พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 100

บทที่ 100

บทที่ 100 เอา

ธายุกรพยักหน้า พลางเอ่ยขึ้นว่า ไม่ผิด ตอนที่ดงเย็น กำลังสร้าง ตำแหน่งจุดศูนย์กลางที่สุด ล้อมรอบไปด้วยบูติก วิลล่าที่หรูหราสิบหลัง พื้นที่สันโดษเป็นส่วนตัว สิ่งอำนวย ความสะดวกชั้นหนึ่ง เป็นวิลล่าที่ดีที่สุดในเมืองริเวอร์”

ไม่เพียงแต่วิลล่าของนี่ราคาเฉพาะตัวบ้านก็ห้าล้าน รพีพงษ์แกอย่าบอกฉันนะว่าวิลล่าที่แกซื้อคือหนึ่งในสิบวิลล่า

ทุกคนได้ยินที่ธายุกรพูด ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สิบห้า ล้าน นั่นเท่ากับผลกำไรสองสามปีของตระกูลฉัตรมงคลเลย

ทุกคนหันศีรษะไปมอง อยากรู้อย่างทันทีว่าวิลล่าที่รพีพงษ์ ซื้อ ไม่ใช่หนึ่งใน

“รพีพงษ์ที่แกซื้อคงไม่ใช่วิลล่าราคาสิบห้าล้านนั่นหรอกใช่ ไหม แกอย่าสร้างความสับสนให้พวกเราเลย วิลล่าที่แพง ขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าพูดว่าจะซื้อแล้วก็จะซื้อได้นะ” ศศินัดดา

แม้ว่าเธอจะหวังว่าตัวเองจะได้เข้าพักในวิลล่าที่ดีที่สุดใน เมืองริเวอร์แต่ว่าสิบห้าล้านสำหรับตระกูลฉัตรมงคลแล้ว ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ รพีพงษ์จะเอาเงินจากไหนมาซื้อ

“ฉันว่าเขากำลังพูดไร้สาระมากกว่า วิลล่าราคาสิบห้าล้าน คนกระจอกงอกง่อยอย่างเขาจะสามารถซื้อได้เหรอ ถ้าเขาจะซื้อได้ล่ะก็ ฉันคนของตระกูลฉัตรมงคลจะไม่ได้อยู่ใน วิลล่าแบบนี้ทุกคนแล้วเหรอ” ชรินทร์ทิพย์โต้กลับอย่างไม่ อยากจะยอมรับ

“พูดได้ถูกต้อง รพีพงษ์ถ้าสามารถซื้อวิลล่าอย่างนี้ได้ งั้น ทำไมพวกเราถึงจะยังอาศัยอยู่ในสถานที่อันแสนห่างจาก ใจกลางเมืองขนาดนั้นได้อีกล่ะ”

“คิดอย่างงี้ก็ใช่ พวกนายอย่าลืมว่าหลายปีมานี้ รพีพงษ์ได้ ทำอะไรบ้าง นอกจากเกาะเมียกินแล้ว อะไรอย่างอื่นก็ไม่เป็น สักอย่าง”

“รพีพงษ์แกเองก็บอกว่านายไม่สามารถซื้อวิลล่าที่แพง

ขนาดนี้ได้ แต่ก็ยังจะพาพวกเรามาที่นี่ให้ได้ กำลังคิดอะไร อยู่กันแน่” รพีพงษ์จ้องมองทุกคนอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เปิดปากพูดว่า * บ

“เดี๋ยวข้างหน้าก็จะถึงแล้ว เข้าไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง ผมไม่มีความ

จำเป็นจะต้องหลอกพวกคุณ”

พูดจบ เขาก็เดินไปทางด้านหน้าต่อไป คนทั้งกลุ่มแม้จะสงสัย แต่ก็ยังตามขึ้นไป

“น่าเบื่อจริงๆ มาเสียเวลาพร้อมอยู่ที่นี่พร้อมกับไอ้คน กระจอกคนหนึ่ง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะนึกไปจริงๆ ว่ารพีพงษ์จะซื้อวิลล่าราคาสิบห้าล้านได้” ชรินทร์ทิพย์กล่าว ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ

“วางใจเถอะ วิลล่าบูติกสุดหรูหรานี่ คิดอยากจะเข้าไป ต้องผ่านอีกประตูหนึ่ง ไม่มีกุญแจของประตูนี้ ก็เข้าไม่ได้ อีก เดี๋ยวก็รู้เองว่าเขาโม้หรือเปล่า”ธายุกรยิ้มเย็นชา
ชรินทร์ทิพย์พยักหน้า ทั้งสองคนจึงตามไปพร้อมกัน

ไม่นาน ทุกคนมาถึงบริเวณหน้าประตูใหญ่ของบูติกวิลล่า อันหรูหราอย่างรวดเร็ว ประตูใหญ่ตรงนี้เป็นรั้วเหล็ก พื้นที่บูติ กวิลล่าทั้งหมดล้วนถูกล้อมด้วยรั้วเหล็ก

อยากเข้าไปด้านในประตูใหญ่ ไม่ใช้บัตรผ่านประตู ก็ต้อง ใช้กุญแจพิเศษ ที่มีแต่เจ้าบ้านของบูติกวิลล่าเท่านั้นถึงจะมี

“เท่าที่ฉันรู้ กลอนของประตูใหญ่นี่ถูกทำขึ้นมาโดยช่าง กุญแจเฉพาะทางโดยเฉพาะ นอกจากกุญแจแล้ว วิธีอื่นๆ ล้วนเปิดไม่ออก อีกทั้งกุญแจยังมีแต่เจ้าบ้านของวิลล่าเท่านั้น ที่จะมีได้ รพีพงษ์ถ้าแกกำลังหลอกพวกเราล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่ ประตูนี้ก็คงเข้าไปไม่ได้แล้ว” อายุกรพูด

ทุกคนหันศีรษะมองไปทาง รพีพงษ์พร้อมทั้งอยากรู้ว่าเขา จะหยิบกุญแจของประตูนี้ออกมาหรือไม่

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วจึงเอื้อมมือไปคลำที่กระเป๋าเสื้อของตนเอง

เวลานั้นเอง จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ เขารีบออกมา แล้วก็วาง กุญแจไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกของวิลล่า

มือของเขาที่แตะอยู่ที่กระเป๋าเสื้อไม่ขยับเขยื้อน แต่สีหน้า กลับปรากฏร่องรอยของความเก้อเขินขึ้นมาแทน

“ประมาทเองจริงๆ ประตูวิลล่าไม่ได้ล็อกไว้ แต่กลับลืมไป ว่าประตูที่นี่จะล็อกเองโดยอัตโนมัติ ” รพีพงษ์ฉีกยิ้มขมขื่น

ทุกคนเห็นว่ารพีพงษ์ไม่มีการขยับเขยื้อน ก็เริ่มสงสัยขึ้นมา ทันที ว่าเขาอาจจะไม่มีกุญแจของที่นี่จริงๆ ก็ได้

เมื่อชรินทร์ทิพย์และธายุกรสองคนได้เห็น ล้วนฉีกยิ้มเย็น ชาขึ้นมา ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะเสแสร้งต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
“รพิพงษ์แกเอากุญแจออกมาเปิดประตูสิ จะยืนนิ่งอยู่ที่นี่ อีกทำไม แกอย่าบอกนะว่าแกลืมเอากุญแจมานะ” ชรินทร์ ทิพย์พูดอย่างมีความสุขกับหายนะของคนอื่น

“ฉันว่าเขาไม่มีกุญแจของที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก เกรง ว่าเขาคงแค่อยากหลอกพวกเราว่าซื้อวิลล่าของที่นี่ไว้หลัง หนึ่ง แต่คงคิดไม่ถึงว่าถ้าจะเข้าไปข้างในได้ ยังต้องผ่านอีก หนึ่งประตู” ธายุกรพูดเสียงดัง

ใบหน้าของศศินัดดาหม่นหมองลงทันที พร้อมทั้งจ้องรพี พงษ์พลางถาม “ตกลงว่าแกมีหรือไม่มีกุญแจของที่นี่กันแน่ มี ก็รีบหยิบออกมาให้ฉันเร็วเข้า!”

“ผมวางกุญแจไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกล่ะ”รพีพงษ์ตอบ ตามตรง

ธายุกรและชรินทร์ทิพย์หัวเราะขึ้นมา

“ฉันว่าแล้วว่าแกจะต้องใช้ข้ออ้างนี้ ตอนนี้กุญแจถูกล็อกไว้ อยู่ในบ้าน ที่แกเข้ามาได้ และก็หยิบกุญแจไม่ได้ จากนั้นก็จะ บอกให้พวกเรากลับไปก่อนใช่ไหมล่ะ ไว้ค่อยกลับมาดูใหม่งั้น สิ”ชรินทร์ทิพย์พูดออกมา

“รพีพงษ์นายเล่นแบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้เลยนะ คิดจะปั่นหัว พวกเราเล่นจริงๆ ” ธายุกรพูด

สีหน้าของบรรดาญาติๆ เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที รู้สึกว่าถูก รพีพงษ์หลอกแล้ว

“ฉันก็ว่าขยะอย่างรพีพงษ์จะไปซื้อวิลล่าที่แพงขนาดนี้ได้ ยังไง ที่แท้ก็แค่คนโกหกนี่เอง”

“รพีพงษ์ในสมองแกมีอะไรเจาะเข้าไปหรือยังไง ซื้อไม่ได้ก็คือซื้อไม่ได้สิ แกยังมาหลอกพวกเราให้มาที่นี่อีกทำไม จะเอา ความโง่ของแกประจานออกมาเหรอ”

“ใช้ความโง่มาบรรยายเขา ก็ถือว่ายกย่องเขาแล้วแหละ”

สีหน้าของศศินัดดาและศักดาทั้งสองคนยิ่งดูไม่ได้ยิ่งกว่า บรรดาญาติๆ พวกนั้นเสียอีก เมื่อครู่เพิ่งได้รับการประจบ สอพลอจากทุกคน พอเวลาผ่านไปแวบเดียวอาการตกต่ำ ทำให้พวกเขารับไม่ได้จริงๆ

“รพีพงษ์! ไอ้เศษสวะ! แกมันใช้ไม่ได้ หลอกพวกเรามาถึงนี่ เพื่อมาดูเรื่องตลกของแกเหรอ ฉันไม่มีวิธีไหนจะสามารถทน กับแกได้อีกแล้ว วันนี้กลับไปแกไปหย่ากับ แคลร์ซะ ครอบครัวเราทนแกไม่ไหวแล้ว!” ศศินัดดาตะโกนอย่าง ควบคุมอารมณ์ไม่ได้

นอกจากอารียาที่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เธอเชื่อว่ารพีพงษ์ ไม่มีทางโกหก เพียงแต่ถ้าพูดออกไปตอนนี้ คงไม่มีทางทำให้ ทุกคนเชื่ออย่างแน่นอน

รพีพงษ์เห็นกลุ่มคนมีอาการคลุ้มคลั่งขนาดนี้ จึงเปิดปาก พูดว่า “งั้นถ้าผมเข้าไปหยิบกุญแจออกมา พวกคุณก็ควรจะ

เชื่อได้แล้วมั้ง”

“ประตูนี้นายยังเปิดไม่ได้ นายจะเข้าไปหยิบกุญแจออก มายังไง นายเห็นพวกเราเป็นเด็กสามขวบหรือไง”ธายุกรพูด ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

รพีพงษ์ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ พรวดเดียวก็ปืนขึ้นไปบน ประตูใหญ่แล้วเดินเข้าไป แล้วก็ลงไปอีกทางของด้านในประตูใหญ่

ประตูใหญ่อย่างนี้สำหรับเขาแล้ว ถือว่าเปล่าประโยชน์ การ ที่จะเข้าไปบอกได้เลยว่าง่ายมากเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ตอนที่เขาออกมานั้น ก็ไม่ได้ล็อกประตูวิลล่าเอาไว้ ดังนั้น ขอเพียงเข้าไปหยิบกุญแจออกมาก็ใช้ได้แล้ว

ทุกคนเห็นว่ารพีพงษ์เข้าไปด้านในจริงๆ ต่างก็ตกใจไป

ตามๆ กัน

ศศินัดดาและศักดา ทั้งสองคนเองก็ตกตะลึง ในสายตา ของพวกเขา ปกติรพีพงษ์จะถนัดทำงานบ้าน เรื่องอื่นๆ ทำไม่ เป็นสักอย่าง ตอนนี้เมื่อเห็นรพีพงษ์เก่งขนาดนี้ จึงรู้สึก ประหลาดใจอยู่บ้าง

“รพีพงษ์แกทำอะไร รีบออกมาเร็ว แกรู้มั้ยว่าแกกำลัง บุกรุกเข้าไปในบ้านคนอื่นนะ นี่ถือเป็นอาชญากรรม แกหา เรื่องใส่ตัว ก็อย่ามาทำให้พวกเราเหนื่อยไปด้วย!”ชรินทร์ ทิพย์รีบออกปากอย่างรีบร้อน

เมื่อได้ยินคำพูดของชรินทร์ทิพย์เหล่าบรรดาญาติพี่น้อง ของตระกูลฉัตรมงคลเองต่างก็เป็นกังวล พวกเขาไม่ได้สนใจ ว่ารพีพงษ์บุกรุกเข้าไปในบ้านของคนอื่น ที่พวกเขาก็คือรพี พงษ์จะลากให้พวกเขาติดร่างแหไปด้วย

“แกมันน่าจะถูกสับให้เละเป็นชิ้นๆ รีบกลิ้งออกมาให้ฉัน เดี๋ยวนี้ พวกเราไม่อยากติดคุกไปพร้อมแกหรอกนะ!”

“แย่แล้ว จบแล้ว ไอ้คนนี้คิดจะฆ่าพวกเรา ถึงตอนนั้นเขา ต้องพูดว่าพวกเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแน่ พวกเราหนีไม่รอด แม้แต่คนเดียวแน่!”
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำพูดของคนเหล่านี้ เดินมุ่งหน้าตรงไป ที่วิลล่าของตนเองทางด้านนั้น

ชรินทร์ทิพย์หันไปมองอารียา พร้อมทั้งพูดว่า”ตอนนี้สามี กระจอกของแกคนนั้นกำลังทำให้พวกเราทุกคนอยู่ใน อันตราย เรื่องนี้แกพูดซิว่าจะทำยังไงดี!”

อารียา ย่นคิ้วมองไปยังชรินทร์ทิพย์ พร้อมทั้งพูดว่า “รพี พงษ์ไม่มีทางทำอย่างนี้แน่ ฉันเชื่อใจเขา”

“เด็กโง่ เขาบุกรุกเข้าไปในบ้านคนอื่นแล้ว อย่างงี้ถูกจับขึ้น

มา ต้องทำให้ครอบครัวพวกเราติดร่างแหไปด้วยแน่ ทำไม เธอยังพูดแทนเขาได้อยู่อีก” ศศินัดดาพูดด้วยอาการหน้าดำ คร่ำเครียด “หรือไม่ตอนนี้พวกเรารีบไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความ

ปลอดภัยกันก่อน ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปจับรพี

พงษ์เอาไว้ แบบนี้ก็จะได้ตัดเราออกจากผู้ต้องสงสัยไง?”

คิมหัตต์เปิดปากพูด

พลันมีสองสามคนพยักหน้า เห็นด้วยกับวิธีนี้

“ไม่ผิด พวกเราไปหาคนมาจับเขา วิธีการอย่างนี้ก็ไม่ใช่ผู้ สมรู้ร่วมคิดกับเขาแล้ว”

“รีบไปตามยามรักษาความปลอดภัยมาเร็ว”

คิมหัตต์พาคนไม่กี่คนไปตามยามรักษาความปลอดภัยมา อารียามีสีหน้ากังวล คิดไม่ถึงว่ากลุ่มคนที่เรียกว่าญาติ เหล่านี้ ในช่วงเวลาสำคัญยังเอาตัวรพีพงษ์มาใช้เป็นเครื่องมือในการขายผ้าเอาหน้ารอดได้อีก

ศศินัดดากัดฟัน พร้อมทั้งเปิดปากพูดว่า”อย่างนี้ก็ดี จะให้

ไอ้หมอนี่ตัดความสัมพันธ์กับบ้านพวกเราพอดี ภายหลังจะได้ ลดปัญหาที่เขาจะนำมาให้พวกเราอีก”

ธายุกรและชรินทร์ทิพย์สองคนต่างก็ยิ้มเย็นชา พวกเขา ต่างก็ขอให้รพีพงษ์ถูกจับสักที

ก่อนหน้านี้เพราะไม่มีโอกาส พวกเขาเองก็ไม่สามารถป้าย ข้อหาอะไรให้รพีพงษ์ได้เลย ตอนนี้รพีพงษ์กลับพาตัวเองไป ยืนจ่อปากกระบอกปืนเอง พวกเขาจะไม่ชื่นชมกับความสนุก นี้ได้ยังไง

“หากเขาถูกจับด้วยข้อหาบุกรุกบ้านคนอื่นขึ้นมาจริงๆ ชีวิตนี้ของเขาก็จบเห่แล้ว” ธายุกรคลี่ยิ้มทันที

“เขาควรจะจบเห่ไปตั้งนานแล้ว ขยะชิ้นหนึ่ง ทุกวันมา โอ้อวดอยู่ต่อหน้าพวกเรา ถูกจับไปก็สมควรแล้ว”ชรินทร์ ทิพย์เปิดปาก

หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ก็เดินออกมาจากด้านใน ในมือ ยังถือกุญแจมาดอกหนึ่ง

เขาเดินมาเปิดประตู จากนั้นก็พูดกับทุกคนว่า “ทีนี้ก็เข้าไป ได้แล้ว”

แต่ไม่มีใครขยับแม้แต่คนเดียว

“รพีพงษ์แกก่ออาชญากรรมเอง ยังคิดจะโกหกพวกเราด้วย ตลกจริงๆ พ่อของฉันไปตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มาแล้ว อีกเดี๋ยวจะให้มาจับแกไปสักที!” ชรินทร์ทิพย์พูด
รพีพงษ์ชะงัก ถามว่า “ผมไปก่ออาชญากรรมอะไรเหรอ”

“แกบุกรุกเข้าบ้านคนอื่น แล้วยังขโมยกุญแจเขามา แค่นี้ก็ เพียงพอที่จะให้แกรับโทษไปหลายปีแล้ว”ชรินทร์ทิพย์พูด ด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

รพีพงษ์หมดคำพูด เขาเข้าไปในบ้านตัวเอง ทำไมถึงกลาย เป็นบุกรุกเข้าไปในบ้านคนอื่นได้ล่ะ

เวลานี้คิมหัตต์พาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคน วิ่งเข้ามา ที่นำหน้ามาคือหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยของอดงเย็นมาด้วย

“นั่นเขาล่ะ เขาบุกรุกเข้าไปในวิลล่าของคนอื่น พวกคุณรีบ จับเขาเร็วเข้า!” คิมหัตต์ชี้ไปที่รพีพงษ์พร้อมทั้งพูดไปด้วย

“เขาไม่เพียงบุกรุกวิลล่าของคนอื่น แถมยังขโมยกุญแจ ประตูใหญ่มาด้วย นี่เขาวางแผนร้ายกับผู้อื่น พวกคุณรีบจับ เขาจากนั้นรีบส่งไปสถานีตำรวจเร็วเข้าเถอะ” ธายุกรพูดเกิน จริง

หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยมองไปทางรพีพงษ์ด้านนั้น เมื่อเห็นรพีพงษ์ดวงตาก็จับจ้องทันที

นี่ก็เป็นวิลล่าของเขาเองนี่นา ทำไมถึงกลายเป็นบุกรุกบ้าน คนอื่นล่ะ

เขารีบร้อนเดินเข้าไป ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะลงมือจับกุม รพีพงษ์บนหน้าล้วนมีความสุขท่ามกลางความทุกข์ใจ

ตอนนี้เองที่หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยโค้งคำนับให้ รพีพงษ์โดยตรง พร้อมทั้งพูดอย่างเคารพว่า “คุณรพีพงษ์คน พวกนี้ได้เข้าใจคุณผิดไปหรือเปล่าครับ ต้องให้ผมช่วยจับพวกเขาให้คุณหรือเปล่าครับ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท