พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 127

บทที่ 127

บทที่ 127 คำเชิญของกุมุท

รพีพงษ์หันกลับไป ดูข้างหลัง พบว่าวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ ด้านหลังของตนเอง และข้างๆกายของเขา เลปกรที่ใส่ เผือก

ใบหน้าโหดร้ายของเลปกรกำลังเพ่งไปยังรพีพงษ์ แล้ว พูดว่า “คุณชาย นี่คือรพีพงษ์ แขนของผมก็โดนมันนี่แหละ ตัดจนหัก ท่านต้องแก้แค้นให้ผมนะครับ! ”

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของเลปกร ก็คาดเดาถึงตัวตนของ

วัยรุ่นคนนี้ได้

“คุณคือกุมุท” รพีพงษ์ถาม

กุมุทหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า ” คิดไม่ถึงว่าคุณรู้จักชื่อ ของผมด้วย

ดูๆแล้วแม่ยายชั้นต่ำคนนั้นของคุณได้บอกคำพูดของผม ที่ฝากไปบอกคุณแล้ว เป็นไง เตรียมพร้อมที่จะก้มหัว สารภาพผิดต่อผมหรือยัง?”

ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เกิดสะดุดขึ้นมา ชื่อของคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว ใครก็คิดไม่ถึงว่าคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์

จะมาปรากฏตัวที่นี่

แล้วฟังคำพูดที่เขาสื่อความหมายออกมานั้น ผู้ยืนหยัด บนความถูกต้องคนนี้เหมือนว่ากำลังจะบาดหมางกัน
“เด็กคนนี้กำลังจะโชคร้ายแล้วล่ะสิ ดันไปยั่วโมโห คุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ จุดจบไม่สวยแน่นอน

“ดูๆแล้วการยืนหยัดบนความถูกต้องก็ต้องดูให้แน่ชัดว่า เผชิญกับคนของใคร ชญตว์นั่นเป็นคนของคุณชายกุมุท

ไม่มีทางให้ปล่อยเด็กคนนี้ง่ายๆแน่”

“พัย พุย ยืนหยัดบนความถูกต้องมันดีเลิศเกินจริง ไม่รู้ว่า จะไปยั่วโมโหเอาคนของใครนะสิ ต่อไปนี้อยู่นิ่งๆคือดีที่สุด

ความจริงอารียารู้สึกว่าได้แก้ไขปัญหารพีพงษ์แล้ว รู้สึก สบายใจขึ้นมาหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าชญตว์นี้เป็นคนของ คุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์

อีกทั้งกุมุทก็ยังออกมาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้อีกด้วย ครั้งนี้ ทำให้อารียาเริ่มกังวลใจแทนรพีพงษ์อีกแล้ว

“คุณคิดว่าตำแหน่งเล็กๆของคุณในตระกูลกุลสวัสดิ์ จะ สามารถขู่ผมได้หรอ?” รพีพงษ์เพ่งต่อกุมุทพลางพูด

คนหมู่มากต่างถกกัน ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์อยู่ต่อหน้า กุมทแล้วจะหยิ่งผยองได้ขนาดนี้ ล้วนแต่รู้สึกว่าตอนนี้รพี พงษ์ค่อนข้างบ้าไปแล้ว

นั่นคือคุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ คุณชายแห่งตระกูล ขุนนางอันดับหนึ่งเมืองริเวอร์ พวกเขาคิดว่าคำพูดประโยค

นี้ของรพีพงษ์ อวดเก่งจนค่อนข้างเกินไปแล้ว
“เด็กคนนี้หัวแข็งจริงๆ คิดว่าวันนี้คุณชายกุมุทไม่ปล่อย เขาแน่นอน”

คนจำนวนไม่น้อยเริ่มคาดเดาออกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ต่อรพีพงษ์ในวันนี้

ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ใบหน้าก็แสดงออกถึงรอยยิ้ม

อย่างดูแคลน แล้วกล่าวว่า “ดูๆแล้วถึงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

เลยจริงๆ

วันนี้ไม่ให้ถึงลิ้มลองฝีมือของกูสักหน่อย เกรงว่ามึงจะ ไม่มีตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่ในสายตาเสียแล้ว

อารียาเห็นกุมุทเริ่มจัดการลงมือกับรพีพงษ์แล้ว ในใจ เต็มไปด้วยความร้อนใจ เธอกลัวว่ารพีพงษ์จะเกิดอันตราย ขึ้น จึงรีบวิ่งออกไปยืนบังอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์

คุณชายกุมุท ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณไม่พอใจ แต่พวก

เราไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าคนใหญ่คนโตอย่างคุณจะใจกว้าง

ให้อภัยพวกเราสักครั้ง อารียากล่าว

รพีพงษ์ไม่คาดคิดว่าอารียาจะวิ่งเข้ามาขอความเห็นใจ แทนเขาอย่างทันที ถึงแม้อารียาจะขอไม่ขอความเห็นใจใน ความคิดเขายังไงก็ได้ แต่ในใจเขามีความรู้สึกอบอุ่นเกิด ขึ้น

กุมุทเห็นอารียาในแวบแรก ถึงกับตะลึง

เขาในฐานะที่เป็นคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์ ปกติเห็น ผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงกับมีดาราระดับล่างบางส่วน อยากเกาะติดตระกูลกุลสวัสดิ์ตระกูลนี้
แต่กุมุทก็ไม่เคยมีความรู้สึกใดๆเกิดขึ้นกับผู้หญิงเหล่านี้ เลย แต่ไหนแต่ไรก็แค่เล่นๆแล้วทิ้งไป

แต่เมื่อเขาได้สัมผัสถึงอุปนิสัยที่พิเศษของอารียาเข้า บางส่วนในใจก็รู้สึกคลายขึ้นมาทันที

นี่สิถึงจะเป็นผู้หญิงที่กุมุทเขาต้องการอยากได้ ผู้หญิง

เหล่านั้นที่วันๆแต่งตัวไม่ทำอะไรเมื่อเทียบกับอารียาแล้ว

แทบจะเทียบกันไม่ได้

นี่เป็นครั้งแรกของกุมุทที่เกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้น ความคิด แรกในใจเขาตอนนี้คือ เขาต้องได้ผู้หญิงคนนี้มาครอบ ครอง

ตอนนี้ชญตว์ได้ยืนขึ้นจากพื้น เดินไปอยู่ข้างๆของกุมุท แล้วกล่าวว่า “คุณชาย ท่านต้องตัดสินแทนพวกเรานะ ต่อยไอ้โง่ที่ไม่รู้จักถูกผิดซักตั้ง ให้เขารู้ถึงความร้ายกาจ

ของตระกูลกุลสวัสดิ์ของเรา!”

กุมุทหันกลับมา แล้วชักตาไปยังชญตว์ทันที ปล่อยหมัด ต่อยไปอย่างเร็ว บนหน้าของชญตว์หนึ่งหมัด ทำเอาเขาลง ไปนอนบนพื้นต่อ

“ใครคือคุณชายของถึง? ถึงยังมีหน้าพูดว่ามึงเป็นคน ของตระกูลกุลสวัสดิ์อีกหรอ? ตระกูลกุลสวัสดิ์ ของกูจะเลี้ยงพวกรังแกคนที่อ่อนแอกว่ากลัวคนที่

แข็งแกร่งกว่าแบบพวกปลวกอย่างพวกมึงได้ยังไงกัน?”

เขาอยากให้อารียาเก็บภาพลักษณ์ดีๆของเขาไว้สักครั้ง จึงต้องตัดความสัมพันธ์กับอันธพาลชญตว์โดยปริยาย
ทุกคนหยุดชะงักชั่วขณะ ไม่คิดมาก่อนว่ากุมุทที่ฆ่วยอ อกหน้ารับแทนชญตว์นั้น จะแตกคอไม่รู้จักกันแล้วเสีย อย่างนั้น

ใบหน้าของชญตว์เต็มไปด้วยความน้อยใจ ปิดหน้าของ ตัวเองพลางมองไปที่กุมุท แล้วกล่าวว่า “คุณชาย…”

“ใครแม่งคือคุณชายของมึง ตีสนิทกับกูให้น้อยๆหน่อย” กุมุทชักตาไปที่ชญตว์หนึ่งครั้ง

ชญตว์ตกใจขึ้นมาทันทีจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออก มา ขยับออกไปอีกฝั่งอย่างสงบ

อารียาก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่าง กะทันหัน แต่เห็นว่ากุมุทไม่คิดจะลงมือ เธอก็รู้สึกสบายใจ ขึ้นมาหน่อย

“คนสวย คุณไม่ต้องกลัวนะ อันธพาลพวกนี้ไม่กล้าทำ

อะไรตามอำเภอใจต่อหน้าผม”กุมุทหัวเราะพลางพูด

เลปกรที่ยืนอยู่ข้างๆกุมุทเสียอารมณ์นิดหน่อย เขารู้ว่า กุมุทชอบอารียาเข้าแล้ว วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้ล้างแค้นแทน เขาเสียแล้ว

“งั้นขอบคุณมากเลย เมื่อกรพีพงษ์ก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้ขุ่น เคืองใจ คุณไม่ติดใจก็ดีแล้ว”อารียากล่าว

“ผมจะติดใจได้อย่างไร เขาก็แค่เศษสวะตัวหนึ่งเท่านั้น ผมไม่เก็บเอามาใส่ใจ ไม่ทราบว่าคนสวยกับเขามีความ สัมพันธ์กันอย่างไร?” กุมุทหัวเราะพลางถาม

“เขาคือสามีของฉัน” อารียาพูดอย่างฉะฉาน
กุมุทหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่านี่คือภรรยาของ รพีพงษ์

แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เมื่อได้ยินว่าเป็นสามีภรรยากัน เหมือนกับมีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้น

ในตอนนั้นกุมุทรู้สึกว่าตนเองเริ่มถูกใจ แต่นี่ก็แค่เขา

อยากเปลี่ยนรสชาติบ้างเท่านั้น ดูแล้วอารียาไม่ได้เป็นคน

ที่จะได้มาง่ายๆ ยิ่งเป็นแบบนี้ เขายิ่งอยากได้

เทียบกับถูกใจ เขาอยากให้อารียามาเป็นหนึ่งในเหยื่อ ของเขามากกว่า ผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง จะหลงใหลในผู้หญิง สักคนได้อย่างไรกัน มากสุดก็แค่อยากลิ้มลองความรู้สึกที่ ได้มาอย่างรวดเร็วก็แค่นั้น

“คนสวย เท่าที่ผมรู้มา รพีพงษ์นี่เป็นเศษสวะที่ขึ้นชื่อของ เมืองริเวอร์ คุณอยู่กับเขา ก็เพียงได้รับแต่ความไม่ยุติธรรม สู้คุณไตร่ตรองเรื่องหย่ากับเขาสักหน่อย แล้วมาอยู่กับ ผม?” กุมุทหัวเราะพลางพูด

สีหน้าคนหมู่มากล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ ไม่ คาดคิดว่ากุมุทจะชอบอารียาเข้าแล้ว

อารียาขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วเล่า ไม่คาดคิดว่ากุมุทจะมา แนวนี้

“ขอโทษนะ ฉันไม่สนใจเรื่องแบบนี้” พูดจบ อารียาก็พารพีพงษ์จากไป รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของกุมุท จึงอยากที่จะจัดการเขาสักครั้ง อารียารับรู้ได้ถึงความโกรธของรพีพงษ์

กลัวว่าเขาจะยั่วโมโหให้เกิดเรื่องขึ้นมาอีก จึงใช้กำลัง ลากรพีพงษ์ ให้เขาเดินไปพร้อมกับตนเอง

“ถ้าคุณยังไม่ไปกับฉันอีก ฉันจะโกรธคุณแล้วนะ”

รพีพงษ์เสียอารมณ์ ทำได้เพียงเดินตามอารียาออกไป อีกทางเท่านั้น

แต่กุมุทนี่ชั่งกล้าที่จะเรียกร้องความสนใจจากอารียา งั้น รพีพงษ์ก็ไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปแน่นอน จัดการเขาก็ เป็นแค่ปัญหาเรื่องเวลาจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น

“คุณลองไตร่ตรองดูอีกครั้งนะ ผมจะไม่มีทางยอมแพ้

ง่ายๆ” กุมุทหัวเราะพลางตะโกนออกไป สิ่งไหนที่ยิ่งเอื้อมไม่ถึง เขาก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งกว่านั้นศัตรู

ของเขาก็แค่สวะตัวหนึ่ง

เขาคิดว่าตนเองแกร่งกว่ารพีพงษ์เป็นร้อยเท่า ดังนั้นจึง ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ได้อารียามาครอบครอง “พรุ่งนี้จัดปาร์ตี้ให้กูสักงาน ทำการ์ดเชิญให้คนสวยคนนี้

ด้วยสักใบ กูจะทำให้เธอรู้ถึงความแกร่งของกูกุมุท” กุมุท

พูดกับเลปกร

“คุณชาย ผู้หญิงคนนั้นดูๆแล้วไม่ได้เป็นพวกผู้หญิงที่ อะไรก็ได้ประเภทนั้นนะ เชิญเธอ เธอก็ไม่น่าจะมานะ” เลปกรกล่าว

กุมทหันหัวกลับไปมองเลปกร แล้วกล่าวว่า “มึงแม่งบ้าเปล่าวะ เธอไม่อยากมา ครอบครัวของเธออยากให้เธอมา แน่นอน

ถึงเอาการ์ดเชิญให้กับยัยบ้าคนนั้นก็จบแล้ว กูไม่เชื่อว่า พวกเขาจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการ์ดเชิญของกูกุมุท”

เลปกรรีบพยักหน้าทันที แล้วพูดว่า “รับทราบ!”

“โอเคล่ะ ถึงกลับไปก่อน พ่อกูบอกว่าวันนี้จะพากไปเจอ คนใหญ่คนโต ได้ยินว่ามาจากเกียวโต กูต้องทำตัวให้ดูดี หน่อย

ไม่แน่ถ้ารู้จักผู้ใหญ่ท่านนี้ ตำแหน่งของเมืองริเวอร์ของ ตระกูลกุลสวัสดิ์ของกู จะสามารถขยับขึ้นได้อีกระดับ” กุมุทกล่าว

ไม่นานกุมทก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูของโรงแรมซินหล่อ เฮ้าส์

หลังจากเดินเข้าไปข้างในแล้ว กุนลโรจน์ออกมารับเขา กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมว่า “เดี่ยวอีก สักแป๊บที่แกต้องเจอ

เป็นคนใหญ่คนโตของตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต ตื่นตัว ให้ฉันหน่อย หากแกพูดผิด ตระกูลกุลสวัสดิ์ของพวกเราก็ จะพังยับเยินไปพร้อมๆกัน รู้แล้วใช่มั้ย?”

พยักหน้า พูดว่า “วางใจเถอะพ่อ ผมรู้อันไหนควรไม่ควร ทั้งสองคนเดินหน้าเข้าไปพร้อมกัน จนถึงด้านหน้าของ

โยษิตา
“คุณโยษิตา นี่คือลูกชายของผม กุมท เขาได้พบคุณสัก ครั้ง ถือเป็นเกียรติต่อตระกูลกุลสวัสดิ์ของผมจริงๆ” กุนล โรจน์หัวเราะพลางพูด

โยษิตาเงยหน้าขึ้นมาดูกุมุทพูดอย่างเรียบๆทันทีว่า “ดูๆ แล้วไม่เลวนะ แต่เทียบกับหลายชายของฉันแล้ว ยังห่าง ไกลกันมาก”

“คุณโยษิตาพูดถูกครับ ลูกชายของผมไม่สามารถเทียบ กับหลานชายของท่านได้อยู่แล้วครับ ท่านนั้นถือเป็นคนที่ อัจริยะจริงๆ” กุนลโรจน์

รีบประจบสอพลอแล้วกล่าว

กุมุทไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงใคร แต่ในใจคิดอยู่แล้ว ว่าหากเป็นหลานชายของผู้ใหญ่คนนี้ งั้นต้องเยี่ยมยอด เป็นแน่

หลังจากที่อารียาพารพีพงษ์เดินออกจากถนนเส้นนั้น แล้ว จึงจะรู้สึกโล่งอกสักนิด

เธอหันหน้าไปหารพีพงษ์ แล้วกล่าวว่า “จากนี้ไปอย่า วู่วามแบบนี้อีกได้มั้ย?”

รพีพงษ์หัวเราะพลางกล่าว “ไม่เป็นไรจริงๆ พวกเขาทำ อะไรผมไม่ได้หรอก”

อารียากัดริมปาก ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรรพีพงษ์ได้ หรือไม่ ตนเองก็ยังเป็นห่วงอยู่นั่นแหละ ไอ้บ้านี่ดูไม่ออก จริงๆหรอเนี่ย?
เธอยิ่งคิดยิ่งโมโห ไม่สนใจรพีพงษ์แล้วแต่อย่างใด

รพีพงษ์เผชิญหน้ากับปัญหานี้เข้าก็ไม่ใส่ใจอะไรมาก เห็นอารียาไม่สนใจเขา เขาจึงคิดว่าอารียาคงไม่อยากที่จะ สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว

เพราะตอนนั้นอารียาก็พูดออกมาแล้วว่าถ้าไม่มีเขา ก็ยัง

สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ แล้วกล่าวว่า “พวก เราไปทานข้าวด้วยกันเถอะ”

อารียาคิดว่ารพีพงษ์จะเข้าใจความหมายของเขาแล้ว เลยไม่โกรธอีกต่อไป มองดูเขาพร้อมพยักหน้า

ทั้งสองคนไปหาร้านอาหารแห่งหนึ่งพร้อมกัน ตอนรับ ประทานอาหารทั้งสองคนต่างคนก็ต่างเงียบ ต่างคนก็ต่าง คิดเรื่องภายในใจของตนเอง

หลังกินข้าวเสร็จแล้วกลับบ้าน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีคราม ดงเย็นเปลี่ยนเป็นสีสันต์สว่างไสวจากโคมไฟ ในราตรีแห่ง เมืองริเวอร์ กลายเป็นวิวที่สวยงาม

รพีพงษ์และอารียาเดินเข้าไปในวิลล่า ศศินัดดาเห็นอารี ยากลับมา รีบต้อนรับอย่างมีความสุขและดีใจ

“ลูก เธอกลับมาสักที ทานข้าวหรือยัง?” ศศินัดดาถาม อย่างเป็นห่วงเป็นใย

อารียาไม่รู้เลยว่าทำไมศศินัดดาถึงได้กระตือรือร้น ขนาดนี้ ก็พยักหน้าไป แล้วกล่าวว่า “แม่เป็นอะไรหรือ

เปล่า?”
วันนี้ถ้าพูดตามเหตุผลศศินัดดาโดนตบไปสองครั้ง ไม่ ควรจะมีความสุขขนาดนี้จึงจะถูก แม้แต่ศักดาที่นั่งอยู่บน โซฟาก็เหมือนจะค่อนข้างมีความสุข

ศศินัดดายื่นแขนส่งการ์ดเชิญที่ทำอย่างสวยงามให้กับ อารียา อารียารับมาและดู เห็นว่าเขียนเชิญเธอเข้าร่วมงาน เลี้ยงงานหนึ่ง

“นี่ใครเป็นคนให้มา” ปกติฉันจะไม่เข้าร่วมงานแบบนี้” อารียากล่าว

“นี่เป็นคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ให้นะสิ ลูกสาวที่ตั้งต้อง ของฉัน โชคของเธอนี่มันดีจริงๆ ถึงแม้วันนี้จะโดนคุณชาย กุมุทตบไปหนึ่งครั้ง แต่ตอนที่เขาจัดคนมาส่งการ์ดเชิญนั้น ได้มอบของขวัญไม่น้อยเป็นสิ่งปลอบใจให้กับฉัน ถ้าเธอ สามารถเกาะตระกูลกุลสวัสดิ์ได้นะ

จากนี้ไปพวกเราก็จะกินอิ่มนอนหลับสบายไม่ต้องเครียด อะไรแล้ว” ศศินัดดาหัวเราะพลางพูด

สีหน้าของอารียาเริ่มถอดสี ไม่คาดคิดว่าจะเป็นการ์ด เชิญที่กุมุทส่งมาให้

“แม่เอาการ์ดเชิญนี้ทิ้งไปเถอะ ฉันจะไม่มีทางไป” อารียา ส่งการ์ดเชิญกลับไป

ศศินัดดาเริ่มร้อนใจ แล้วกล่าวว่า “แกบ้าหรือเปล่า งาน เลี้ยงของคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ แกไปแล้วไม่เพียงรู้จัก คุณชายกุมุท

ยังได้รู้จักเพื่อนๆของเขาด้วย เพื่อนของเขาเหล่านั้นล้วนต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างแน่นอน ทำไมแกไม่ไป!”

“ไม่อยากไป ฉันจะกลับห้องไปนอนแล้ว” อารียากล่าว

ศศินัดดารีบดึงอารียาไว้ทันที แล้วใช้น้ำเสียงที่ คร่ำครวญเหมือนจะเป็นจะตายให้ได้ตะโกนออกมา “อารี ยา ถ้าแกไม่ไป

ฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์กับแก ฉันกับพ่อแกกำลังชี้ ทางให้แกมีอนาคตที่ดีอยู่นะ ทำไมแกช่างเหมือนกับรพี พงศ์ไอ้สวะนั่น

มีโอกาสที่ดีขนาดนี้ยังไม่คว้าไว้อีก!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท