พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 65

บทที่ 65

บทที่ 65 ให้เธอมาทำ

“พี่ศาพี่ทำอะไร?” วิภาดายืนนิ่ง กัดริมฝีปากจ้องมองไปที่ พนักงานขายคนนั้น

คนคนนี้มีชื่อว่าชวิศา ทำงานในร้าน 4s นี้มาหลายปีแล้ว เมื่อกี้ตอนที่รพีพงษ์เข้ามา เธอเยาะเย้ยมากที่สุด ตอนนี้ เห็นรพีพงษ์ต้องการที่จะรับรถจริงๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาแย่งออ เกอร์ของ วิภาดาทันที

เธอรู้สึกว่าวิภาดาเป็นคนมาใหม่ ต่อให้เธอแย่งออเดอร์ ของ วิภาดาจริงๆ วิภาดาก็ไม่กล้าพูดอะไรแน่นอน

“คุณยังไม่คุ้นเคยกับงานของเราที่นี่ ออเดอร์นี้ ฉันช่วย คุณทำ ต่อไปถ้ารับออเดอร์อีก คุณค่อยทำเอง” ชวิศาพูด อย่างเอาจริงเอาจัง

วิภาดากัดริมฝีปากเบาๆ รู้สึกไม่พอใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ฉัน คุ้นเคยกับการงานแล้ว แล้วนี่ออเดอร์ของฉัน คุณมีสิทธิ์ อะไรมาแย่งไป”

ชวิศารีบจ้องเขม็งวิภาดา แล้วพูดว่า “วิภาตา คุณเป็น คนใหม่นะ ประสบการณ์ของฉันมากกว่าคุณ ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้จัดการกับฉันก็ดีมากกันด้วย คุณอย่าไม่รู้ผิดชอบ ชั่วดีนะ!”

หลังจากพูดจบ ชวิศาก็หันไปมองรพีพงษ์ ใบหน้าแสดง รอยยิ้มที่มีเสน่ห์

แม้ว่าชวิศาอายุเกือบสามสิบแล้ว แต่หลังจากแต่งหน้า แล้ว ยังคงมีความสวยบ้าง เป็นเพราะเหตุนี้ ผู้จัดการจึงมี ความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ
“คุณผู้ชาย ให้ฉันมาช่วยคุณดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ฉัน ทำงานที่นี่มานานมากแล้ว ชำนาญกับขั้นตอนแต่ละอย่าง มาก” ชวิศาพูดด้วยรอยยิ้มกับรพีพงษ์ ยังส่งสายตายั่วยวน ให้รพีพงษ์เป็นครั้งคราว

รพีพงษ์มองไปที่ชวิศาด้วยความรังเกียจ สิ่งที่เขารำคาญ มากที่สุด ก็คือคนอย่างชวิศา แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ ชวิศาช่วยเขาดำเนินการขั้นตอนต่างๆ

“คือคุณผู้หญิงคนนี้พาฉันดูรถ ฉันซื้อรถ ก็ต้องหาเธอ ด้วยเช่นกัน คุณไปยุ่งงานของคุณนึกว่า” รพีพงษ์พูดขึ้น

ชวิศาเห็นว่ารพีพงษ์ยืนยันที่จะให้วิภาดาช่วยดำเนินการ ให้เขา ก็แสดงความไม่พอใจเล็กน้อย

แต่ในไม่ช้า เธอก็ใช้วิธีถนัดของเธอ

เห็นเพียงชวิศารอยยิ้มกลับคืนมา แนบตัวติดกับรพีพงษ์ เอามือข้างหนึ่งควงแขนของเขาไว้ ขยับพูดกระซิบข้างหู เขา “คุณผู้ชาย เพียงแค่คุณซื้อรถกับฉัน คืนนี้ เราสามารถ มีความสุขในการร่วมรักได้นะ”

เมื่อวิภาดาเห็นชวิศาเป็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกหมดหวังเล็ก น้อย ก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอก็เคยเห็น ชวิศาใช้วิธีนี้ แย่งอ อเดอร์ของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง

ผู้ชายสำหรับเรื่องอย่างว่าแล้ว โดยทั่วไปแล้ว ยากที่จะ ต่อต้าน เธอรู้สึกว่าออเดอร์ของเธอ เกรงว่าจะต้องยอมให้

ชวิศาแล้ว

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชวิศา สีหน้าเคร่งขรึม ในทันที จากนั้นก็ยื่นมือผลัก ชวิศาออกไป พูดอย่างเย็นชา “ไปให้พ้น!”

แม้ว่าชวิศาจะมีเสน่ห์อยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับอารียา ก็ด้อยกว่ามาก เป็นไปไม่ได้ที่รพีพงษ์จะชอบหญิงไร้รสนิยม แบบนี้

ชวิศามองรพิพงษ์ด้วยเหลือเชื่อเล็กน้อย คาดคิดไม่ถึงว่า วิธีนี้ของเธอ สำหรับรพีพงษ์แล้ว จะไม่ได้ผลเลย

รพีพงษ์หันหน้าไปมองวิภาดา แล้วพูดว่า “คุณมาช่วยฉัน ดำเนินการขั้นตอนต่างๆนะ”

วิภาดาจ้องมองรพีพงษ์นิ่งอึ้ง ในใจมีความซาบซึ้งเกิดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วพารพีพงษ์ไป ดำเนินเรื่องเลย

ชวิศาจ้องเขม็งวิภาดาด้วยสีหน้าเคียดแค้น พูดอย่างเย็น ชา “นางโสเภณี กล้าที่จะมาแย่งงานกับฉัน จะบอกแกให้ ความสัมพันธ์ของฉันกับผู้จัดการไม่ธรรมดา ฉันจะให้ผู้ จัดการจัดการแกเดี่ยวนี้เลย ต่อให้เขาจะหาแก เงินนี้ก็จะ ไม่ถึงมือแก!”

รพีพงษ์ตามวิภาดาไปยังสถานที่ที่ดำเนินงาน เมื่อกี้ที่คำ พูดที่ชวิศาบ่นพึมพำ เขาได้ยินหมดแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏ รอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น

วิภาดาตั้งใจดำเนินเรื่องให้รพีพงษ์ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า

“คุณผู้ชาย “ไม่ทราบว่าคุณต้องการผ่อนจ่ายไหมคะ?”

“ไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวนได้เลย” รพีพงษ์หยิบบัตร ธนาคารของตัวเองออกมา

วิภาดาสะดุ้งตกใจ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะจ่ายเงินเต็ม จำนวน ซึ่งนี่มันล้านกว่าเลยนะ

และในตอนที่วิภาดา กำลังจะรูดบัตร ชวิศาก็พาซายคน

หนึ่งเดินเข้ามา
ชายคนนี้ก็คือผู้จัดการของร้าน 4s แห่งนี้ เขามองไปที่ วิภาดา แล้วพูดว่า “วิภาดา คุณเอางานในมือให้ชวิศาทำไป ก่อน ห้องทำงานของฉันต้องการจัดตกแต่งหน่อย คุณมา ช่วยงาน”

ชวิศามองไปที่ วิภาดาอย่างมีชัย คิดในใจว่า สู้กับฉัน เธอ ยังอ่อนหัดเกินไป

วิภาดารู้สึกน้อยอกน้อยใจในทันที เธอรู้ดีอยู่แล้วดีว่า ทำไมผู้จัดการถึงต้องเรียกตัวเธอไป

แต่สำหรับคำพูดของผู้จัดการแล้ว เธอจำเป็นต้องเชื่อฟัง

“คุณผู้ชาย ให้ชวิศาช่วยคุณดำเนินการนะ เธอเป็นนัก ขายมือทองของเราจะต้องบริการคุณอย่างดีแน่น”

ผู้จัดการก็ยิ้มพูดกับ ชวิศา

ชวิศาแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนต่อรพีพงษ์ ไม่รู้สึกเลยสัก

นิด ว่ามีทำแบบนั้นไม่เหมาะสมตรงไหนบ้าง

“คุณรีบไปเถอะ เดี๋ยวให้ลูกค้ารอจนกังวลแล้ว” ชวิศาดึง

วิภาดา

วิภาดาจนปัญญา จะลุกขึ้นทันที

“เดี๋ยวก่อน” รพีพงษ์พูดขึ้น

ทั้งสามคนมองไปที่รพีพงษ์ ในเวลานั้นผู้จัดการได้ยิน ชวิศาพูดถึงลูกค้าคนนี้ รู้ว่าเขามีแนวโน้มที่จะยืนยันให้ วิภาดามาช่วยดำเนินการต่อ จึงได้หาข้ออ้างไว้เรียบร้อย แล้ว

“เธอเป็นน้องสาวของฉัน วันนี้ฉันซื้อรถเพราะเธอ ดังนั้น การดำเนินขั้นตอนนี้ ต้องให้เธอเป็นคนทำ”

รพิพงษ์พูดขึ้น
“คุณผู้ชาย คืออย่างนี้…. ผู้จัดการคือจะโน้มน้าวรพี พงษ์อีก

รพีพงษ์ไม่ให้โอกาสนี้กับเขาเลย ยื่นบัตรธนาคารของ เขาให้กับผู้จัดการโดยตรง และพูดว่า “บัตรธนาคารนี้ คุณ น่าจะรู้จัดใช้ไหม?”

ชวิศาที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะในใจ คิดในใจว่า ความ สัมพันธ์ระหว่างฉันกับผู้จัดการ ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอ สามารถจินตนาการได้ หรือว่าคุณยังสามารถใช้บัตร ธนาคารใบเดียว ให้ผู้จัดการช่วยพูดแทนวิภาดาได้ น่า ตลกสิ้นดี

ผู้จัดการรับบัตรธนาคารในมือของรพีพงษ์ เข้าไปดูใกล้ๆ อย่างละเอียด จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างทันที

“นี่….นี่คือBlack Cardของธนาคารโลก?” ผู้จัดการพูด อย่างตกตะลึง

รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “การ์ดใบนี้หมายถึง อะไร คุณน่าจะรู้ว่าดี วันนี้ฉันมาซื้อรถเพราะน้องสาวของ ฉัน ถ้าเธอทำงานที่คุณได้ดี ต่อไปฉันอยากซื้อรถอีก หรือ เพื่อนๆของฉันอยากซื้อรถ ฉันก็จะแนะนำให้มาที่นี่หมด”

ผู้จัดการกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่สงสัยเกี่ยวกับความ จริงๆในคำพูดของรพีพงษ์เลยสักนิด ผู้ที่ครอบ ครองBlack Cardของธนาคารโลก ใครบ้างที่ไม่ใช่คนใหญ่ คนโต ซื้อรถมูลค่าล้านกว่า สำหรับพวกเขาแล้ว มันก็ง่าย เหมือนกับการกินข้าวเลย

ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ถ้าหาก สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาได้ ผลประโยชน์ที่จะ ได้รับนั้น ก็ค่อนข้างน่ากลัวแล้วจริงๆ
ผู้จัดการเป็นคนรู้และเข้าใจในเหตุผล เขารู้ดีอยู่แล้วว่า ระหว่าง ชวิศาและผู้ที่ครอบครองBlack Cardของ ธนาคารโลก สิ่งใดสำคัญกว่า ชวิศาเป็นเพียงคนที่เขามี สถานะไม่ชัดเจนเท่านั้น เพียงแค่มีเงิน ผู้หญิงแบบนี้ เขา สามารถมีได้นับไม่ถ้วน

ดังนั้นเขาจึงรีบโค้งคำนับแล้วพูดยิ้มให้รพีพงษ์ทันที “คุณ ผู้ชาย ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะให้วิภาดาช่วยดำเนินขั้นตอนต่อ ไปให้คุณ และต่อไปฉันจะดูแลเธอเป็นพิเศษ” รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก เขาเห็นว่า

วิภาดา แสดงท่าที่ต่อเขาค่อนข้างดี ดังนั้นจึงยื่นมือช่วย

หน่อย

ชวิศาเห็นท่าทีของผู้จัดการเปลี่ยนไปกะทันหัน สีหน้า เต็มไปด้วยความงุนงง แล้วถามขึ้นว่า “ผู้จัดการ คุยกันแล้ว ว่าจะให้ฉันมาจัดการกับออเดอร์นี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณให้ วิภาดา นางตัวดีนี้ทำอีกแล้ว”

ผู้จัดการจ้องเขม็งไปที่ชวิศาด้วยสายตาดุดัน และพูดว่า “ต่อไปวิภาดาก็คือน้องสาวของฉัน ถ้าคุณกล้าแย่งออเดอร์ ของเธออีก ฉันจะไล่คุณออกโดยตรง! เอาล่ะ ตอนนี้คุณไป จัดห้องทำงานให้ฉัน เรื่องตรงนี้ ปล่อยให้วิภาดาเป็นคนทำ เถอะ”

ชวิศาตกตะลึงไปชั่วขณะ ยังไงก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่า ผู้จัดการที่อยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด กลับช่วยพูด แทนวิภาดา

เธอมองไปที่รพีพงษ์ ด้วยใบหน้าที่สับสนมึนงง คิดไม่ ออกว่าเกิดอะไรขึ้น

ผู้จัดการกลัวว่าเธอจะทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจ จึงรีบลากเธอออกไปจากที่นี่

วิภาดาก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยมึนงงเหมือนกัน ยังไงก็คิด ไม่ถึงว่า ผู้จัดการจะทำดีกับเธอกะทันหัน เพราะคำพูดของ รพีพงษ์คำเดียว

แต่ในไม่ช้า เธอก็ได้เข้าใจแล้ว รพีพงษ์ต้องเป็นคนใหญ่ คนโตแน่นอน ถึงได้ทำให้ผู้จัดการเคารพมากขนาดนี้

เธอมองไปที่รพีพงษ์อย่างซาบซึ้ง แล้วพูดว่า “พี่ชาย ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่พี่ ฉันอยู่ที่นี่ คงต้องถูกรังแก มากแน่”

“เรื่องเล็กน้อย และคุณไม่ได้ทำผิด นี่คือสิ่งที่คุณสมควร ได้รับ” รพีพงษ์พูดขึ้น

วิภาดาไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระอีก รีบช่วยรพีพงษ์ดำเนิน เรื่องให้เสร็จสิ้นในทันที หลังจากที่จ่ายเงินแล้ว Land Rover range rover prosperity คันนั้น ก็ได้กลายเป็นของ รพีพงษ์ แล้ว

รพีพงษ์ขับรถออกจากร้าน 4s โดยตรง ในรถ วิภาดาเฝ้า ดูเขาจากไปด้วยความแววตาขอบคุณซาบซึ้ง พวก พนักงานขายในร้าน เต็มไปด้วยความอิจฉา ล้วนเสียใจที่ ตัวเองไม่ได้ออกไปต้อนรับรพีพงษ์ในตอนแรก

หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากร้าน 4s ก็ไม่ได้กลับไปบ้าน แต่ได้ขับรถตรงไปที่หน้าบริษัทของอารียา จอดรถไว้ข้าง ทาง รออารียาเลิกงาน

วันนี้อารียาอารมณ์ไม่ดีตลอดทั้งวัน เมื่อวานป้าฟางเยาะ เย้ยเหน็บแนมว่าบ้านเธอไม่สามารถซื้อรถได้ วันนี้มาถึงที่ บริษัท เพื่อนร่วมงานต่างก็คุยกันถึงเรื่องรถเช่นกัน

เพื่อนร่วมงานไม่น้อย ที่บ้านต่างได้ซื้อรถแล้ว จากนั้นก็มาโอ้อวดตรงหน้าอารียา ในใจเธอก็ต้องไม่พอใจเป็นเรื่อง ธรรมดา

โดยเฉพาะเธอยังถือว่าเป็นหัวหน้าของคนเหล่านี้ ลูกน้อง ต่างมีรถหมดแล้ว เธอเองที่เป็นหัวนาย กลับไม่มีเงินซื้อรถ ได้ เมื่อคิดแบบนี้ อารียาก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้าอีก

และแล้วก็ถึงเวลาเลิกงาน อารียาออกมาพร้อมกับพวก พนักงานในบริษัท ทุกคนก็ยังคงคุยกันถึงเรื่องรถ

อารียาคิดในใจว่า โชคดีที่วันนี้เธอขับรถมอเตอร์มาด้วย ตัวเอง ไม่เช่นนั้นถ้าหากให้รพีพงษ์ขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามา รับเธอ เธอต้องอับอายขายหน้าแย่เลย

“สามีของฉันเพิ่งได้โบนัสไม่นานนี้ เราเอาเงินนี้ไปซื้อรถ วันนี้สามีของฉันขับรถมารับฉัน”

“จริงเหรอ สามีของฉันก็ได้ขับรถมารับฉันเหมือนกัน รถ ของบ้านฉัน ซื้อมาตั้งนานแล้ว แต่ราคาจะแพงหน่อย ใช้ ทนทานกว่า

“น่าอิจฉาจริงๆ รถบ้านฉัน ราคาแค่แสนกว่าเอง ฉันไม่มี

หน้าให้สามีขับมารับฉันด้วยซ้ำ” ทุกคนต่างส่งเสียงจ๊อกแจ๊กไม่หยุด จากนั้นต่างก็หัน

สายตาไปมองอารียา

“อารี คุณได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เงินเดือนสูงกว่าพวกเรา ตั้งเยอะ ที่บ้านได้ซื้อรถแล้วใช่ไหม? วันนี้สามีของคุณ ก็ขับ รถมารับคุณด้วยใช่ไหม?” คนคนหนึ่งถามขึ้น

คนคนนี้รู้ว่ารพีพงษ์ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาส่งอารี ยาทุกวัน ถามแบบนี้ ก็คือจงใจทำให้เธออับอาย

เพราะเธอไม่พอใจที่อารียาเป็นเจ้านายของเธอ
อารียารู้สึกอับอายไปหมด แล้วพูดว่า “ไม่…..ไม่มี ฉันขับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามา พวกคุณไปก่อนเลย ฉันจะไปขับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”

ตอนนี้เธอแค่อยากจะแยกจากคนเหล่านี้โดยเร็วที่สุด หลุดออกจากความอึดอัดใจนี้

คนพวกนั้นล้วนหัวเราะเยาะในเวลาเดียวกัน มองดูท่าทาง ที่ลำบากใจของอารียา ภูมิใจยิ่งมาก

เธอได้เลื่อนตำแหน่งแล้วจะทำไม ก็ยังได้แต่งงานกับสามี ที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี แค่รถคันหนึ่ง ก็ไม่มีปัญญาซื้อได้

และในตอนที่อารียากำลังจะไปขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถ ที่อยู่ข้างทางก็บีบแตรกะทันหัน ทำให้ทุกคนตกใจกันหมด

ทุกคนหันหน้าไปมอง พบว่าเป็นแลนด์โรเวอร์คันใหม่ เอี่ยม ดวงตาก็เบิกกว้างทันที

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท