ตอนที่ 183 ความเกรี้ยวโกรธ
การสร้างทางลาดเล็กๆ ตรงหน้าเพื่อนร่วมชั้นของเขานั้นไม่จําเป็นจริงๆ อย่างไรก็ตาม แต่การที่ต้องแวะและฟังคําพูดของเพื่อนร่วมชั้นนั้นช่างน่ารําคาญสําหรับเจสัน
ดังนั้นการที่หลบการเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมชั้นถือเป็นเรื่องที่ดี
ชะให้ฉันฝึกแบบสงบๆ ไม่ได้รึไง ทําตัวเป็นอันธพาลสมัยเด็กๆ ไปได้ พวกปัญญาอ่อนเขาคิดก่อนจะวิ่งต่อ
ถึงแม้เจสันจะสร้างเส้นทางเพื่อหลบการเผชิญหน้า เด็กเด็กพวกนั้นก็ไม่ลดความพยายามที่จะขัดขวางเจสัน
ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมาขวางทางเจสันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาได้ใช้พลังเพื่อที่จะขัดขวางการฝึกของเจสั่น
นั้นทําให้เจสันต้องหยุดการฝึกฝน และก็เกิดความรําคาญใจมากมาย
ทําไมถึงน่ารําคาญแบบนี้นะ ไอพวกนี้
เจสันคิดพลางส่ายหัว
ทิลล์และนักเรียนคนอื่นๆ สังเกตเห็นเจสันและนักเรียนชั้นยอดที่กําลังหาเรื่องเขา ซึ่งทําให้พวกเขาหยุดสิ่งที่พวกเขากําลังทําอยู่ในขณะที่เซรอนก็ยังเสียสมาธิจากการรวบรวมมานาของเขา
เมื่อมองขึ้นไป เขาสังเกตเห็นเจสันยืนอยู่หน้ากลุ่มเล็กๆ ที่รวมนักเรียน 5 อันดับแรกไว้ด้วยยกเว้นลีโอฮาร์ท
เมื่อเห็นเช่นนั้นเจสันก็ยิ้มแห้งๆ ขณะมองไปรอบๆ และเห็นลีโอส่ายหัว สงสารเพื่อนร่วมชั้น
การที่ลีโอโดนเพื่อนทิ้งนั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่เขาก็สงสารกลุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจสันจริงๆ
ช่วยหลบออกไปได้ไหม ฉันกําลังฝึกอยู่
เจสันเรียกร้องโดยไม่แสดงอารมณ์ของเขาผ่านการแสดงออกทางสีหน้า
เมื่อสองสามเดือนก่อน เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะทําแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น แต่มีหลายอย่างเกิดขึ้นกับเขามากเกินไปที่จะทําตัวลังเลในการพูดจาแบบนั้น
นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่อาร์กอส เจสันก็เติบโตเต็มที่และในที่สุดก็เริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องใช้เพื่อเอาชีวิตรอดในโลกนี้
ผู้แข็งแกร่งล่าผู้อ่อนแอและผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตตามที่พวกเขาต้องการ ทั้งปกป้องผู้อื่นหรือจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
สายตาของเจสันเย็นชา แล้วเมื่อเขาขอให้นักเรียนชั้นยอดปล่อยเขาไป ทําให้พวกเขาถอยออกมาพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความได้เปรียบด้านจํานวนคน พวกเขาจึงรู้สึกแข็งแกร่งซึ่งทําให้พวกเขาทําตัวงี่เง่ามาก
พฤติกรรมของนายและสิทธิพิเศษที่นายได้รับจากครูของเรา ทําให้เราไม่พอใจ แต่ทัศนคติของนายแย่ที สุด… นายคิดว่านายเป็นใคร?… ฉันรู้ว่านายเป็นใคร… แค่คนที่ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ครอบครัว…เด็กกําพร้า..ฮะฮะ..
ในตอนแรก เจสันไม่ได้คิดจะทําอะไรกับเพื่อร่วมชั้น แต่คําพูดนี้ได้จุดประกายความโกรธของเจสันขึ้นมา
เจสันปล่อยมานาทั้งหมดของเขาในดวงตาที่เย็นชาและไร้อารมณ์ เจสันจงใจปล่อยจิตสังหารออกมาทั้งหมดของเขาในทันที เขาไม่เคยทํามันมาก่อน เพราะเขาแทบจะไม่สามารถควบคุมส่วนเล็กๆของมันได้
นอกจากนี้ เขายังใช้เอฟเฟกต์อันลึกล้ําของดวงตามานา และบริเวณโดยรอบก็ดูน่าขนลุกและเงียบราวกับการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวจะหมายถึงความตายที่ใกล้เข้ามา
เพื่อคนที่พูดใส่เจสันไม่ทันได้หัวเราะจนจบด้วยซ้ํา เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าลําคอของเขาถูกกดทับด้วยแรงกดดันเมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของเจสัน
เจสันไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คําเดียว แม้จะไม่ได้พูดอะไร เขาก็ทําให้กลุ่มนักเรียนชั้นยอดเล็กๆ ที่หยิ่งผยองพูดไม่ออกและหวาดกลัวเขา
พวกเขาตัวสั่นและเริ่มทรุดลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
นักเรียนรู้สึกแต่เพียงความหวาดกลัวที่ฝังแน่นในท้องของพวกเขาและสามัญสํานึกของเขาก็เริ่มคิดออกมาซึ่งพวกเขาควรมีมันตั้งแต่แรกด้วยซ้ํา
เพื่อไม่ให้เยาวชนที่มีดวงตาสีทองขุ่นเคือง ดวงตาที่ดูน่าเกรงขามของเขาโอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยคาวมหวานกลัวและแรงกดดัน
โดยไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน พวกเขาสัมผัสได้เพียงความกลัวและความกดดันอันชั่วร้ายที่ทําให้พวกเขารู้สึกแน่นหน้าออกอย่างมาก ขณะที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่จ้องมองมาที่พวกเขาอย่างตั้งใจจากที่ไกลๆ
จิตใจของพวกเขาจมอยู่กับความรู้สึกน่าขนลุก และพวกเขาไม่สามารถระบุได้ว่าใครหรือสิ่งที่กําลังจ้องมองอยู่แต่พวกเขาแน่ใจเพียงว่ามีบางอย่างกําลังไล่ล่าพวกเขาอยู่และตัวตนนิรนามนั้นแทบจะหยุดไว้ไม่อยู่
รู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามาด้วยการเคลื่อนไหวของนักล่า จิตใจของพวกเขาไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้อีกต่อไปและทุกอย่างก็ว่างเปล่า
ทุกคนตกใจกับความกดดันที่เจสันแผ่ออกมา และความกลัวที่ชัดเจนก็ปรากฏอยู่ในสายตาของนักเรียนขณะที่พวกเขาตะกายไป ทั้งสี่คนพยายามเว้นระยะห่างระหว่างเจสันกับตัวเองให้ได้มากที่สุด
ทิลล์เองก็รู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ใกล้เจสันในตอนนี้ แต่เขาก็ต้องหยุดเจสัน
ดังนั้น ทิลล์จึงจับที่ไหล่ของเจสันให้หันมาหาเขา
เมื่อสบตากันทิลล์เห็นความน่ากลัวที่ปล่อยออกมาจากดวงตาของนักเรียนคนโปรด ความรู้สึกน่าขนลุกของบางสิ่งที่มองดูเขาจากที่ไกลๆ ถาโถมเข้าใส่จิตใจของเขาราวกับว่าเขาไม่คุ้มค่าแม้แต่จะเหลือบมองแม้แต่ครั้งเดียว
ทันใดนั้น ทิลล์ก็รู้สึกขนลุกทั่วทั้งตัว และราวกับถูกกระตุ้น ทิลล์ดึงมือกลับ ดวงตาของเจสันค่อยๆเริ่มกลับนสู่ความอ่อนโยนตามปกติ
เจสันสังเกตเห็นว่าทุกอย่างจบลงก่อนที่มันจะเริ่ม เขาหยุดใช้ทักษะขุมนรกที่เชื่อมโยงกับจิตสังหารของเขาเมื่อทิลล์ได้จับไหล่ของเขา
แม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นที่พูดกับเขาจะทําให้เจสันไม่พอใจและเจสันเองก็เพียงแค่ต้องการที่จะสั่งสอนให้บทเรียนแก่เด็กพวกนั้นไม่ได้คิดจะทําอะไรที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ลึกๆ ในใจของเจสันรู้ว่าพวกเขาพูดเกี่ยวกับครอบครัวของเขา และหากพวกเขากล้าพูดถึงแม่ของเขาสักคําเดียว เจสันก็อาจจะโกรธและทําอะไรที่มากกว่านั้น
ถ้าบอกตามตรง เขาไม่แน่ใจว่ากรณีนั้นเขาจะทําเช่นไร… แต่มันคงเลวร้ายกว่านี้แน่ๆ
ขณะที่เขามองดูทิลล์ เจสันก็มองเห็นแต่ความประหลาดใจในดวงตาของครเท่านั้น เขาน่าจะตกตะลึงอย่างยิ่งกับความสามารถของดวงตาที่เชื่อมโยงกับจิตสังหารของเจสัน
หรืออาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วราวสายฟ้าของเจสันจากที่ปล่อยจิตสังหารที่น่ากลัวออกมาและเปลี่ยนกลับเป็นคนที่อ่อนโยนอย่างรวดเร็ว
เจสันหันศีรษะมองไปรอบ ๆ และรู้สึกถึงบางสิ่งที่เกาะบนไหล่ของเขา
อาร์เทมิสรู้สึกถึงอารมณ์ที่ระเบิดออกมาซึ่งส่งผลต่อมันเช่นกัน เนื่องจากช่วงที่เจสันปล่อยจิตสังหารออกมาตัวมันเองก็เริ่มดุร้ายขึ้นตามจิตสังหารของเจสัน
ครูช่วยดูพวกเขาหน่อยนะ ผมอาจจะทําเกิดเหตุไปหน่อย
เจสันถามทิลล์อย่างชัดถ้อยชัดคํา
เมื่อเรียกสายใยวิญญาณออกมา ทิลล์ก็เริ่มปล่อยออร่าการรักษาจากสายใยวิญญาญ เกรชเตอร์เบลสวูฟของเขา
เจสันรู้สึกหงุดหงิดเกินกว่าจะฝึกหลายๆ อย่างพร้อมกัน
ดังนั้นเขาจึงพูดว่า
วันนี้ผมขอลากลับบ้านก่อน เวลา ขอโทษนะครับ
เมื่อเจสันหันหลังกลับ ปล่อยให้เพื่อนร่วมชั้นที่ตกตะลึงและตกตะลึงจ้องมองมาที่เขาด้วยปากที่เปิดกว้าง
ก่อนหน้านี้ พวกเขายังสงสัยว่าเจสันสามารถอยู่ในคลาสการต่อสู้พิเศษได้นานเพียงใด แต่เหตุการณ์ในวันนี้ได้เปลี่ยนการรับรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นที่ทรงพลังอย่างประหลาด