ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 8-1 หนึ่งสถานการณ์ ต่างความคิด

ตอนที่ 8-1 หนึ่งสถานการณ์ ต่างความคิด

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 8-1 หนึ่งสถานการณ์ ต่างความคิด

หลายวันผ่านไปหลังจากที่กโยซึลโดนไล่ออกมาจากตำหนักของบีพาอัน แม้กโยซึลจะไปทำเยือนเพื่อกล่าวทักทายในยามเช้าเช่นทุกวัน ทว่าเขาก็ไม่ต้อนรับนางอีกเลย

“ฝ่าพระบาททรงห้ามเราทำทุกอย่าง แม้แต่การเข้าเฝ้าในตอนเช้าด้วยหรือ”

กโยซึลมองประตูของตำหนักที่ถูกปิดอย่างสนิทแล้วหันหลังกลับ มันรู้สึกเจ็บแสบข้างใน นางคิดในแง่ดีว่าต่อแต่นี้ไปตนคงจะใช้ชีวิตในพระราชวังนี้ได้อย่างสบายใจ ทว่าราวกับความคิดนั้นของตนเป็นที่น่าขันนัก บีพาอันจึงแสดงท่าทีโหดร้ายต่อตนเช่นนี้

“ทรงเป็นพระสวามีที่พบหน้ายากได้ยากยิ่ง”

“พระชายา”

แม่นมที่นั่งฟังกโยซึลบ่นพึมพำอยู่ข้างๆ หน้าเริ่มซีดเผือด

“หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง โปรดระวังด้วยเพคะ”

“เรารู้ เราเป็นเพียงชายาฮวางแทจาที่มาจากอาณาจักรเล็กๆ จะพูดจะทำสิ่งใดก็ต้องระวัง เพราะเราเองก็ไม่ได้อยากจะให้ฝ่าพระบาทมาปกป้อง”

“พระชายา”

“เรารู้แล้ว แม่นม”

กโยซึลเบะปากไม่พอใจและเงียบไป แต่ทว่าต่อให้เป็นแผ่นดินก็หาได้ห้ามการบ่นพึมพำในใจได้ไม่

ใจดำเหลือเกิน เขาไม่พอใจที่ไปหาในทุกเช้าหรือ เช่นนั้นพูดออกมาเลยยังจะดีเสียกว่า ผลักไสเราทั้งๆ ที่ไม่บอกเหตุผลเช่นนี้ กลับรู้สึกไม่ยุติธรรมมากกว่าจะระมัดระวังตัวเสียอีก

กโยซึลมั่นใจแล้วว่าถ้าหากตนทำอะไรผิดขึ้นมา บีพาอันจะไม่เข้าข้างตนอย่างแน่นอน ในคืนส่งตัวเข้าหอเขาได้ตอกตะปูไว้แล้วว่าห้ามทำสิ่งใดที่เป็นการขวางทางการขึ้นครองราชบัลลังก์ของเขา ปัญหาการขึ้นครองบัลลังก์มันสำคัญกับเขามากกว่าเรื่องของหญิงแปลกหน้าจากอาณาจักรเล็กๆ ไม่มีแม้แต่ใจเมตตาที่จะใส่ใจผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้

แต่กโยซึลก็พยายามที่จะเข้าหาเขาด้วยความคิดที่ว่าเป็นทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ทว่าผลก็เป็นอย่างที่เห็น ยิ่งใส่ใจมากเท่าไร บีพาอันก็ยิ่งออกห่างไปมากเท่านั้น ตนต้องออกเรือนมาอยู่ที่อาณาจักรที่ไม่คุ้นเคย แต่สามีกลับไม่เคยมองและยิ้มให้ตนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ทว่ามือของเขานั้น..ช่างอบอุ่นนัก

กโยซึลมองดูมือของตัวเองนิ่ง ในวันอภิเษกสมรสตนได้จับมือของบีพาอันที่มาตามตนที่กำลังแต่งตัวอยู่ นั่นคือการสัมผัสกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายระหว่างทั้งคู่ ตั้งแต่นั้นมากโยซึลไม่เคยได้สัมผัสแม้ปลายนิ้ว หรือชายเสื้อของเขาเลย

แต่เขาคนนั้นกลับอ่อนโยนนัก

ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับบีพาอันที่แสนเย็นชา กโยซึลก็จะนึกถึงรูแฮขึ้นมาทันที รูแฮเป็นคนที่สบายๆ อ่อนโยน มารยาทดี เป็นคนที่ทำให้คนที่คุยด้วยรู้สึกสบายและอารมณ์ดี เวลาที่กโยซึลอยู่ต่อหน้ารูแฮ นางมักจะเป็นคนช่างพูด และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รูแฮผู้ที่มักจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนทุกครั้งตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันนั้น ช่างแตกต่างกับบีพาอันเหลือเกิน เลยยิ่งทำให้เกิดการคิดเปรียบเทียบมากขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริงบีพาอันนั้นเหมือนกับก้อนน้ำแข็ง และในขณะเดียวกันเชื้อพระวงศ์ที่ได้พบอีกคนก็ช่างอ่อนโยน มันจึงทำให้รู้สึกว่าบีพาอันนั้นเป็นคนที่ไร้น้ำใจเสียจริง จึงแอบรู้สึกถึงความเสียดายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

พอคิดมากขึ้นกโยซึลก็เริ่มเดินช้าลง แล้วนางก็หยุดยืนอยู่หน้าห้องหนังสืออย่างไม่รู้ตัว แม่นมและนางกำนัลที่ตามกโยซึลมาต่างก็หยุดยืนรอกันอย่างเงียบๆ

***

เนื่องจากกโยซึลถูกปฏิเสธหน้าประตูตำหนักบีพาอันในทุกครั้ง ดังนั้นในวันนี้ขณะที่นางกำลังขังตัวเองอยู่ในตำหนักด้วยความเศร้าเสียใจ ก็ได้ยินเสียงประกาศของซังกุงนอกประตู

“พระชายาฮวางแทจา พระชายารองฮวางแทจา กโยยองเข้าเฝ้าเพคะ”

พระชายารองฮวางแทจางั้นหรือ

จะว่าไปแล้วผู้สืบทอดบัลลังก์คนอื่นๆ สามารถมีชายาได้เพียงคนเดียว แต่สำหรับฮวางแทจานั้น เขาเป็นผู้เดียวในผู้สืบทอดที่สามารถมีชายารองได้ จากการที่ได้ฟังซังกุงเล่าให้ฟังเมื่อวันก่อนนั้น ฮวางแทจาได้รับชายารองเข้ามาก่อน และย่อมเกิดคำถามที่ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีชายารองก่อนที่จะมีชายาเอก แต่ดูแล้วน่าจะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ทางการเมืองหลายอย่าง ที่มกกุกนั้นอำนาจกับฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด ชายานั้นเป็นบุคคลที่รับเข้ามาเพื่อกลยุทธ์ทางการเมือง ดังนั้นจึงมีการเรียงลำดับความสำคัญคือชายาเอก ชายารอง และสนม

พระชายารองผู้ที่มีอายุมากกว่ากโยซึลหนึ่งปี การที่นางได้มาเป็นชายาของฮวางแทจานั้นแสดงว่านางเป็นบุตรสาวของตระกูลที่สำคัญ แต่ทว่าก็ยังไม่สำคัญพอที่จะเป็นชายาเอกได้

“ให้ท่านเข้ามา”

คำพูดของกโยซึลส่งไปถึงที่หน้าประตูตำหนัก โดยส่งผ่านเหล่านางกำนัลที่ยืนเฝ้าอยู่แต่ละประตู ซังกุงที่อยู่นอกสุดนำความไปบอกแก่พระชายารองฮวางแทจา กโยยอง แล้วเปิดประตูตำหนักให้นาง

พระชายารองฮวางแทจา กโยยองยืดหลังตรงและจ้องมองไปข้างหน้า นางรูปร่างสูงโปร่งกว่าหญิงสาวทั่วไป ใบหน้ากลมเล็กนั่นเมื่อเทียบกับร่างกายแล้วก็ยิ่งดูเล็กเข้าไปอีก สายตาที่มองต่ำลงอย่างเย็นชา ริมฝีปากที่ไร้รอยโค้งมนใดทำให้สีหน้าของนางดูเหมือนบีพาอันยิ่งนัก นางเป็นหญิงสาวที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับมีดที่ถูกลับให้คม

“พระชายาทรงรับสั่งให้เข้าเฝ้าได้เพคะ”

ซังกุงที่ยืนอยู่หน้าประตูได้พูดตามที่กโยซึลบอก กโยยองถอดรองเท้าที่ขั้นบันไดหิน และก้าวขึ้นมาที่ชานไม้ นางกำนัลของนางในที่ยืนอยู่ตรงขั้นบันไดหินรีบจัดรองเท้าของกโยยองให้เข้าที่ หลังจากที่ซังกุงเปิดประตูหน้าของตำหนักให้เข้ามา ประตูต่อๆ ไปก็เป็นหน้าที่ของเหล่านางกำนัลที่ต้องคอยเปิดประตูให้ หลังจากเดินผ่านประตูหลายขั้นเข้าไปซึ่งถือว่าเยอะกว่าในตำหนักพระชายารองของกโยยอง ก็มาถึงประตูสุดท้าย เมื่อซังกุงเปิดประตู นางเดินเข้าไปก็เจอกับห้องบรรทม

ปรากฏสตรีที่ดูบอบบางนางหนึ่งนั่งอยู่บนเบาะรองนั่ง ถ้าจับนางมายืนคู่กับกโยยอง กโยยองจะดูตัวใหญ่กว่า และหญิงคนนั้นก็จะดูบอบบางโดยทันที ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในหัวกโยยองแวบหนึ่ง กโยยองไม่แสดงสีหน้าว่าตนกำลังพินิจพิจารณาเจ้าของตำหนักนี้อยู่ หลังจากนั้นกโยยองก็ทำความเคารพอย่างเรียบร้อย

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี เข้าเฝ้าพระชายาฮวางแทจาเพคะ”

“พระชายารองฮวางแทจา กโยยอง”

เสียงที่ฟังดูแผ่วเบา ทว่ากลับไพเราะน่าฟัง องค์หญิงแห่งราชอาณาจักรฮวากุกแตกต่างกับตนที่เป็นเพียงบุตรสาวของขุนนางธรรมดา

“หม่อมฉันควรจะมาถวายความเคารพพระชายาฮวางแทจาเสียตั้งนานแล้ว โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”

“ไม่เป็นไร อย่าได้กังวลไปเลย”

เมื่อกโยยองเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏอยู่บนริมฝีปากของกโยซึล ร่างกายผอมแห้งที่ดูราวกับจะสลายไปในอีกไม่นาน แก้มสองข้างทั้งข้างบนใบหน้าขาวแต้มสีเลือดฝาด และบนนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่ด้วย

ช่างดูน่ารักน่าชังนัก พอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดฮวางแทจาที่ทอดทิ้งตนไปในคืนแรกของทั้งคู่ ถึงยอมอยู่กับพระชายาฮวางแทจาในคืนส่งตัวคืนนั้น เมื่อนึกถึงคืนส่งตัวเข้าหอ กโยยองก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก แม้จะเป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่สำหรับนางมันเป็นเหมือนบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน สำหรับผู้หญิงแล้วไม่มีสิ่งใดที่น่าเศร้าและน่าละอายไปยิ่งกว่านี้ เพราะฉะนั้นกโยยองจึงมีบางอย่างที่ต้องพูด นางจึงมาหากโยซึลในวันนี้

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

มีคำสั่งขอตัว อูรึม องค์หญิงหนึ่งเดียวแห่งราชอาณาจักรฮวากุกที่เงียบสงบให้มาอภิเษกสมรสกับ ฮวางแทจา องค์รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งมหาจักรวรรดิมกกุกที่ขึ้นชื่อเรื่องการแย่งชิงอำนาจ

แม้การอภิเษกนี้องค์หญิงอูรึมจะไม่เต็มใจไปแต่ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ กระนั้นชายคนแรกที่เธอได้พบเมื่อมาถึงมหาจักรวรรดิมกุกนั้นกลับไม่ใช่ฮวางแทจา แต่เป็นองค์รัชทายาทอันดับสาม รูแฮ ผู้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดของเขา

เมื่อคู่ครองไม่ใช่คนที่รัก และคนที่รักไม่อาจเป็นคู่ครอง เรื่องราวรักสามเส้าของเขาและเธอสามคนในครั้งนี้จะลงเอยกันอย่างไร…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท