พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 142

บทที่ 142

บทที่ 142 ภาพในภาพ

กุนลโรจน์ไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะเอาของพวกนั้นไปทำ อะไร แต่เขาก็ไม่กล้าชักช้า จึงรีบส่งสายตาไปหาร ปภ.คนนั้นทันที

รปภ.พยักหน้า รีบไปเตรียมของที่รพีพงษ์ต้องการ ทุกคนต่างพากันมองรพีพงษ์ด้วยความสงสัย ไม่รู้ ว่าเขาจะทำอะไร

เมื่อ จารุพิชญ์ ได้ยินของที่รพีพงษ์ต้องการ ก็รีบ ขมวดคิ้วขึ้นทันที เหมือนเขาจะรู้ว่ารพีพงษ์จะทำอะไร แต่ก็ยังคงไม่แน่ใจ

“คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าเป็นอย่าง นั้นจริงๆ งั้นสายตาของรพีพงษ์คงจะไม่มีใครเทียบได้

แล้วล่ะ” จารุพิชญ์พูดพึมพำกับตัวเอง จารุกิตติ คิดว่ารพีพงษ์จะเล่นตุกติก จึงพูดด้วย ความไม่พอใจว่า “รพีพงษ์ นี่มันก็แค่ภาพเลียนแบบ เท่านั้น ไม่ว่านายจะทำอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หรอก ฉันว่านายอิจฉาอาจารย์ของฉันที่มองแวบเดียว

ก็รู้ว่าภาพนี้เป็นภาพอะไร กลัวหัวหดแล้วล่ะสิ” เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่จารุกิตติ์ พูด ต่างก็พากัน พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด

ถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนจะพูดไปแล้วว่าภาพนี้มัน นับคะแนน แต่ทว่าการที่เมื่อสักครู่ จารุพิชญ์ ดูภาพนี้แล้วรู้ว่าเป็นภาพอะไร มันทำให้ทุกคนคิดว่าฝีมือของ จารุพิชญ์ สูงกว่ารพีพงษ์ไปเสียแล้ว

ตอนนี้รพีพงษ์กำลังจะหาประโยชน์จากภาพนี้ แต่ มันก็แค่ความหวังตอนกำลังใกล้จะตายเท่านั้น

“ฉันคิดว่าดูจากภาพนี้ก็รู้แล้วนะว่าฝีมือของใครสูง กว่ากัน ไม่มีความจำเป็นต้องแข่งกันอีกต่อไปแล้ว”

“ใช่ ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ สายตาเฉียบแหลม มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นภาพจริงหรือปลอม แต่รพี พงษ์กลับพูดว่าภาพนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด น่าขำสิ้น ดี ฉันว่าคงไม่ต้องดูของชิ้นต่อไปแล้วล่ะ”

“เมื่อครู่แม้ว่าการประเมินของรพีพงษ์กับท่าน อาจารย์จารุพิชญ์จะไม่ต่างกันเท่าไร แต่ภาพนี้มัน เป็นการทดสอบสายตาของทั้งสองคนอย่างแท้จริง จะ ไม่นับคะแนนได้อย่างไร ฉันว่าการแข่งครั้งนี้รู้ว่าใคร แพ้ใครชนะแล้วล่ะ”

ทุกคนต่างพากันถูกเถียงกัน พวกเขาตกลงกันไป อยู่ข้าง จารุพิชญ์ และต้องการให้การแข่งนี้จบลง พวก เขาคิดว่าการแข่งครั้งนี้ได้ผลแพ้ชนะแล้ว

จารุพิชญ์ มองไปยังรพีพงษ์อย่างได้ใจ จากนั้นจึง พูดว่า “รพีพงษ์ ความสามารถของคุณโดดเด่น แต่ดูท่า แล้วฉันจะมีความสามารถมากกว่าคุณเล็กน้อย นาย อยากแข่งต่อไหม?”
“สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากความประณีตของภาพนี้

คุณยังมองไม่ออก คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาบอกว่าความ สามารถของตัวเองสูงกว่าผม ไม่อายเหรอ?” รพีพงษ์ พูดแล้วหัวเราะออกมา

จารุพิชญ์สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาทันที เขาพูดด้วยน้ำ เสียงเย็นชา “ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ!”

จารุกิตติ์ จ้องไปทางรพีพงษ์แล้วพูดอย่างไม่สบ อารมณ์ “ก็แค่ภาพเลียนแบบเท่านั้น จะมีความประณีต อะไร นายไม่ต้องมาเถียงข้างๆ คูๆ ถ้านายยังทำต่อไป ก็เสียเวลาทุกคนแบบเปล่าๆ เท่านั้น”

ชายวัยกลางคนคนนั้นมองไปยังรพีพงษ์อย่างไม่ พอใจเช่นกัน ภาพนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นของเขา เมื่อ ก็ที่รพีพงษ์เอาภาพไป มันทำให้เขาไม่พอใจมาก

“เจ้าหนุ่ม เอาภาพคืนให้ผมเถอะ นี่มันแค่ภาพ เลียนแบบจริงๆ คุณมองไม่ออกไม่เป็นไรหรอก อีก อย่างอายุของคุณกับ ท่านอาจารย์จารุพิชญ์ ก็ต่างกัน พอควร สายตาเทียบเขาไม่ได้มันเป็นเรื่องปกติอยู่ แล้ว” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

“ใช่ นายอย่ามาสร้างเรื่องเพราะสู้ ท่านอาจารย์ จารุพิชญ์ ไม่ได้เถอะ หรือว่านายอยากเก่งกว่า ท่าน อาจารย์จารุพิชญ์ แม้อายุเพียงเท่านี้งั้นเหรอ” คน จำนวนไม่น้อยต่างพากันตะโกนออกมา

ขณะนี้คนในลานต่างพากันตัดสินด้วยตัวเอง ไม่มี ใครอยู่ข้างรพีพงษ์แม้แต่คนเดียว
จารุกิตติ์ หัวเราะแล้วเหลือบมองไปยังรพีพงษ์ เขา คิดในใจว่าไอ้หมอนี่มีความสามารถไม่ถึง เมื่อกี้ตอนที่ เขาเห็นว่าภาพนี้เป็นภาพเลียนแบบ รพีพงษ์คงจะดูไม่ ออก

ความสามารถในการประเมินวัตถุโบราณที่เขา แสดงมันออกมาก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงแค่เรื่อง บังเอิญเท่านั้น ไม่แน่รพีพงษ์อาจจะเคยเห็นของชิ้นนั้น มาก่อนจึงสามารถพูดมันออกมาได้อย่างละเอียด

“รพีพงษ์ อย่าพูดเพ้อเจ้ออีกเลย ฉันว่าผลการแข่ง ครั้งนี้มันออกมาแล้วล่ะ นายกับอาจารย์ของฉันยังต่าง ชั้นกันเยอะ ยอมรับซะเถอะว่าตัวเองแพ้แล้ว!”

คิดถึงสภาพตอนที่รพีพงษ์แพ้แล้วต้องเห่าเป็นหมา ต่อหน้าทุกคน จารุกิตติ์ ก็รู้สึกสะใจขึ้นมาทันที

เมื่อเห็นว่าทุกคนไปอยู่ข้างจารุพิชญ์ รพีพงษ์กลับ ไม่ได้ประหม่าแม้แต่น้อย แถมยังยิ้มแล้วมองไปยังชาย วัยกลางคนแล้วเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ในเมื่อคุณคิดว่าภาพ นี้เป็นเพียงภาพเลียนแบบ งั้นคุณก็ขายให้ผมเถอะ ถ้า ผมจะทำอะไรกับภาพนี้มันจะได้ไม่มีปัญหาอะไรใช่ ไหม?”

ชายวัยกลางคนอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะ ซื้อภาพของเขา

แต่ทว่าไม่นานรอยยิ้มเย้ยหยันก็แสดงออกมาบน ใบหน้าของเขา “ได้สิ ในเมื่อคุณอยากซื้อผมก็ขายให้ ภาพนี้ผมซื้อมาสองพัน แต่คุณคิดว่าภาพนี้มันไม่ธรรมดา งั้นผมขายให้คุณสองแสน คุณยังต้องการมัน อีกไหม?”

ทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมา ภาพราคาแค่สอง พัน แต่ขายออกไปในราคาสองแสน คนโง่เท่านั้น แหละที่จะซื้อ

“ได้ เอาเลขบัญชีของคุณมา ผมจะให้คนโอนเงิน ให้” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ทุกคนอึ้งกันไปหมด แค่ฟังก็รู้ว่าชายวัยกลางคน

กำลังพูดประชดรพีพงษ์ เรื่องที่จะขายภาพให้ในราคา

สองแสน แค่อยากทำให้เขาลำบากใจเท่านั้น

แต่ทว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะซื้อภาพนั้น

จริงๆ

ชายวัยกลางคนมองรพีพงษ์อย่างไม่แน่ใจ เขาเอ่ย ถามขึ้นว่า “คะ คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะซื้อภาพนี้ใน ราคาสองแสน?”

“ใช่ เอาเลขบัญชีมา” รพีพงษ์พูดอย่างเด็ดขาด

ชายวัยกลางคนจ้องรพีพงษ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดใน ใจว่าคนคนนี้ต้องโง่แน่ๆ แต่ในเมื่อมีโอกาสทำเงิน เขา ก็ต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน อีกทั้งขายแค่ครั้งเดียวก็ เท่ากับได้กลับมาร้อยเท่าเชียวนะ

“งั้นก็ได้ แต่คุณอย่ามาเปลี่ยนใจทีหลังก็แล้วกัน ผมจะให้เลขบัญชีกับคุณ” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์โทรหาผู้จัดการธนาคาร ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ได้ครอบครองแบล็กการ์ด เขาสามารถให้ ธนาคารโอนเงินให้เขาได้ทุกเมื่ออย่างไม่จำกัดวงเงิน

อารียามองรพีพงษ์ด้วยความสับสน เธอคิดว่าจะ รั้งเขาดีไหม อีกอย่างทุกคนต่างพูดว่ามันเป็นภาพ เลียนแบบ แถมชายวัยกลางคนยังบอกว่าซื้อมาแค่สอง พัน ถ้าเขาซื้อภาพนั้นในราคาสองแสน มันขาดทุนมาก

แต่ทว่าเงินที่รพีพงษ์เอามาซื้อภาพเป็นเงินของเขา เอง เธอไม่อยากก้าวก่าย จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

ขณะนั้นเองจู่ๆ เธอก็อยากเข้าห้องน้ำ เธอจึงเดิน ไปหาห้องน้ำคนเดียว

บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ใหญ่มาก แถมยังไม่มี สัญลักษณ์บอกว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน ตอนนี้ทุกคนกำลัง จ้องไปยังรพีพงษ์ อารียาจึงทำได้เพียงเดินหาห้องน้ำ ด้วยตัวเอง

เธอเดินผ่านลานกว้าง ในที่สุดเธอก็เห็นแผ่นป้าย คำว่าห้องน้ำแขวนไว้ จึงรีบเดินเข้าไปทันที

ขณะที่เธอกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ชนเข้า กับกุมุทที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

เมื่อกุมุทเห็นอารียา จู่ๆ เขาก็ยิ้มร้ายกาจออกมา

ประมาณสองสามนาที รพีพงษ์โอนเงินจำนวนสอง แสนให้กับชายวัยกลางคน
หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้รับเงินสีหน้าของเขา เต็มไปด้วยความดีใจ จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึง จริงๆ ว่ารูปที่ซื้อมาสองพันจะขายได้ตั้งสองแสน นี่เป็น ครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เงินมากหลายเท่า”

ทุกคนพากันมองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความ อิจฉา ถึงแม้ว่าเงินสองแสนสำหรับพวกเขาจะไม่นับว่า มากเท่าไร แต่นี่มันเท่ากับใช้ทุนจำนวนน้อยแต่กลับได้ ผลประโยชน์จำนวนมาก

ขณะเดียวกันคนพวกนั้นก็ส่งสายตาเย้ยหยันไป ทางรพีพงษ์ พวกเขาคิดว่ารพีพงษ์สมองมีปัญหา

“นี่มันคนมีเงินแต่โง่ เสียเงินตั้งสองแสนซื้อรูป เลียนแบบ แถมทุกคนยังรู้ว่าราคารูปจริงๆ มีราคา เท่าใด ทั้งชีวิตเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้ครั้งแรกเลย” “สองแสนกับรูปเก่าๆ เนี่ยนะ แม้สองแสนจะไม่นับ

ว่ามาก แต่ก็ไม่ควรมาเสียเงินไปเปล่าๆ แบบนี้” “จะสนใจเขาทำไม อีกอย่างเงินที่ใช้ไปก็ไม่ใช่เงิน ของฉัน ฉันล่ะชอบคนที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้จริงๆ

รอให้เขาคิดได้ก่อนก็คงจะเสียใจตายเลยล่ะ”

จารุกิตติ์ แสยะยิ้มแล้วปรายตามองรพีพงษ์ จาก นั้นพูดขึ้นมาว่า “รพีพงษ์ ถึงนายจะใช้เงินสองแสนซื้อ ภาพนี้ นายก็ไม่สามารถบอกได้ว่าภาพนี้มันมีค่าสอง แสน เมื่อครู่ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่านายสู้อาจารย์ของฉันไม่ได้ การแข่งครั้งนี้นายแพ้แล้ว”

รพีพงษ์เหลือบมองจารุกิตติ์ แล้วพูดว่า “ใครบอก คุณว่าการแข่งครั้งนี้จบแล้ว ผมบอกพวกคุณไปแล้วว่า ภาพนี้ไม่ใช่ภาพธรรมดาอย่างที่ทุกคนคิด”

ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจของ จารุกิตติ์ เขาคิด ว่ารพีพงษ์กำลังยื้อเวลา

“รอดูว่าเขาจะทำอะไร อีกอย่างยังเหลือเวลาอีก เยอะ ถือว่าให้ทุกคนดูอะไรสนุกๆ ก็แล้วกัน” จารุพิชญ์ หัวเราะแล้วพูดขึ้น

เขาคิดว่าตัวเองชนะแน่แท้แล้ว ไม่ว่ารพีพงษ์จะทำ ยังไงทุกคนก็เลือกอยู่ข้างเขาอยู่ดี

เมื่อครู่เขาคิดว่ามีโอกาสที่จะเป็นไปได้ แต่เมื่อมา

คิดดูในตอนนี้ ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์แบบ นั้นขึ้นมันน้อยมาก แทบจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น เขาจึงไม่กังวลอะไรแล้ว ผ่านไปไม่นาน รปภ.ของตระกูลกุลสวัสดิ์นำของที่

รพีพงษ์ต้องการมาให้เขา

รพีพงษ์วางภาพลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงใช้มือถูไปมา บริเวณริมขอบภาพแล้วเอาน้ำมาหยดลงบนขอบภาพ ทุกคนต่างพากันโน้มหน้าเข้ามาดูด้วยสีหน้าที่เต็ม

ไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ต้องการจะทำอะไร

จารุพิชญ์ กับ จารุกิตติ์ ได้ศึกษาภาพโบราณมา พอสมควร หลังจากที่พวกเขาเห็นวิธีของรพีพงษ์ก็รู้ทันทีว่ารพีพงษ์ต้องการทำอะไร

“อยากบอกนะว่าไอ้หมอนี่จะแยกภาพออกจากกัน น่าขำสิ้นดี ภาพในภาพเราไม่ได้เห็นรูปแบบนี้มาหลาย ปีแล้วนะ จะมาอยู่ในภาพที่มีราคาแค่สองพันได้ อย่างไรกัน” จารุกิตติ์ แสยะยิ้ม

จารุพิชญ์ กลับขมวดคิ้ว ตอนที่รพีพงษ์หยดน้ำลง ไป เขาเห็นว่าภาพนี้มีอะไรจุดที่พิเศษอยู่ ภาพโดย ทั่วไปมันไม่ได้หนาขนาดนี้

การกระทำของรพีพงษ์ดูตั้งใจเป็นอย่างมาก เขา ทำอย่างระมัดระวัง ทุกคนต่างพากันจดจ่อไปที่ภาพนั้น รอให้รพีพงษ์ตอบคำถามที่ทุกคนสงสัย หลังจากประมาณสิบนาที รพีพงษ์ใช้นิ้วมือจับ

ขอบทั้งสองข้างของรูปภาพแล้วยกขึ้นอย่างช้าๆ แยก

ภาพชั้นบนสุดออกมาอย่างช้าๆ

เมื่อทุกคนเห็นทันทีว่าใต้ภาพที่รพีพงษ์ยกขึ้นยังมี ภาพอยู่อีกภาพหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าอีกภาพหนึ่งมันจะเป็น ภาพที่มีเทคนิคชั้นสูง สีสันงดงามและมีรายละเอียดที่ ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก

ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าภายใต้ภาพ เรียบๆ ไม่น่าสนใจอะไรจะมีภาพอีกภาพหนึ่งซ่อนอยู่! เดิมที่คนที่เคยหัวเราะเยาะรพีพงษ์อย่าง จารุกิตติ์ อึ้งไปในทันที เขาพูดอะไรไม่ออกอยู่ครูใหญ่

จารุพิชญ์ เดินเข้าไปก้าวหนึ่ง เขาจ้องรูปนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “นะ นี่เป็นภาพ’Born of Gautama BuddhaของWu Daoziปรมาจารย์ด้าน การวาดภาพ!”

ความโกลาหลเกิดขึ้นที่ลานกว้าง ทุกคนจ้องไปที่ ภาพที่อยู่บนโต๊ะอย่างไม่เชื่อสายตา

แน่นอนว่าพวกเขารู้จัก Wu Daozi ปรมาจารย์ด้าน การวาดภาพ เขาคือจิตรกรที่มีชื่อเสียงสมัยราชวงศ์ถัง ตามประวัติศาสตร์เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น ปรมาจารย์ด้านการวาดภาพ ภาพของเขามีมูลค่าสูง เป้าหมายของนักสะสมวัตถุโบราณจำนวนมากคือ

ต้องการสะสมภาพจริงของ Wu Daozi

ชายวัยกลางคนที่แต่เดิมกำลังได้ใจกับภาพเลียน แบบเพียงภาพเดียว เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดก็อึ้งไป ในทันที

เขารีบเดินเข้าไปที่โต๊ะแล้วมองไปยังภาพวาดที่ ทำให้คนตกตะลึง จู่ๆ เขาก็รู้สึกหายใจติดขัดไปชั่ว ขณะ

“ท่านอาจารย์จารุพิชญ์คุณแน่ใจไหมว่าภาพนี้เป็น ภาพจริงของWน Daozi” ชายวัยกลางคนถามขึ้นอย่าง เคร่งเครียด

จารุพิชญ์ จ้องไปยังตราประทับและลายเซ็นที่อยู่

บนภาพแล้วพูดว่า “ไม่ผิดแน่ๆ ลายเซ็นและตราประทับ

ของWu Daozi ผ่านการจัดการโดยเฉพาะ เพื่อป้องกัน

คนอื่นเลียนแบบผลงานของเขา ภาพนี้คือภาพจริง!”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในลานกว้างอีกครั้ง

ทุกคนมองรพีพงษ์ด้วยสายตาชื่นชมและนับถือ คิดไม่ถึงว่าภาพนี้จะเป็นอย่างที่เขาพูดไว้ทุกอย่าง มัน ไม่ใช่ภาพธรรมดา!

“ภาพของWu Daoziได้รับความนิยมในตลาดเป็น อย่างมาก รูปภาพภาพนี้ของ Wu Daozi มีราคาสูงถึง สองร้อยล้านขึ้นไปเลยนะ” นักสะสมคนหนึ่งพูดขึ้น

ทุกคนสูดหายใจเฮือก คิดไม่ถึงว่ารูปที่วางอยู่บน

โต๊ะจะมีมูลค่าถึงสองร้อยล้าน มันไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ

เลย

ชายวัยกลางคนตกตะลึงไปในทันที เขาปากสั่นไป

หมด

“สะ สองร้อยล้าน แต่ฉันขายไปในราคาสอง แสน.”

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ เงินสอง แสนเทียบไม่ได้เลยกับสองร้อยล้าน

“ผมไม่ขายรูปนี้แล้ว ผมเอาเงินคืนให้คุณ คุณเอา ภาพคืนให้ผม!”

ชายวัยกลางคนรีบเข้าไปแย่งรูปที่วางอยู่บนโต๊ะ ทันที

กุนลโรจน์รีบส่งสายตาไปให้รปภ. พวกเขารีบพุ่ง เข้าไปกดตัวชายวัยกลางคนลงบนพื้น
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้จักกฎระเบียบในแวดวง ของนักสะสมวัตถุโบราณ ของที่ออกจากมือไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคืนกลับมา คุณมองไม่เห็นมูลค่า ของภาพนี้ มันก็แสดงว่าสายตาของคุณยังเฉียบแหลม ไม่มากพอ ภาพนี้เป็นของคุณรพีพงษ์แล้ว!” กุนลโรจน์ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท