พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 141

บทที่ 141

บทที่ 141 รูปภาพนี้มันไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น

จารุกิตติ์ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะยโสขนาดนี้ เขา พูดด้วยสีหน้านิ่งว่า “เหอะ เหอะ รอให้คุณชนะผมก่อน เถอะ แล้วค่อยมาพูดคำนี้”

จารุพิชญ์ รู้สึกว่ารพีพงษ์ยโสมากไปหน่อยเช่นกัน เขาคิดในใจว่าวันนี้ต้องสั่งสอนให้ไอ้หนุ่มคนนี้รู้จักฟ้า สูงแผ่นดินต่ำเสียหน่อยแล้ว

หลังจากที่คนในลานได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ต่าง ก็พากันมองเขาด้วยสายตาเสียดสีเยาะเย้ย

จารุพิชญ์ เป็นปรมาจารย์ด้านการประเมินค่าวัตถุ โบราณ จะแพ้เด็กที่ไม่รู้ประสีประสาได้อย่างไรกัน

ถึงผู้นำของตระกูลกุลสวัสดิ์จะให้ความสำคัญกับ เด็กไม่รู้ประสีประสานี่ แต่งานด้านนี้ไม่ใช่แค่พูดแล้ว จะทำได้

งานด้านนี้ต้องอาศัยระยะเวลาในการสั่งสมความรู้

และประสบการณ์ เมื่อความรู้ไม่มากพอ ระดับการ สร้างสรรค์ผลงานก็ไม่อยู่ในระดับสูงเช่นกัน แน่นอน ว่าตอนนี้รพีพงษ์แค่พูดโอ้อวดอย่างไม่ต้องสงสัย, “ไอ้หมอนี่จะยโสเกินไปหน่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะ บอกว่า ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ เทียบตัวเองไม่ได้ นี่เป็น

ครั้งแรกที่ฉันเห็นคนพูดอวดเก่งขนาดนี้”

“เหอะ เหอะ โดยทั่วไปแล้วคนที่พูดแบบนี้ เป็นคนกระจอกทั้งนั้นแหละ ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ สิถึงเป็น คนที่มีความสามารถจริงๆ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ”

“อยากเห็นสภาพตอนที่เขาแพ้จริงๆ ว่าจะเป็นยัง ไงไม่แน่ว่าผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์อาจจะไม่ให้ความ สำคัญกับเขาอีกแล้ว”

รพีพงษ์จ้อง จารุกิตติ์ จากนั้นหัวเราะแล้วพูดออก มา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจะแข่งกับปรมาจารย์ของคุณ สักรอบ แต่ว่าแค่การแข่งขันเปล่าๆ มันอาจจะน่าเบื่อ ไปหน่อย สู้เรามาเพิ่มการเดิมพันไปหน่อยไม่ดีกว่า

หรือ”

แววตาของ จารุกิตติ์ เป็นประกาย ในความคิดของ เขา การแข่งครั้งนี้อาจารย์ของเขาต้องชนะอย่าง แน่นอน การที่รพีพงษ์จะเพิ่มการเดิมพัน มันเป็นการ ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ

“ไม่มีปัญหา ในเมื่อนายอยากเดิมพันงั้นฉันก็จัดให้ ถ้านายแพ้ นายต้องเห่าเป็นหมาต่อหน้าของทุกคน ว่า อย่างไร?” จารุกิตติ์ แสยะยิ้ม

รพีพงษ์หยักหน้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย จากนั้น จึงพูดว่า “ได้ แต่ว่าถ้าอาจารย์ของคุณแพ้ ผมไม่ขอให้ อาจารย์ของคุณเห่าเป็นหมา แต่คุณทำแทนเขาก็ พอแล้ว”

สีหน้าของ จารุกิตติ์ แลดูไม่พอใจ “อย่าฝันไปหน่อยเลย อาจารย์ของฉันไม่แพ้นายหรอก”

รพีพงษ์เหลือบมองอารียาแล้วให้เธอรออยู่ตรงนี้ เขาจะเข้าไปแข่งแล้วรีบกลับมา อารียาพยักหน้า ตอน นั้นในห้องรับแขก รพีพงษ์ ได้แสดงความสามารถด้าน การประเมินค่าวัตถุโบราณ ให้เธอเห็นแล้ว มันทำให้ เธอเชื่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

รพีพงษ์เดินไปหา จารุพิชญ์ ยิ้มแล้วมองเขา จาก นั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “จะแข่งกันยังไง?”

ที่นี่มีวัตถุโบราณจำนวนไม่น้อย ให้ทุกคนถือ คนละชิ้น ให้ทุกคนเป็นคนตัดสิน ใครได้รับการ สนับสนุนมากที่สุดคนนั้นเป็นผู้ชนะ เป็นอย่างไร?

รพีพงษ์พยักหน้า “ได้”

จารุกิตติ์ แสยะยิ้ม เขาคิดในใจว่าอาจารย์ของเขา ดำรงตำแหน่งนักประเมินค่าวัตถุโบราณในเมืองริเวอร์ มาเป็นเวลานาน แค่ทุกคนได้ยินชื่อของอาจารย์ต่างก็ พากันเยินยอแล้ว ครั้งนี้รพีพงษ์ต้องแพ้อย่างแน่นอน

รพีพงษ์และจารุพิชญ์ แยกออกไปหยิบวัตถุ โบราณจากกล่องของชายวัยกลางคน จารุพิชญ์ ทำการตรวจสอบรอบเดียวก็ประเมินออกมาได้ เขา ประเมินออกมาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นปี สร้างมา จากอะไร รวมไปถึงการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมถึงสมัย โบราณ

หลังจากที่ทุกคนได้ยินสิ่งที่ จารุพิชญ์ วิเคราะห์ต่างก็แสดงสีหน้าแห่งความชื่นชมและนับถือ โดย เฉพาะชายวัยกลางคนคนนั้น

“การประเมินของท่านอาจารย์จารุพิชญ์ ช่างสูงส่ง จริงๆ แม้ว่าผมจะสะสมวัตถุโบราณ แต่การที่รู้เรื่อง วัตถุโบราณได้ถ่องแท้อย่าง ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ มัน ช่างเป็นเรื่องยาก” ชายวัยกลางคนพูดอย่างตื้นตัน

จารุพิชญ์ ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองรพี พงษ์

รพีพงษ์ยกวัตถุโบราณในมือขึ้น จากนั้นจึงเริ่มพูด เป็นน้ำไหลไฟดับ

ตอนแรกทุกคนต่างพากันคิดว่ารพีพงษ์ข้างนอกดู ดีแต่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แค่พูดโอ้อวดไปเท่านั้น แต่ดูจากการประเมินของเขาทำให้คนที่อยู่ตรงนั้น เงียบลง

จารุพิชญ์ มองรพีพงษ์อย่างตกใจ เขาคิดไม่ถึง จริงๆ ว่าการประเมินของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ด้อยไป กว่าเขาเลยแม้แต่น้อย

แถมยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าเขาด้วยซ้ำ

นี่เป็นเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่าจริงๆ เหรอ? เขาใช้ช่วง เวลาวัยรุ่นสั่งสมความรู้มากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

แต่ก่อน จารุพิชญ์ คิดว่าอายุเป็นตัวบ่งบอก ประสบการณ์ด้านการประเมินค่าวัตถุโบราณ ยิ่งอายุ มากเท่าไรก็ยิ่งมีความรู้มากเท่านั้นแต่เขากลับหลงลืมไปว่าบนโลกใบนี้มีคนอยู่ ประเภทหนึ่งที่ไม่ต้องใช้เวลามากก็สามารถเรียนรู้ ทักษะได้อย่างถ่องแท้ คนประเภทนี้ถูกขนานนามว่า คนที่มีพรสวรรค์

ไม่นาน การประเมินของรพีพงษ์ก็จบลง ทุกคน ต่างพากันเงียบ

เห็นได้ชัดว่าการประเมินของรพีพงษ์ดีกว่า จารุ พิชญ์ เล็กน้อย แต่ว่าด้วยชื่อเสียงของ จารุพิชญ์ ทำให้ ทุกคนต่างพากันเอนเอียงไปทางเขา แต่ระดับการ ประเมินของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างกัน

ชายวัยกลางคนมองคนทั้งคู่แล้วพูดออกมาว่า “การประเมินของชายหนุ่มคนนี้ทำให้ผู้คนต่างพากัน ตกตะลึง ถ้าจะให้พวกเรามาตัดสินว่าใครดีใครด้อย มันค่อนข้างจะลำบากไปหน่อย สู้ให้พวกคุณทั้งสอง ประเมินวัตถุโบราณชิ้นเดียวกันจะได้รู้ไปเลยว่าใครดี ใครด้อย”

ทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดว่าให้ รพีพงษ์กับจารุพิชญ์ประเมินวัตถุโบราณชิ้นเดียวกัน จากนั้นค่อยมาตัดสินว่าจะสนับสนุนใคร

จารุพิชญ์ไม่ได้ว่าอะไร รพีพงษ์ก็เช่นกัน

จารุกิตติ์ ก่นด่าในใจ ความริษยาก่อตัวขึ้นในใจ ของเขา

ชายวัยกลางคนนำภาพที่อยู่ในกล่องออกมา จากนั้นจึงช่วยกันกับเพื่อนร่วมงานเปิดรูปภาพนั้นออกมา เขายิ้มแล้วพูดว่า “ทั้งสองท่านลองมาประเมินภาพนี้ ดูเถอะครับ”

จารุพิชญ์และรพีพงษ์ยืนอยู่หน้ารูปภาพแล้วจ้อง มองมัน

คนที่อยู่ภายในลานต่างสงสัยว่าภาพนั้นคือภาพ อะไร จึงพากันเดินเข้ามาดู

ผ่านไปไม่นาน จารุพิชญ์ จึงหัวเราะออกมาแล้วพูด ว่า “เปลี่ยนเป็นอันอื่นเถอะ ภาพนี้เป็นภาพที่เลียนแบบ ขึ้นมา ถึงแม้มันจะมีอายุมากพอสมควร แต่ก็แค่ภาพ เลียนแบบเมื่อยี่สิบถึงสามสิบปีก่อน ไม่มีค่าพอที่จะ ประเมิน”

ทุกคนพากันแตกตื่น ภาพนี้ดูไปแล้วเหมือนผลงาน ระดับสูง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภาพเลียนแบบ พวกเขานึก ว่าเป็นภาพของอาจารย์ท่านใดท่านหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า จารุพิชญ์ ดูเพียงไม่นานก็สามารถมองออกว่าเป็นภาพ ที่มาจากไหน

ขณะที่ทุกคนต่างพากันชื่นชม จารุพิชญ์

ชายวัยกลางคนคนนั้นหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ สายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก ภาพ นี้ผมซื้อมาจากพ่อค้าหาบเร่คนหนึ่ง ผมเห็นว่ามันเลียน แบบได้ละเอียดมาก ดังนั้นจึงตัดสินใจเก็บมันไว้ คิดไม่ ถึงว่า ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ ดูเพียงแวบเดียวก็รู้แล้ว”
“แต่นี่คงไม่ส่งผลกระทบกับการประเมินทั้งสอง ท่านของทุกคนนะครับ ผมจะเปลี่ยนเป็นภาพอื่น”

เจตนาของชายวัยกลางคนชัดเจนมากว่าจงใจ แสดงให้เห็นความเก่งของ จารุพิชญ์ เมื่อถึงตอนนั้นทุก คนจะได้สนับสนุน จารุพิชญ์

ผู้ๆ ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่ต่างกับทุกคน เขามองรพี พงษ์ในทางที่ไม่ดี ถึงเขาจะมีความสามารถแต่ไม่ควร จะยโสขนาดนี้

ขณะที่ชายวัยกลางคนกำลังจะเก็บภาพนั้นกลับ ไป จู่รพีพงษ์ก็พูดออกมา “ภาพนี้มันไม่ใช่ภาพ ธรรมดาอย่างที่ทุกคนคิด อย่าเพิ่งรีบเก็บมันครับ”

“รพีพงษ์ นายหมายความว่าอะไร ภาพนี้มันก็แค่ ภาพเลียนแบบ เขาก็บอกแล้วว่าซื้อมาจากพ่อค้าหาบเร่ นายคิดจะทำอะไร คงไม่ได้คิดที่จะใช้โอกาสนี้เล่น ตุกติกหรอกนะ?” จารุกิตติ์ รีบพูดออกมาด้วยความไม่ สบอารมณ์

รพีพงษ์หัวเราะ จากนั้นจึงหยิบรูปภาพนั้นมาแล้วพู ดกับรูปภ. ของตระกูลกุลสวัสดิ์ “ไปเอาโต๊ะมาที่นี่หนึ่ง ตัว เอาน้ำมาหนึ่งกะละมังแล้วก็มีดด้วย”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท