พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 61

บทที่ 61

บทที่ 61 ในสายตาของฉันมีแต่เธอ

ปฏิกิริยาแรกของอารียาเมื่อได้เห็นท่าทีของบุษบากร ก็ คือบุษบากรอยากจะแย่งผู้ชายของเธอ

และยังเป็นตอนที่รพีพงษ์เพิ่งร้องเพลงให้อารียาอย่าง ลึกซึ้ง เธอยังอยู่ในภาวะถ่ายทอดอารมณ์ลึกซึ้งกับรพี พงษ์ ในเวลานี้ เพื่อนสนิทของตัวเอง บอกว่าจะอยู่ตาม ลำพังกับรพีพงษ์สักพัก ต่อให้เป็นใคร ก็คงต้องคิดลึก เหมือนกัน

“ทำไมต้องอยู่ตามลำพังสักพัก? มีเรื่องอะไรพูดที่นี่ไม่ ได้หรือไง? อารียาถามอย่างระมัดระวัง

“อารี เธออย่าเข้าใจผิด ฉันไม่มีความคิดอื่น ฉันแค่มี คำถามที่จะถามเขานิดหน่อยเท่านั้น” บุษบากรรีบอธิบาย อย่างรวดเร็ว

อารียาสีหน้าประหลาดใจ เธอพบว่าหลังจากที่รพีพงษ์ ร้องเพลงจบ ท่าทีของบุษบาเปลี่ยนไปอย่างมาก

ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ บุษบากรจะต้องบอกว่ารพีพงษ์ ไม่เข้าตาเธออย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นว่าให้

อารียาอย่าคิดมาก

“อารี คุณยังมีอะไรต้องกังวลอีก ด้วยสายตาของบุษ แล้วจะยังไงสัก ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชื่นชอบรพีพงษ์หรอก หรือว่าเธอจะกลัวว่านายไร้ค่าคนนี้ จะจีบบุษไปได้”

“ใช่เลย แม้ว่ารพีพงษ์จะร้องเพลงได้ไม่เลว แต่ชื่อเสียง ของเขานั้น ทุกคนก็รู้ดี โดยเฉพาะบุษ คนที่ดูถูกที่สุด น่า จะเป็นรพีพงษ์แล้วมั้ง”
“ฮ่าๆ อารี ฉันคิดว่าคุณคิดมากเกินไปจริงๆ บุษจะยัง ไงก็แล้วแต่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปชอบรพีพงษ์คนเศษสวะ อย่างนั้น ตอนนี้ในสายตาเธอ เห็นแต่เจ้าชายขี่ม้าขาว ของเธอเท่านั้น”

ฟังคำพูดของผู้คนรอบข้าง ความอับอายบนใบหน้าของ บุษบากรอาจหยดลงมาเป็นน้ำได้ ถ้ารู้เป็นแบบนี้ตั้งแต่ แรก ก่อนหน้านี้ เธอก็จะไม่ปฏิบัติกับรพีพงษ์แบบนั้นแล้ว

แม้ว่าคนเหล่านี้จะพูดแทนเธอในตอนนี้ แต่เธอก็รู้สึก เสมอว่า คำพูดเหล่านี้กำลังตบหน้าเธออยู่

โดยเฉพาะหลังจากโดนรพีพงษ์ได้ยินแล้ว ก็จะไม่เกิด

ความประทับใจกับเธออีกแน่นอน “งั้น….งั้นก็ได้ รพีพงษ์ นายไปกับบุษหน่อยสิ” อารียา

พูดอย่างไม่เต็มใจนัก

รพีพงษ์ยิ้มให้อารียาอ่อนๆ พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวล ใน สายตาของฉัน มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น”

เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนั้น ในใจของอารียา ก็รู้สึก โล่งใจเล็กน้อย

ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอเริ่มสนใจรพีพงษ์มาก ขนาดนี้ ต้องรู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เธอยังคิดว่า รพีพงษ์เป็น

ตัวภาระ

บุษบากรพารพีพงษ์ไปที่ระเบียงทางเดินด้านนอก หัวใจรู้สึกประหม่าเล็กน้อย รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าบุษบากร สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

บุษบากรรู้สึกถึงท่าที่ความแตกต่างระหว่างที่รพีพงษ์มี ต่อกับเธอและอารียา ซึ่งนี่ทำให้หัวใจเธอรู้สึกผิดหวังมาก

ยิ่งขึ้น

“นาย… ก็คือไอดีดวงใจตะวัน?” บุษบากรถามขึ้น รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ “ใช่ ฉันเอง”

เมื่อเห็นรพีพงษ์ยอมรับ บุษบากรก้มหน้าลง แล้วถามว่า “ในเมื่อนายคือไอดีดวงใจตะวัน นายมีอารีอยู่แล้ว ทำไม นายถึงต้องตบรางวัลมากมายให้ฉันด้วย?”

วันนั้นคุณถ่ายทอดสดกับอารีด้วยกัน ฉันอยากให้เธอ ดีใจ ดังนั้นจึงตบรางวัลให้” รพีพงษ์ตอบกลับ

“แล้วเพลงนั้นล่ะ? ทำไมนายถึงยอมที่จะร้องเพลงนั้น ให้ฉัน?” บุษบากรถามต่อไป

“อืม นั่นเป็นเพราะว่าแฟนๆในห้องถ่ายทอดสดมีคึกคัก มากเกินไป และมันก็เป็นแค่เพลงเพลงหนึ่งเท่านั้น ร้อง เพลงให้พวกเขาฟังก็ไม่มีอะไร”

ร่างกายของบุษบากรแข็งที่อขึ้นมาในทันที ที่แท้จริง แล้ว สองเรื่องที่เธอใจจดใจจ่อตลอดเวลา กลับไม่ เกี่ยวข้องกับเธอสักเรื่องเลย

รพีพงษ์ทำทั้งหมดนี้ ไม่ได้เพราะเธอเลยสักนิด

นี่ทำให้เธอรู้สึกหมดหวังในใจยิ่งนัก ไม่คาดคิดว่า คิด มานานขนาดนี้ แล้วกลายเป็นว่าเธอคิดไปเองฝ่ายทั้งหมด

นี่คงจะเป็นกรรมตามสนองใช่ไหม?

“ไม่เกี่ยวกับฉันก็ดี อย่างน้อยนายก็ดีต่ออารีจริง แล้วนายจะโทษท่าทีของฉันที่มีต่อนายตอนก่อนหน้านี้ไหม? ตอนนี้ฉันขอโทษกับนายยังทันไหม?” บุษบากรเงยหน้า ขึ้น จ้องมองไปที่รพีพงษ์

แม้ว่าตอนนี้เธอไม่มีโอกาสแล้ว แต่เธอก็ต้องการได้ อภัยจากรพีพงษ์

“ไม่ต้องแล้ว สิ่งเหล่านี้ฉันชินหมดแล้ว และสำหรับเรื่อง แบบนี้ ฉันก็เพิกเฉยโดยตรงมาตลอด” รพีพงษ์พูดขึ้น เบาๆ

บุษบากรรู้สึกดั่งก้างปลาติดคอ ในความคิดของเธอ แล้ว รพีพงษ์กำลังปฏิเสธที่จะให้อภัยเธอ

และรพีพงษ์ก็คิดอย่างนี้จริงๆ เขาไม่เคยเอาบุษบากร มาใส่ใจ ก็เหมือนอย่างที่เขาพูดในตอนนั้น ในสายตาของ เขา มีเพียงอารียาเท่านั้น

“แล้ว…ฉันสามารถกอดนายหน่อยไหม?” พูดคำขอครั้งสุดท้ายของตัวเอง บุษบากร

ก่อนหน้านี้ เธอจินตนาการเรื่องนี้มาโดยตลอด เธอ จินตนาการว่า รอตอนที่เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอปรากฏ ตัว จะต้องเข้าไปสวมกอดเขาอย่างพึงพอใจ

แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดคิดไม่ถึงก็คือ เจ้าชายขี่ม้าขาว ของเธอ ก็คือรพีพงษ์ คนที่เธอดูถูกรังเกียจมาตลอด เวลา

“ขอโทษ ฉันยอมรับกอดของอารีคนเดียวเท่านั้น”

รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันกลับไปที่ห้อง รับรองส่วนตัวเลย
บุษบากรก็ได้คาดการณ์ถึงผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว ก้มหน้า ด้วยความสิ้นหวัง

เธอเดินตามกลับไปที่ห้องรับรองส่วนตัว ราวกับว่าจิต วิญญาณออกจากร่าง ชีวิตชีวาในก่อนหน้านี้ หมดไป อย่างสิ้นเชิง

อารียาเห็นว่ารพีพงษ์กับบุษบากรออกไปไม่ถึงห้านาที ก็กลับมาแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ

รพีพงษ์นั่งลงข้างๆอารียา อารียาเอ่ยถามขึ้น “เธอพูด อะไรกับนายเหรอ?”

“เรื่องที่ไม่สำคัญ” รพีพงษ์ยิ้มตอบ อารียาพยักหน้า ก็ไม่ได้คิดมาก

ทั้งหมดยังคงดื่มเหล้าร้องเพลงต่อเนื่อง เหมือนจะไม่มี ใครสนใจว่าเจตนิพัทธ์เป็นอย่างไรบ้างในห้องน้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องส่วนตัว ก็ถูกคนถีบออก กะทันหัน จากนั้นเจตนิพัทธ์ที่ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว ถูก คนโยนเข้ามา

ผู้คนในห้องส่วนตัวต่างผงะตกใจ เงียบลงทันที คนที่ ร้องเพลงอยู่ ก็ปิดเพลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองไปที่ประตูหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ชายหัวล้านที่สวมสร้อยทองคนหนึ่ง เดินเข้ามาจาก ด้านนอก ในอ้อมแขนของเขากอดผู้หญิงที่สวยงามเซ็กซี่ คนหนึ่งไว้ ด้านหลังยังมีลูกน้องติดตามอยู่ไม่น้อย

“พี่ใหญ่ โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันรู้ว่าฉันผิดแล้ว ต่อ ไปฉันจะไม่กล้าอีก!” เจตนิพัทธ์ลุกขึ้นจากพื้น พูดอ้อนวอนขอความเมตตาจากชายหัวล้าน

ชายหัวล้านกระทืบลงไปบนตัวของเจตนิพัทธ์โดยตรง เจตนิพัทธ์เพิ่งจะยืนขึ้น ก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง

“บ้าเอ้ย ตอนที่แกแตะต้องผู้หญิงของฉัน หมาป่าดำ ทำไมถึงไม่รู้ว่าแกผิด? ตอนนี้มาขอความเมตตาจากฉัน สายไปแล้ว!”

หัวล้านคนนั้นมีฉายาว่า หมาป่าดำ เป็นพี่ใหญ่ที่มีชื่อ เสียงในละแวกนี้ KTVแห่งนี้ เขาเป็นคนคุ้มครองไว้

ในเวลานั้น เจตนิพัทธ์เพิ่งอาเจียนเสร็จแล้วออกจาก ห้องน้ำ คนทั้งคนอยู่ในความมึนเมา กึ่งหมดสติไม่ค่อย รู้ตัว เห็นสิ่งต่างๆล่องลอยเล็กน้อย

ในเวลานี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งได้เดินออกมาจากห้องน้ำผู้ หญิง รูปร่างเร่าร้อน ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เลย มองเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นอารียา

ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เขาพุ่งกระโจนเข้าใส่ผู้ หญิงคนนั้นโดยตรง แตะเนื้อต้องตัวลวนลามเธอ ในปาก ก็พูดต่อเนื่องว่า “อารี ฉันชอบคุณ คุณทำให้ฉันได้สมหวัง เถอะ!”

ผู้หญิงคนนั้นตบเขาสองทีโดนตรง จากนั้นก็เรียก หมาป่าดำมา เมื่อหมาป่าดำได้ยินว่า เจ้าโง่เง่าตัวนี้กล้าที่ จะลวนลามผู้หญิงของเขา ก็สั่งให้ลูกน้องทุบตีเจตนิพัทธ์ ทันที

หลังจากนั้นเขาก็ให้เจตนิพัทธ์ชุดใช้ค่าเสียหาย เจตนิ พัทธ์บอกว่าตัวเองไม่มีเงิน ดังนั้นหมาป่าดำจึงพาเขามาที่ ห้องส่วนตัวนี้ ตั้งใจจะโกงเงินคนเหล่านี้สักก้อน
ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับเจตนิพัทธ์ ไปพยุงตัวเจตนิ พัทธ์ขึ้น หันหน้ามองไปที่หมาป่าดำ แล้วถามขึ้น ” พี่ชาย ท่านนี้ ไม่ทราบว่านี่เกิดอะไรขึ้น?”

“นายโง่เง่านี้ ลวนลามผู้หญิงของข้าในห้องน้ำ วันนี้ถ้า

พวกนายไม่เอาเงินห้าแสนออกมา ในห้องส่วนตัวนี้ ใครก็

อย่าคิดที่จะได้ออกไป!” หมาป่าดำพูดอย่างเย็นชา

ทุกคนต่างตกใจอย่างหนัก ไม่คิดว่าหัวหน้าห้องจะทำ เรื่องเช่นนี้ออกมาได้

เจตนิพัทธ์สีหน้าเต็มไปด้วยความละอาย พูดอธิบายขึ้น

“พี่ชาย มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ นั่นคือฉันจำคนผิด และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ก็ถูกคนของพวกคุณ ทำร้ายแล้ว ขอร้องยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ” “นายพูดเหมือนตด ในตอนนั้น มือของนายเอื้อมไปถึงที่

ไหน ตัวนายรู้ดีแก่ใจที่สุด” ผู้หญิงร้องตะโกนขึ้น

เจตนิพัทธ์จนปัญญารู้ว่าเรื่องในวันนี้ ไม่สามารถหลบ หนีไปได้แล้ว เขาหยิบบัตรของตัวเองออกมา และพูดว่า “พี่ชาย ในบัตรใบนี้ของฉัน มีเงินเหลืออยู่เพียงไม่กี่พัน หยวนเท่านั้น ห้าแสน ฉันไม่มีให้จริงๆ” “ไม่มีให้? ให้พวก เขารวบรวมให้นาย! ทั้งหมดนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของนาย ไม่ใช่เหรอ? ให้พวกเขารวบรวมห้าแสนออกมา ไม่อย่าง นั้น แฮ่กๆ นายรู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร” หมาป่าดำพูด หัวเราะเยาะ

เจตนิพัทธ์หันหน้ามองไปรอบๆ ก่อนหน้านี้ พวกคนที่ เลียแข้งเลียขาประจบเจตนิพัทธ์ รีบมองออกไปทางอื่น ในทันที แสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่อง
เจตนิพัทธ์แอบด่าในใจ คิดในใจว่า คนเหล่านี้ ก็แค่ สนิทกับเขาตอนเสพสุขเพลิดเพลิน เมื่อใดที่เกิดเรื่อง แต่ละคนล้วนกลายเป็นคนขี้ขลาดหัวหดเป็นเต่าหมด

ในขณะนี้ เขาเห็นรพีพงษ์ที่นั่งอยู่หัวมุม แววตาที่ชั่วร้าย ปรากฏขึ้นในดวงตา

“ถ้าไม่ใช่เพราะนายที่มาแย่งอารีไป ข้าก็จะไม่เจอกับ เรื่องแบบนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนาย นายอย่ามาโทษฉัน แล้วกัน”

เจตนิพัทธ์บ่นพึมพำในใจ จากนั้นก็ยื่นมือชี้ไปที่รพีพงษ์ พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ เขามีเงิน นาฬิกาที่เขาใส่อยู่ ราคาสาม แสนแปดหมื่นหยวนนะ อีกอย่างเรากินข้าวก่อนหน้านี้ เขา จ่ายไปแสนกว่า เขาต้องสามารถให้พี่ห้าแสนได้แน่นอน”

หมาป่าดำมองไปที่รพีพงษ์ทันที พูดอย่างเย็นชา “ไอ้ น้อง ได้ยินหรือยัง รีบเอาเงินออกมา!”

อารียารู้สึกกังวลขึ้นมาในทันที นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอ รู้สึกว่าเจตนิพัทธ์ไร้ยางอายมากขนาดนี้

“เงินส่วนนี้ ทำไมให้เราออก ทั้งๆที่เป็นความผิดของคุณ เอง แล้วทำไมต้องให้รพีพงษ์มารับผิดชอบ” อารียาพูด อย่างไม่พอใจ

เจตนิพัทธ์แม้ว่าไม่อยากให้อารียามองเขาแบบนี้ยิ่งนัก แต่สถานการณ์เป็นดั่งเช่นนี้แล้ว เขาไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ความร้ายกาจของหมาป่าดำนั้น เขารู้ดี

เขาพูดอย่างจนใจ “อารี ฉันก็ถูกบีบบังคับจนหมด หนทาง คุณให้รพีพงษ์ช่วยฉันสักครั้ง ต่อไปฉันจะต้อง คืนเงินนี้ให้พวกคุณแน่นอน”
“เจตนิพัทธ์ คุณหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆตัวคุณสถุล เอง ยังอยากที่จะให้รพีพงษ์ช่วยคุณจ่ายเงิน ฉันมองคุณ ผิดไปจริงๆ” บุษบากรก็ตะโกนพูดด้วยความโกรธ

เจตนิพัทธ์ชะงัก ไม่เข้าใจว่าทำไมบุษบากรถึงเริ่มช่วย

รพีพงษ์พูดแล้ว

หลังจากที่หมาป่าดำได้เห็นรูปลักษณ์ของอารียาและ บุษบากร ดวงตาก็สว่างขึ้นในทันที ผลักผู้หญิงในอกของ เขาออกไปทันที

เขามองไปที่อารียาและบุษบากรด้วยรอยยิ้มเลศนัย แล้วพูดว่า “ถ้าพวกนายไม่อยากออกเงินก้อนนี้ ก็ได้”

เมื่อได้ยินหมาป่าดำพูดแบบนี้ อารียาถอนหายใจด้วย ความโล่งอก นึกว่าหมาป่าดำจิตใจสำนึกแล้ว

“เพียงแค่พวกเธอสองคน ยอมที่จะนอนกับฉันคืนหนึ่ง ฉันก็จะไม่ถือสาเรื่องในครั้งนี้ และการใช้จ่ายทั้งหมดใน คืนนี้ของพวกเธอ คิดกับฉันทั้งหมด เป็นยังไง?” หมาป่า ดำเผยฟันสีเหลืองในปากออกมา พูดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท