พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 20

บทที่ 20

บทที่ 20 พื้นที่นายนอนแข็งไหม

เมื่อได้ยินหัวขโมยพูดความจริง พัชรพลก็หยุดทันที

ทุกคนต่างพากันตกใจกับคำพูดของพวกมัน ใครก็คงไม่ เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของธายุกร

ไม่มีแม้แต่ความสงสัย คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบ บนั้นจะพูดโกหกได้อย่างไร กลับกันถ้าเป็นพวกเขาคงจะพูด ความจริงตั้งแต่โดนหักนิ้วนิ้วแรกแล้วล่ะ

อีกทั้งหัวขโมยยังพูดชื่อของอินทัช อินทัชคือหนึ่งในสาม ของราชาใต้ดินแห่งเมืองริเวอร์ถ้ามันโกหก มันคงจะไม่กล้า พูดคำนั้นออกมา เพราะอินทัชไม่ใช่คนที่จะไปแหย่ด้วยได้

ไอ้หัวขโมยนั่นพูดชื่อของอินทัชออกมา เพราะต้องการให้ พัชรพลเบามือลง ไม่อย่างนั้นความน่ากลัวของพัชรพลคง จะหักนิ้วของพวกมันหมดทั้งสิบนิ้ว

“ความจริงเป็นแบบนี้นี่เอง ทุกคนคงได้ยินแล้ว ผมเป็น คนที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา เรื่องลักขโมยผมไม่เคยคิดที่ จะทำมัน” รพีพงษ์พูดด้วยเสียงดัง

ทุกคนต่างพากันพยักหน้า แล้วหันไปมองธายุกร

ไม่เหลือที่ให้ธายุกรแก้ต่างอีกแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าสิ่งที่ หัวขโมยพูดเป็นเรื่องจริง
“พวกแกพูดอะไรมั่วๆ เรื่องที่พวกแกขโมยของมันไม่ เกี่ยวข้องกับฉัน คุณปู่พวกมันใส่ร้ายผม!” ธายุกรพูดอย่าง ลุกลี้ลุกลน

“พวกเราไม่ได้ใส่ร้ายใคร พวกนายไปถามอินทัชก็จะรู้เอง พวกเราเป็นคนที่โคตรโชคร้าย ที่มาทำเรื่องนี้แทนคนแบบ มัน” คนที่โดนหักนิ้วกลั้นความเจ็บปวดแล้วพูดออกมา

ธายุกรกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร

สีหน้าของนภทีป์ก็แสดงถึงความโกรธ เห็นได้อย่าง ชัดเจนว่าเขาเชื่อคำพูดของหัวขโมย

แต่ทว่าเขาเข้าข้างหลานชายคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร ถึง แม้ว่าหลานชายจะเป็นคนส่งพวกมันมาจริงๆ ก็อาจจะเป็น เพราะอยากจะไล่รพีพงษ์ออกไปจากตระกูล

“พอแล้ว เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้เถอะ ฉันรู้จักหลานชายฉันดี เขาไม่ทำเรื่องแบบนี้ ส่งพวกมันไปสถานีตำรวจเถอะ แล้วก็ ห้ามใครพูดถึงเรื่องนี้อีก” นภทีป้ออกปากสั่ง

มันเห็นได้ชัดว่านภทีปกำลังเข้าข้างธายุกร แต่คนที่อยู่ ตรงนั้นก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมา

อารียาเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมกับ รพีพงษ์ เมื่อกี้หัวขโมย

สองคนนั้นบอกว่าเขาส่งพวกมันมา คุณปู่จะไล่เขาออกจาก

ตระกูล
แต่พอหัวขโมยพูดความจริงออกมาว่าทั้งหมดเป็นฝีมือ ของธายุกร คุณปู่กลับสั่งห้ามไม่ให้ผู้คนพูดถึงเรื่องนี้อีก

นี่มันไม่ยุติธรรมกับรพีพงษ์เลย

แต่นภทีป์เป็นคนที่ไม่ฟังใคร ถ้าเธอเรียกร้องความ ยุติธรรมให้เขา ก็รั้นแต่จะทำให้คุณปู่ไม่พอใจ

“อารีจัดงานนิทรรศการครั้งนี้ได้ไม่เลวเลย ของสะสมของ ฉันไม่โดนขโมย เป็นความดีความชอบของเธอ ควรจะได้รับ การชื่นชม ฉันจะเพิ่มเงินเดือนในบริษัทให้สองเท่า เพื่อเห็น แก่หน้าของเธอฉันจะยอมให้รพีพงษ์อยู่ในตระกูลต่อไป และให้มันหาเรื่องให้ฉันน้อยๆ หน่อย”

นภทีรู้ว่าครั้งนี้หลานชายของตัวเองทำเกินไป เขาก็เลย เอาเรื่องนิทรรศการมาชดใช้ให้กับอารียา

“คุณปู่คะ นิทรรศการครั้งนี้.” อารียาอยากจะอธิบายว่า การที่ของในงานไม่โดนขโมย เป็นความดีความชอบของรพี พงษ์ทั้งหมด

“พอแล้ว งานก็จบลงแล้ว รีบเก็บของให้เรียบร้อย แล้ว ไปขอบคุณเจ้าของที่นี่แทนฉันด้วย ธายุสองสามวันนี้แกกลับ ไปอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ต้องไปบริษัท”

นภทีป์พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป

ธายุกรวางแผนจะขโมยวัตถุโบราณของเขา เขาทำได้เพียงให้หลานชายกลับไปคิดทบทวนตัวเองที่บ้านเท่านั้น

ธายุกรตอบรับคำสั่งของนภทีป์ หลังจากนั้นเขาก็หันไป แสยะยิ้มให้กับ รพีพงษ์และอารียา

“รู้ว่าฉันเป็นคนทำแล้วยังไงเหรอ ฉันเป็นหลานชายแท้ๆ

ของเขา เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก ยอมรับความจริงซะเถอะ

ฉันบอกแล้วว่าทำอะไรฉันไม่ได้”

อารียาโกรธเลือดขึ้นหน้า เธอกำลังจะต่อว่าธายุกร

แต่ทว่ารพีพงษ์ยืนมือมารั้งเธอเอาไว้ก่อน “อย่าไปโมโห

ใส่คนที่เอาแต่คิดว่าตัวเองถูกแบบนั้นเลย ไม่ช้าก็เร็วเขาจะ ต้องเสียใจเอง” อารียาพยักหน้า เธอคิดว่าที่เขาพูดมีเหตุผล เธอจึงเลือกที่

จะไม่สนใจธายุกร

บางครั้งการที่ไปใส่ใจกับคนโง่มากเกินไป สุดท้ายตัวเรา เองนี่แหละที่จะกลายเป็นคนโง่เสียเอง

คนที่อยู่ในสวนดอกไม้เห็นว่างานสิ้นสุดลงแล้ว จึงพากัน เดินออกจาก วิลล่าฟ้าอนงค์

ตั้งแต่เริ่มจนจบ พวกเขาก็ยังไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงของ เจ้าของที่นี่ และไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงต้อนรับ อารียา

ชรินทร์ทิพย์เดินผ่านหน้าของทั้งคู่ด้วยสีหน้ายโสโอหัง “เธอเหนื่อยแทบตาย ก็ได้แค่เพิ่มเงินเดือนในบริษัท ถ้าเทียบเจ้าของที่นี่กับว่าที่สามีของฉันในอนาคต เจ้าของที่นี่ยัง ห่างกับเขาเยอะ รอวันที่เขามาขอฉันแต่งงาน ตระกูลฉัตร มงคล ฉันก็ไม่สนแล้ว”

รพีพงษ์เบะปาก เขาคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้ฝันกลางวัน เกินไปแล้ว

เมื่อกลับถึงบ้านในช่วงค่ำ ศศินัดดาสีหน้ามีความสุข ลูก สาวของเธอจัดนิทรรศการให้ตระกูลได้สำเร็จ แถมเงินเดือน ยังเพิ่มเป็นสองเท่า นี่มันเรื่องที่ดีชัดๆ ดังนั้นเธอจึงเตรียม อาหารดีๆ เอาไว้ให้ลูกสาว

“นี่ลูกสาว ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จครั้งใหญ่เลยนะ แม่เชื่อว่าต่อจากนี้ปู่ต้องเห็นความสำคัญของลูกแน่นอน การที่เขาเพิ่มเงินเดือนให้ลูก ถือเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น” ศศินัดดายิ้มแล้วพูดออกมา

“ใช่ ลูกสาวของเรายิ่งโดดเด่นขึ้นทุกวัน” ศักดา ก็พูดขึ้น มาเช่นกัน

“พ่อ แม่ นิทรรศการครั้งนี้ก็เป็นความดีความชอบของรพี พงษ์ด้วย ถ้าไม่ใช่เขา ….อารียา เอ่ยขึ้น “ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนไร้ประโยชน์

อย่างนั้น เพราะความสามารถของลูกทั้งหมด รพีพงษ์ไป

ในงานก็ทำได้เพียงเพิ่มความวุ่นวายให้ลูก โดยเฉพาะเรื่อง

หัวขโมยในงาน ถ้าลูกไม่รอบคอบ ไม่แน่ความผิดนี้อาจจะมาตกอยู่กับครอบครัวของเรา”

เมื่อศศินัดดาได้ยินชื่อของรพีพงษ์ เธอก็หงุดหงิดขึ้นมาทัน

“แต่ว่าแม่ รปภ. พวกนั้น …

“พอเถอะลูก ไม่ต้องไปพูดแทนมันแล้ว ครั้งนี้มันไม่โดนไล่ ออกจากตระกูลก็ดีแค่ไหนแล้ว ถึงลูกจะพูดแทนมันแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคนไร้ประโยชน์อย่างมันได้หรอก”

อารียามองรพีพงษ์อย่างเหนื่อยใจ รพีพงษ์ยิ้มให้เธอแล้ว พูดว่า “กินข้าวเถอะ ผมไม่ได้แคร์อะไร”

หลังจากทานข้าว รพีพงษ์ ก็ไปล้างจานและเก็บกวาดเรียบ ร้อย จากนั้นเขาจึงกลับไปในห้อง

เขากำลังปูที่นอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็เห็นว่าอารียากำลัง

จ้องเขาอยู่

“มีอะไรเหรอ” รพีพงษ์ถามขึ้นมา

“เรื่องวันนี้ ฉันขอโทษจจริงๆ ฉันอยากจะอธิบายให้ ชัดเจน แต่พวกเขาไม่ฟังเลย” อารียาพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด รพีพงษ์ยิ้มออกมาอย่างไม่สนใจอะไร เขาพูดขึ้นมาว่า

“แค่แก้ปัญหาได้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยัง

ไง อีกอย่างการที่พวกเขายอมรับคุณ มันคือเรื่องที่สำคัญ

ที่สุดสำหรับผม”

ที่
อารียารู้สึกประทับใจ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันทำให้เธอ มองเขาเปลี่ยนไปมาก

“ใช่สิ สร้อยคอวีตัส นายซื้อมันมาจริงๆ เหรอ” อารียา ถามขึ้น

รพีพงษ์พยักหน้า เขาไม่ได้ปิดบังอะไร

“นะ นายมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ยังไง” สร้อยเส้นนั้นมัน ราคาสี่สิบห้าล้านเลยนะ เขาเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไห นกัน ะ

“เอ่อ เงินส่วนตัวนะ” รพีพงษ์ตอบ

จู่อารียา ก็พูดอะไรไม่ออก นายมีเงินส่วนตัวเก็บไว้เยอะ ขนาดนั้นเลย

เธอไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อ ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอกับ เขาแยกกันอย่างชัดเจน เธอไม่เคยถามถึงเรื่องของเขาเลย ไม่ว่าเขาจะมีเงินเยอะขนาดไหน ขอแค่เขาไม่ได้มันมาแบบ ผิดกฎหมาย เธอก็ไม่สามารถยุ่งอะไรได้

รพีพงษ์นอนลงบนพื้น อารียาจ้องเขา ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้เธอถามออกไปว่า “เอ่อ นะ นายนอนบนพื้นไม่แข็งเห รอ หรือว่านายจะ…”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท