ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 159

ตอนที่ 159

ตอนที่ 159 ก้าวเล็กๆ

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เสื้อผ้าของเจสันก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ขณะที่เขาจ้องมองที่แท่งหยกเหล็กที่อยู่ด้านหน้าเขาด้วยความชื่นชอบและความภาคภูมิใจ

เขาลืมไปแล้วว่ากี่ครั้งที่เขาล้มเหลวในการขับสิ่งสกปรกภายในแร่หยกเหล็ก และมีเพียงเศษที่กองกันเป็นภูเขาเล็กๆ ทางด้านซ้ายของเขาเท่านั้นที่สามารถให้คําตอบกับเจสันได้

แต่เจสันไม่สนใจเรื่องนั้นในขณะที่แท่งหยกเหล็กที่อยู่ข้างหน้าเขาส่องประกายออกมาเล็กน้อย เผยให้เห็นออร่าสีดําจางๆ แม้ว่าจะไม่ได้มองเห็นได้ชัดแต่ก็มีออร่าจางๆอยู่

เชนมองเจสันอย่างประหลาด ขณะที่เขาตั้งคําถามกับตัวเองว่าดวงตาของเจสันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการหล่อหลอมหรือว่าเปลวไฟต้นกําเนิดที่เขาครอบครองนั้น เป็นสาเหตุของความสามารถที่มากมายของเขาในการทําให้แร่หยกเหล็กนั้นบริสุทธิ์

หลังจากตรวจสอบแท่งหยกเหล็กที่อยู่ต่อหน้าเจสัน เชนก็รู้สึกงงงันเมื่อพบว่าเป็นแท่งเหล็กหยกที่บริสุทธิ์นั่น บริสุทธิ์เกือบสมบูรณ์ ทําให้เขาตกตะลึงอย่างมาก

เชนเริ่มรู้สึกอิจฉาดวงตามานาและเปลวไฟต้นกําเนิดของเจสัน แต่ในทางกลับกัน มันเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสําหรับทั้งคู่ เพราะนั่นจะช่วยให้เชนลดระยะเวลาที่กําหนดในการสอนเจสันลงได้ ภายในสองสามเดือนในทันที

ในขั้นต้น เชนคาดว่าเจสันจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเรียนรู้วิธีหลอมแท่งที่บริสุทธิ์จากแร่ทุกชนิด แต่เจสันพิสูจน์ว่าเขาคิดผิด..

แม้ว่าเขนจะมั่นใจว่าเจสันจะเรียนรู้วิธีทําให้แท่งแร่บริสุทธิ์ได้เร็วกว่าตัวเองมาก เนื่องจากดวงตามานาและเปลวไฟต้นกําเนิดของเจสัน และเชนเองก็ประเมินความสามารถของลูกศิษย์ต่ําเกินไป

หากเขารู้ว่าเจสันมองเห็นอนุภาคของสิ่งสกปรกในแร่ทุกเม็ด เชนคงจะโกรธจัดและรู้สึกอิจฉามากเกินไป แต่โชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น

แม้แต่เจสันเองก็ยังประหลาดใจกับการควบคุมเปลวไฟ หลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมง เนื่องจากเขาสามารถรักษาอุณหภูมิที่ค่อนข้างคงที่ได้หลังจากทดลองมาระยะหนึ่งแล้ว

เจสันตัดสินใจใช้อุณหภูมิปานกลางระหว่างอุณหภูมิสูงสุดที่เป็นไปได้ในการทําให้แร่หยกเหล็กบริสุทธิ์กับอุณหภูมิที่ต่ําที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อรักษาภาวะคงตัวของแร่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้เจสันรําคาญมากกว่าการควบคุมเปลวไฟต้นกําเนิดสีดําคือการฉีดมานาของเขาลงในแม่พิมพ์หยกเหล็ก ขับไล่สิ่งเจือปนออกอย่างแรงโดยนําพวกมันไปรอบๆ โดยไม่กระทบกับเส้นมานาที่อาจสร้างความเสียหายให้กับเขา ดูเหมือนจะใช้พลังงานมากกว่าขั้นตอนอื่นๆ

แม้ว่าแท่งหยกเหล็กที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ตรงหน้าเขาจะเป็นความสําเร็จครั้งแรกของเขา เจสันก็โชคดีเพราะสิ่งสกปรกอยู่ภายนอกและไม่ลึกเข้าไปในแม่พิมพ์เหล็กหยก

ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจสร้างความเสียหายให้กับเส้นมานา และลดประสิทธิภาพของการทําให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่ได้ทําลายเส้นมานาภายในอย่างสมบูรณ์ก็ตาม

ในตอนแรก เจสันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและจดจ่อกับงานตรงหน้าเขา โดยไม่สนใจทุกสิ่งรอบตัวเขาในช่วงเวลานั้น

ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวันแล้วเมื่อเจสันเสร็จสิ้นการลองครั้งแรกของเขา และในตอนแรกเขาอยากจะฝึกต่อไปมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาสังเกตเห็นเชนและดาเลียอยู่ข้างหลังเขา ในขณะที่อาร์เทมิสยืนอยู่บนโต๊ะห่างออกไปอีก

เขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ําว่าอาร์เทมิสกับดาเลียตามเขามาที่ห้องใต้ดิน และเจสันสงสัยว่าทําไมพวกเขาถึงมองตนเองอย่างผิดปกติ

ขณะที่เชนส่ายหัวปฏิเสธ ดาเลียก็หัวเราะก่อนที่เธอขอให้เจสันเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้ตัวเองพร้อมที่จะไปโรงเรียน

ก่อนหน้านี้ เธอต้องการสอนการเล่นแร่แปรธาตุให้เจสันและวิธีทําสร้างอักษรรูนที่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเธอเห็นความมุ่งมั่นของเจสันขณะที่เอาสิ่งสกปรกในแร่ออก ดาเลียก็มั่นใจว่าเจสันจะทําได้ดี เธอจึงตัดสินใจว่าจะสอนเรื่องเหล่านั้นในภายหลัง

การเข้าสังคมและการอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงเป็นสิ่งสําคัญในความเห็นของดาเลีย และเธอต้องการให้เจสันใช้ชีวิตในวัยหนุ่มของเขาให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลใดๆ แม้ว่าพวกเขาจะได้บังคับให้เจสันต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง

เจสันสามารถบรรลุความรับผิดชอบนี้ได้ในภายหลัง ถ้าเขาต้องการ และจะไม่มีประโยชน์ที่จะแยกเขาออกจากคนรอบข้าง

มันค่อนข้างจะเป็นอันตรายต่อการพัฒนาโดยรวมของเขาและทําให้เขามีมนุษยธรรมน้อยลง เขาอาจจะทําตัวลุ่มง่ามในสังคมและหลบกลับไปที่กระดองของเขา

สิ่งที่พวกเขาคาดหวังจากเจสันคือการนํามนุษยชาติไปสู่ยุครุ่งเรืองยิ่งขึ้น และเพื่อให้เป็นไปได้ เขาจะต้องมีทักษะในการเข้าสังคมที่เหนือขึ้นและไม่รู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ร่วมกับผู้คน

อาร์เทมิสรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมากตลอดสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา และการชมเจสันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เมื่อมันเห็นว่าเขาทําเรื่องเดิมซ้ําแล้วซ้ําเล่า

มันไม่สามารถเข้าสู่โลกวิญญาณของเจสันได้ด้วยซ้ํา เพราะพลังงานวิญญาณที่มันต้องการนั้นสูงเกินกว่าที่เจสันจะรับมือได้และอยู่ใกล้เขาในขณะที่เขาทํางานก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน

ในทางตรงกันข้าม มันรู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ใกล้เจสันเนื่องจากความร้อนจากแหล่งกําเนิดเปลวไฟ ซึ่งมันไม่ชอบเลยจริงๆ ที่น่าตลกคือ สกอร์พิโอและอาร์เทมิสเป็นคนละขั้วกัน ตัวหนึ่งชอบความอบอุ่นและความร้อน อีกตัวหนึ่งชอบความเย็น

เมื่อเจสันเหลือบมองดูนาฬิกา เขาเก็บแท่งเหล็กหยกบริสุทธิ์ของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องตีเหล็กและเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

เชนส่งเขากลับสู่พื้นผิว และอาร์เทมิสก็บินผ่านยอดไม้เพื่อต้อนรับอากาศบริสุทธิ์และแสงแดดที่ส่องขนนกสีขาวของเธอ

ความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ได้ทําให้อาร์เทมิสอึดอัดใจ มีเพียงเปลวไฟสีดําที่เจสันมี แม้ว่าอาร์เทมิสจะไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

มันมีความรู้สึกแปลกๆ ในใจว่าเปลวไฟสีดําของเจสันเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดที่มันเคยสัมผัส

ด้วยเหตุนี้ อาร์เทมิสจึงบอกตัวเองว่าจะเอาชนะความร้อนของเปลวไฟหรือหนีไปให้ไกลที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้จากเปลวไฟ เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับเปลวไฟอีกเลย

น่าเสียดายที่ทั้งอาร์เทมิสและเปลวไฟต้นกําเนิดสีดําเป็นวิญญาณของเจสัน ทางเลือกหลังนี้เป็นไปไม่ได้และอาร์เทมิสสามารถเสริมกําลังตัวเองได้เพียงเพื่อบรรเทาความกังวลใจต่อเปลวไฟต้นกําเนิดสีดํา

ขณะที่เจสันวิ่งไปที่สนามประลอง เจสันพบว่ามีนักเรียนจํานวนมากที่ท้าทายพวกเขามากกว่าวันก่อน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีมากกว่าผู้ท้าชิงครั้งก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

น่าเสียดายที่ไม่มีนักเรียนจากโรงเรียนหลักแม้แต่คนเดียวที่มาร่วมงานในวันนี้ และเป็นไปได้มากว่ามีนักเรียนระดับสูงจากโรงเรียนในเครือที่เหลือ ส่งผลให้เจสันรู้สึกหดหูเล็กน้อย

ยังมีเวลาเหลืออีกสักระยะก่อนที่บทเรียนการต่อสู้พิเศษจะเริ่มขึ้น และเจสันก็ตัดสินใจที่จะฝึกเทคนิคเฮฟวี่เอลล์เพื่อเพิ่มพลังวิญญาณของเขา

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท