำตัวสบายๆ ก็พอแล้ว” ดาเลียกล่าวและพยายามพูดจาไม่สุภาพจนเกินไป

เธอไม่ชอบการพูดจาสุภาพเนื่องจากมันทำให้เธอนึกถึงลำดับชั้นทางสังคมของเหล่ามนุษย์

แต่เจสันค่อนข้างประหลาดใจ ‘เชนชอบฉันงั้นหรอ ?’

“สิ่งที่ภรรยาของฉันพูดเป็นเรื่องจริง ตัวเจ้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันชอบ และตอนนี้ก็ดึกแล้ว และเจ้าก็ไม่ได้อยู่บ้านของตระกูลเฟลอร์ ฉันหวังว่าเจ้าจะมีเวลาคุยกับเราบ้าง แต่พวกเฟลอร์ก็เป็นห่วงเจ้ามาก แต่ฉันได้โทรหาเจ้าหนูทิลล์แล้วบอกว่าเจ้ามีเรื่องสำคัญต้องเข้าร่วม และตอนนี้ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยแล้ว
เจ้าอาจจะสงสัยเกี่ยวกับเปลวไฟสีดำที่เจ้าได้สรางสายใยวิญญาณและสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 30 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนั้นฉันอยากจะคุยกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ แต่ก่อนที่เราจะคุยกัน ฉันจะให้เจ้าถามคำถามในสิ่งที่เจ้าอยากรู้ และฉันจะตอบให้อย่างละเอียด”
เชนพูดขณะที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน และเจสันสงสัยว่า คนคนหนึ่งจะมีบุคลิคหลากหลายได้อย่างไร เชนนั้นค่อนข้างโหลดร้ายและไม่ใส่ใจผู้อื่น ในขณะที่เขาสายตาที่เขามองภรรยาของเขานั้นเต็มไปด้วยความรักและเชนก้ยังใจดีและเมตตาเขา ซึ่งมันก็น่าแปลก

นอกจากนี้เชนก็ยังดูโลภ ซึ่งอาจจะมากแต่มันก็ไม่แปลก เจสันมีคำถามมากมายในหัว และเขาก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไร ดังนั้นเขาจึงทำตามความรู้สึกนึกคิดและเริ่มถามด้วยคำถามของเขา

“มีอะไรอีกมากที่ผมอยากรู้และก็เรื่องราวของคุณ แต่ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผม และคุณจะทำตัวเป็นคุณปู่แสนดีไปถึงเมื่อไหร่ และทำไมถึงไปที่เขตรักษาพันธุ์ และทำไมถึงพาผมไปดูกองทัพของพวกก็อบบลิน และการที่ให้ผลประโยชน์อย่างลับๆ ด้วยการพาผมไปที่อาณาจักรใต้ดินของพวกก็อบบลินนั้นก็เป็นแผนของคุณใช่ไหม ไม่อยากนั้นคุณคงเอาของพวกนี้ไปก่อนที่ผมจะได้เอามาใช่ไหมละ”

เมื่อเจสันพูดจบ ดาเลียได้มองเจสันด้วยร้อยยิ้มแต่ทำหน้าเมินเฉยต่อเชน เมื่อเหันดังนั้น เชนจึงหัวเราะเบาๆ ซึ่งทำให้สถานการณ์ที่น่าอึดอัดคลี่คลายลงเล็กน้อย

เชนไม่คิดว่าเจสันจะพบอะไรมากมาย
“เข้าใจแล้วเจ้าหนู ฉันจะอธิบายทุกอย่าง แต่จะเริ่มจากตรงไหนดีละ “

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท