ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 12-2 สัมผัส

ตอนที่ 12-2 สัมผัส

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 12-2 สัมผัส

แต่นั่นก็ทำให้ภายในใจของยอมินเกิดหลุมบ่อขนาดใหญ่ ยอมินกำมือที่วางอยู่บนหน้าตักแน่น กำปั้นเล็กสั่นระริก

ในที่สุดนางก็พูดในสิ่งที่มิควรพูดออกไป

“ช่วงนี้หม่อมฉันได้ยินมาว่ามีข้ารับใช้ช่างเจรจาที่มิค่อยรู้ความเที่ยวพูดไปทั่วว่า…”

รูแฮมองไปที่ยอมินด้วยความสงสัย ริมฝีปากของนางยกยิ้มขึ้นพร้อมกับพูดต่ออย่างไม่ใส่ใจว่า

“หลังจากวันที่องค์ฝ่าบาทฮวางเซจาเสด็จออกไปรับเสด็จพระชายาฮวางแทจาครั้งที่พระชายาทรงมาเยือนพระราชวังเป็นครั้งแรก ทั้งสองพระองค์ทรงผูกมิตรไมตรีต่อกันและมักจะเสด็จไปพบเจอกันลับๆ อย่างสนิทสนมเพคะ”

“พระ… พระชายาฮวางเซจา! นี่มันข่าวลือพิลึกพิลั่นอันใดกัน!”

ยอมินยังพูดไม่ทันจบประโยคดีรูแฮก็ตะโกนแทรกขึ้นมาทันใด ปฏิกิริยาของเขานั้นทำให้ยอมินเบิกตากว้าง และพยายามข่มความตกใจเอาไว้ นางมิเคยได้ยินรูแฮพูดเสียงดังเช่นนี้มาก่อน ชั่วแวบหนึ่งนางนึกอยากถามออกไปว่า พระองค์ทรงรู้หรือไม่ว่า พระองค์ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงที่ดังเพียงใด ตรงกันข้ามกับรูแฮที่ตกใจลุกขึ้นเอามือค้ำโต๊ะเขียนหนังสือ สีหน้าของยอมินนั้นเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มเจือจางอยู่บนใบหน้าของนาง ยอมินมองไปที่รูแฮที่ซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยสายที่นิ่งสงบดั่งทะเลสาบที่ไร้คลื่น นางหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับพูดต่อว่า

“ข้ารับใช้ต่างเห็นว่าฝ่าบาททรงอุ้มพระชายาฮวางแทจาไปที่วังตะวันออกเมื่อสักครู่ มิได้เห็นกันเพียงแค่คนสองคน ตอนนี้ทุกคนต่างนำไปนินทากันทั่ว ถือว่าเป็นสิ่งยืนยันข่าวลือก่อนหน้านั้นเป็นอย่างดี”

“นั่นเป็นเพราะชายาฮวางแทจาทรงเป็นลม…”

“ยอมินย่อมทราบอยู่แล้วเพคะ”

รูแฮพูดแก้ตัวด้วยความลนลานแต่ยอมินก็ชิงตอบกลับอย่างแจ่มใส ดวงตาที่ปิดลงเป็นเส้นโค้งมนดูช่างอ่อนโยนนัก

“พระราชวังที่เงียบสงบแห่งนี้พอมีหญิงสาวแปลกหน้าจากฮวากุกมาเยือน พวกข้ารับใช้ที่รู้สึกเบื่อหน่ายคงจะสร้างเรื่องพูดคุยสนุกปาก หม่อมฉันมิได้เชื่อตั้งแต่แรกแล้วเพคะ ไม่สิ ถือเป็นเรื่องที่มิควรจะนำมากล่าวว่าจะเชื่อหรือไม่ หม่อมฉันเพียงแต่คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ มิได้สนใจอันใด แค่ข่าวลือไม่น่าฟังที่ไม่นานก็ลืมเลือน ยอมินทราบดีอยู่แล้วเพคะว่าพระองค์ทรงเป็นคนเช่นไร”

“พระชายาฮวางเซจา”

รูแฮปล่อยมือที่ค้ำโต๊ะอยู่พร้อมกับนั่งลงที่เดิม เขาถอนหายใจครั้งหนึ่ง แล้วมือของยอมินก็สัมผัสที่ใบหน้าของเรา

กึก

ด้วยการกระทำที่กะทันหันของยอมินทำให้รูแฮเอนตัวไปด้านหลังโดยทันที มือของยอมินค้างอยู่บนอากาศ หลังจากนั้นนางจึงยื่นมือไปอีกครั้ง

“ช่วงนี้พระวรกายของฝ่าบาทฮวางเซจาดูมิค่อยแข็งแรงเลย หม่อมฉันจะให้หมอหลวงปรุงยาหม้อให้เสวยนะเพคะ”

ยอมินที่ตอนนี้ใบหน้ามีความกังวลเจืออยู่เอื้อมมือไปจับแก้มของรูแฮไว้ นางกำลังพยายามที่จะลืมภาพที่รูแฮหลบเลี่ยงมือของตนที่ยื่นไปหาอีกฝ่ายเมื่อครู่ วินาทีที่รูแฮเอี้ยวตัวหลบหลีกนั้นหัวใจของนางสั่นคลอน ทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ควรที่จะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าใครอื่นแต่เพียงแค่สัมผัสชั่วครู่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีลังเล ยอมินพยายามฝืนยิ้มเพื่อลบเลือนความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจตน

“เช่นนั้นยอมินขอลา”

“เชิญเถิด ไว้เดี๋ยวเราจะไปเยี่ยมเยียนพระชายาฮวางเซจา”

“เพคะ หม่อมฉันจะแต่งตัวรอ”

ยอมินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มหวาน ทว่าการสนทนาในวันนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบก็ยังคงเป็นไปอย่างเหินห่างเช่นทุกครั้ง มากไปกว่านั้นคือคำสรรพนามที่รูแฮใช้เรียกยอมิน ไม่ว่าจะอยู่ข้างตัวอีกฝ่ายมานานกี่ปี นางก็ยังคงติดใจสรรพนามที่รูแฮใช้เรียกตนอยู่

รูแฮเป็นสามีที่ดี เขานั้นทั้งใจดีและมีเมตตา มิเคยปล่อยให้ชายาของตนต้องเหงา เขาไปที่ตำหนักของนางไม่บ่อย แต่ก็มิได้ไม่ไปเลย แต่ก็เพียงแค่นั้น เพราะมีเพียงแค่นั้นนางจึงลบความที่รู้สึกที่ว่าทั้งหมดที่เขาทำราวกับทำไปเพราะเป็นหน้าที่ออกไม่ได้ ราวกับว่าในเมื่อผูกสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็ควรจะปฏิบัติตามวิถีของสามีภรรยาไปแค่นั้น

แต่เมื่อใดกันที่พระองค์จะเรียกหม่อมฉันว่าชายากันเพคะ มิเช่นนั้นก็เรียกขานกันว่าชายาฮวางเซจาก็ยังดี

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบพร้อมกับพูดคุยกับรูแฮอย่างยิ้มแย้ม แต่เมื่อออกมาจากห้องหนังสือแล้วจิตใจนางกลับขมขื่น รูแฮนั้นไม่ว่าเมื่อใดก็จะเรียกนางว่า ‘พระชายาฮวางเซจา’ ราวกับเป็นคนอื่นคนไกล

ภายในพระราชวังที่เข้มงวดแห่งนี้ผู้คนแสดงออกถึงความสนิมสนมด้วยการใช้สรรพนามที่ใช้เรียกแทนกันแบบง่ายๆ เพราะฉะนั้นการที่รูแฮเรียกยศเต็มของตนเช่น ‘พระชายาฮวางเซจา’ อยู่ตลอดนั้นทำให้ยอมินผิดหวังอยู่พอควร ถึงแม้จะมิใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องนำมาสนทนากัน แต่ทว่ากลับทำให้ไม่สบายใจเท่าใดนัก แม้แต่ผู้อื่นที่พบหน้ากันมิเท่าไหร่ก็ยังเรียกตนว่าชายาฮวางเซจาราวกับว่าสนิทสนมกันแล้ว นางมิได้หวังให้เขาเรียกนางว่า ‘ชายา’ อย่างสนิทสนมเลยด้วยซ้ำ หวังแค่เพียง ‘ชายาฮวางเซจา’

“พระชายาฮวางเซจางั้นรึ มิดูเหมือนว่ากำลังเรียกชายาผู้อื่นอยู่หรือไร”

ยอมินยิ้มเยาะให้ตนเองแล้วหยุดที่ระเบียงไม้ ข้ารับใช้ที่นั่งอยู่ข้างบันไดหินนำรองเท้ามาสวมให้นาง ระหว่างที่นางก้มมองผมที่เกล้ากลมของข้ารับใช้ที่สวมรองเท้าให้นางอยู่นั้น นางก็พลันนึกถึงคำพูดของรูแฮขึ้นมา

‘นั่นเป็นเพราะชายาฮวางแทจาทรงเป็นลม…’

สองตาของนางเป็นประกายขึ้น นางที่ผูกสัมพันธ์เป็นสามีภรรยามาหลายปีแท้ๆ ยังคงถูกเรียกว่า ‘พระชายาฮวางเซจา’ ในทุกวัน ข่าวลืออันน่ารังเกียจที่เหล่านางกำนัลซุบซิบพลันวนเวียนขึ้นมาในหัว

“โบจิน”

โบจิน นางกำนัลที่ยืนรอยอมินอยู่ด้านล่างบันไดเมื่อได้ยินเสียงเรียกของยอมินจึงรีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมโค้งตัวรับคำ นางคือนางกำนัลคนสนิทที่ได้รับความโปรดปรานจากยอมินมากที่สุด

“เพคะ ชายาฮวางเซจา”

“ไปวังตะวันออก เราต้องการพบพระชายาฮวางแทจา”

“ทราบด้วยเกล้าเพคะ”

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

มีคำสั่งขอตัว อูรึม องค์หญิงหนึ่งเดียวแห่งราชอาณาจักรฮวากุกที่เงียบสงบให้มาอภิเษกสมรสกับ ฮวางแทจา องค์รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งมหาจักรวรรดิมกกุกที่ขึ้นชื่อเรื่องการแย่งชิงอำนาจ

แม้การอภิเษกนี้องค์หญิงอูรึมจะไม่เต็มใจไปแต่ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ กระนั้นชายคนแรกที่เธอได้พบเมื่อมาถึงมหาจักรวรรดิมกุกนั้นกลับไม่ใช่ฮวางแทจา แต่เป็นองค์รัชทายาทอันดับสาม รูแฮ ผู้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดของเขา

เมื่อคู่ครองไม่ใช่คนที่รัก และคนที่รักไม่อาจเป็นคู่ครอง เรื่องราวรักสามเส้าของเขาและเธอสามคนในครั้งนี้จะลงเอยกันอย่างไร…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท