พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่137

บทที่137

บทที่137 พิสูจน์วัตถุโบราณ

ผู้คนต่างพยักหน้า มอง ไปทางรพีพงษ์

จารุกิตติ์จึงรีบทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้น พูด ว่า”รพีพงษ์ นิสัยคุณผมรู้ดี แต่เรื่องการพิสูจน์วัตถุ โบราณไม่ใช่เรื่องที่คุณจะพูดมั่วได้ ก็อย่าซีซัวะพูด”

รพีพงษ์ยักไหล่ ไม่ยี่หร่า

อารียาก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆรพีพงษ์จะเอ่ยปากขึ้น ทำให้เธอนึกถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านฉัตรมงคลใน ตอนนั้น ที่รพีพงษ์มองปราดเดียวก็รู้ว่าภาพที่ธายุกรให้ เป็นของปลอม

กุนลโรจน์กับจารุพิชญ์เบิ่งตาโพลงพร้อมกัน คน อื่นอาจจะคิดว่ารพีพงษ์กำลังพูดจาส่งเดช แต่ว่าทั้งคู่ รู้แก่ใจดีว่ารพีพงษ์พูดไม่ผิดแม้แต่น้อย

จารุพิชญ์มองจารุกิตติอย่างขุ่นเคือง ลูกศิษย์ที่ เขาภาคภูมิใจที่สุด เทียบกับสวะเมืองริเวอร์ไม่ได้ แม้แต่น้อย

“จารุกิตติ้ แกหุบปาก! “จารุพิชญ์ตะโกนด่าทอ จารุกิตติ์ไม่สบอารมณ์ พูดขึ้น”อาจารย์ครับ มัน เป็นแค่สวะนะครับ มีสิทธิ์อะไรมาพูดส่งเดช”

“เขาพูดถูก เป็นเครื่องปั้นดินเผาราชสำนักสมัย เป่ยซ่ง และก็ใช้ในวังด้วย ตามหมู่ชาวบ้านไม่มีหรอก แจกันแบบนี้ แกมันทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ! “จารุพิชญ์พูดเสียงเย็นชา

จารุกิตติ์แสดงสีกหน้าตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพี

พงษ์จะพูดถูก เขาไม่เข้าใจว่าแค่สวะคนหนึ่ง ทำไมถึงมองประวัติ

ความเป็นมาของแจกันออก เขาเรียนกับจารุพิชญ์มา

ตั้งนาน กว่าจะรู้ประวัติความเป็นมาของแจกันหนึ่งอัน

จารุกิตติ์หันหน้าไปมองกุนลโรจน์ ราวกับอยาก ยืนยันความจริงกับกุนลโรจน์ บางทีอาจารย์ตนเอง อาจจะมองผิดก็ได้

กุนลโรจน์พูดขึ้น”คุณรพีพงษ์สายตาเฉียบคม จริงๆครับ มองปราดเดียวก็รู้ประวัติความเป็นมาของ แจกัน คุณพูดตรงเผ็งเลย แจกันนี้เป็นเครื่องปั้นราชสำ นักสมัยเป่ยซ่ง นักพิสูจน์ก่อนหน้าดูผิดกันไปหลายคน มีแต่คุณกับท่านอาจารย์จางที่ดูออก”

จารุกิตตี้ตกตะลึงในใจ รพีพงษ์กลับพูดถูกต้อง เสียได้

เขากำหมัดแน่น ในใจไม่สบอารมณ์

จะต้องเป็นท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ไว้หน้ารพีพงษ์ แน่ๆ ก็เลยคุยกับเขาไว้ก่อนดิบดี ไม่งั้นสวะอย่างเขา จะดูวัตถุโบราณออกได้ไง

จะต้องกู้หน้ากลับคืนมาให้ได้

เขาหันไปมองจารุพิชญ์ พูดขึ้น”อาจารย์ครับ เมื่อ สีผมประมาทไป ไม่ได้ดูอย่างละเอียด คราวหน้าจะไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้อีกแล้วครับ”

พูดจบ ก็มองไปทางรพีพงษ์ พูดขึ้น”ดูที รพีพงษ์ น่าจะรู้เรื่องโบราณวัตถุ แต่แค่แจกันใบเดียววัดอะไร ไม่ได้ ไม่ทราบว่าเราจะแข่งกันสักตั้งจะได้ไหม ดูสิว่า ใครเก่งกว่ากัน”

จารุพิชญ์ได้ยินคำพูดจารุกิตติ์ จึงเข้าใจความ หมายโดยทันที

แน่นอนว่าเขาต้องเชื่อลูกศิษย์ตัวเองมากกว่า เมื่อ

ก็ที่รพีพงษ์ดูออก อาจจะเป็นความบังเอิญที่เคยเห็น

ก็ได้

ลองให้จารุกิตติ์กับรพีพงษ์แข่งกันดูสักตั้ง กู้หน้า คืนมา ไม่งั้นต่อไปพูดออกไป คนอื่นจะว่าได้ว่าลูกศิษย์ ของจารุพิชญ์สู้สวะคนหนึ่งก็ไม่ได้

“ก็ดีนะ ไหนๆงานเลี้ยงก็ยังไม่เริ่ม ให้พวกเขา ประลองกันสักตั้ง น่าสนุกดี”จารุพิชญ์หัวเราะแล้วพูด กุนลโรจน์มองไปทางรพีพงษ์ ถามขึ้น “คุณรพีพงษ์ ครับ”

รพีพงษ์พยักหน้าพูดขึ้นว่า “งั้นประลองสักตั้งก็ได้ ครับ ไหนๆก็ว่าง” กุนลโรจน์ยิ้มขึ้น พูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนั้น พวก

เรามาดูพวกเขาประลองกันสักตั้งเถอะ เด็กหนุ่ม

ประลองกัน น่าจะสนุกไม่เบา”

จารุกิตติ์รู้สึกประหลาดใจเต็มประดา เมื่อครู่ที่รพีพงษ์อ่านประวัติความเป็นมาของแจกันออกไม่น่าจะ

เพราะเตรียมมาดิบดีกับกุนลโรจน์หรอกมั้ง แต่ทำไม กุนลโรจน์ดูเหมือนจะไม่กลัวว่า รพีพงษ์จะทำขายหน้า เลยแม้แต่น้อย

หรือว่ากุนลโรจน์จะไม่แคร์ว่ารพีพงษ์จะทำขาย หน้าหรือไม่

“ไม่ปิดบัง ตู้โชว์ของผมไปของนี้ วัตถุโบราณทุก ชิ้นไม่ได้เป็นของแท้หมด บางชิ้นเป็น ของก๊อปเกรด เอ มันเหมือนของจริงชนิดที่ว่าแยกไม่ออก ”

“ในเมื่อจะประลองกัน ก็ประลองโดยการหาขอ งก็อปออกมาแล้วกัน ใครหาออกมากได้มากกว่า เป็นผู้ ชนะ ว่าไง”

กุนลโรจน์กล่าว

“แล้วถ้าจำนวนที่เราหาออกมาได้เท่ากันล่ะ

ครับ”จารุกิตติ์ถามขึ้น “ก็มาทดสอบใหม่โดยพิสูจน์วัตถุโบราณ โดยให้ ท่านอาจารย์จางเป็นคนเลือกสิ่งของ ให้พวกคุณ

พิสูจน์”กุนลโรจน์พูดขึ้น

จารุกิตติ์หัวเราะ ถ้าเป็นแบบนี้ เขาชนะขาดลอย แน่นอน

รพีพงษ์ลุกจากเก้าอี้นั่ง ถามขึ้น”ในเมื่อเป็นการ ประลอง ก็ต้องมีจำกัดระยะเวลาด้วยสิครับ ผมไม่ อยากใช้เวลากับของชิ้นหนึ่งนานเกินไป ไม่งั้นคงได้ตรวจสอบจนถึงสว่าง”

จารุกิตติ์ฟังออกว่ารพีพงษ์เหน็บแนมที่ตนใช้เวลา ในการพิสูจน์สิ่งของนานเกินไป เขาจึงจ้องรพีพงษ์ เขม็ง

“ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มสิบห้า งานเลี้ยงอาหารค่ำ จะเริ่มตอนทุ่มครึ่ง งั้นกำหนดที่สิบนาทีแล้วกัน พวก คุณเขียนรายชื่อของก๊อปที่หาออกมาได้ อีกห้านาทีที่ เหลือเรามาดูผล เป็นไง”กุนลโรจน์กล่าว

“ได้ครับ”จารุกิตติ์ตอบรับทันที

รพีพงษ์พยักหน้าตาม

คนในห้องต่างลุกขึ้นยืน เพื่อที่จะได้ดูการประลอง ของรพีพงษ์กับจารุกิตติ์ชัดขึ้น

กุนลโรจน์หากระดาษกับปากกาให้คนทั้งคู่ ภาย ใต้สายตาหลายคู่ การประลองจึงเริ่มต้น ขึ้น

สองตาของจารุกิตติ์จ้องเขม็งไปที่วัตถุโบราณ ของตู้โชว์ เนื่องด้วยมีเวลาเพียงสิบนาที แต่ ของโชว์ ในตู้มีจำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้ เวลากับของชิ้นใดชิ้นหนึ่ง มากเกินไป

อยากจะหาของก๊อปทั้งหมดออกมาในระยะเวลา อันสั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จารุกิตตี้รู้สึกกด ดัน

ต่อให้เป็นจารุพิชญ์ปรมาจารย์ด้านวัตถุโบราณ อันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์ ก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะ สามารถหาของก๊อปทั้งหมดออกมาในระยะเวลาเพียงสิบนาที

เวลาช่วงสั้นๆแค่นั้น หน้าผากของจารุกิตติ์เต็มไป

ด้วยเม็ดเหงื่อ

ย้อนกลับไปมองที่รพีพงษ์ เขาเดินดูของในตู้อย่าง สบายอารมณ์ เขาแทบไม่ต้องหยิบ ของในตู้ออกมา

ดูเลย แค่หรี่ตาลง ก็มองออกแล้ว

ทุกคนต่างมองรพีพงษ์ด้วยความตะลึงพรึงเพริด พวกเขาไม่เคยเห็นการพิสูจน์ของ

โบราณด้วยการมองปราดเดียว

คนไม่น้อยคิดว่ารพีพงษ์กำลังวางท่า เขาไม่รู้เรื่อง การพิสูจน์วัตถุโบราณแน่นอน ไม่แน่ว่าเมื่อกี้เขาฉีก หน้าลูกศิษย์ของจารุพิชญ์ไป ตอนนี้อยากจะผูกมิตร กับจารุพิชญ์และจารุกิตตี้ก็เป็นได้ เดาว่าที่ตกลง ประลอง จะได้แพ้ให้แก่จารุกิตติ์ เพื่อที่ครูศิษย์สองคน นี้จะได้ไม่อาฆาตเขา

“เจ้าหนุ่ม การพิสูจน์วัตถุโบราณไม่ได้พิสูจน์กัน แบบนั้น คุณดูเร็วขนาดนี้ ดูไม่ออกหรอกว่าชิ้นไหนจริง ชิ้นไหนปลอม” ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น

“เหอะๆ ผมว่าเขาพิสูจน์ไม่เป็นหรอก แค่วางท่าไป อย่างนั้นเอง”

“นั่นน่ะสิ ถ้าดูลวกๆแบบนี้จะรู้ได้ไงว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม งั้นตาคู่นี้ของเขาก็สุดยอดเกินไปแล้ว ล่ะ”
จารุกิตติ์ได้ยินคนหมู่มากวิพากษ์ จึงหันไปมองรพี พงษ์ เห็นเขาท่าที่ราวกับว่าดูชมไปอย่าง

นั้น จึงแค่นหัวเราะขึ้นมา

“ไอ้สวะนี่ ดูของโบราณไม่เป็นจริงด้วย เสือกยัง

กล้ามาแข่งกับกู ไม่เจียมตัวเลย”จารุกิตติ์พึมพำ เวลาสิบนาทีผ่านไปไวนัก พอถึงเวลากุนลโรจน์จึง ให้ทั้งคู่หยุดลง

“ได้เวลาสิบนาทีแล้ว นำสิ่งที่เขียนมาให้ผม

เถอะ”กุนลโรจน์พูดขึ้น รพีพงษ์กับจารุกิตติ์ทั้งสองคนยื่นกระดาษให้กับ กุนลโรจน์

“รพีพงษ์ ท่าทีสบายอารมณ์ของคุณเมื่อกี้น่ะ เกรง ว่าไม่น่าจะหาของก๊อปได้สักชิ้นมั้ง” จารุกิตติ์พูดขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มให้เขา พูดขึ้น”รอให้ท่านตระกูลกุล สวัสดิ์ประกาศผลดีกว่า เดี๋ยวก็รู้เอง”

จารุกิตติ์แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง ในใจแอบคิดว่า พอผลประกาศออกมา แกยังจะสบาย อารมณ์แบบ นี้ได้อยู่ไหม

กุนลโรจน์เปิดกระดาษของจารุกิตติ์ มองดูแล้วทำ สัญลักษณ์บางอย่างออกมา ยิ้มแล้วพยักหน้าพูดว่า”จา รุกิตติ์ สายตานายไม่เลวเลยทีเดียว ของก๊อปห้าชิ้นที่หาออกมา ถูกต้องหมดทุกชิ้นเลย ท่านอาจารย์จาง ลูก ศิษย์ของคุณไม่ธรรมดาจริงๆ”

จารุกิตติ์ลำพองใจขึ้นมา พูดขึ้นว่า “ท่านตระกูลกุล สวัสดิ์ชมเกินไปแล้ว”

จารุพิชญ์ก็ยิ้มออก สามารถหาของก๊อปออกมาได้ ในเวลาสิบนาที เป็นความสามารถที่ ระดับอาจารย์ ทั่วไปก็แตะไม่ถึงแล้ว เขามองจารุกิตติ์ด้วยความพึงพอใจ พลางคิดว่า

อย่างน้อยเจ้านี่ก็ไม่ทำขายหน้า

หลังจากที่คนทั้งหลายในห้องโถงได้ฟัง ต่างก็ กล่าวชื่นชมจารุกิตติ์กันขึ้นมา จารุกิตติ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ รีบดู

ผลที่รพีพงษ์หาออกมาเถอะครับ”

กุนลโรจน์พยักหน้า หยิบกระดาษรพีพงษ์ขึ้นมา

พูดตามตรง เขาไม่ได้คาดหวังในรพีพงษ์มากนัก แม้ว่ารพีพงษ์จะเป็นคนของตระกูล ลัดดาวัลย์แห่ง เกียวโต แต่ว่าจารุกิตติ์เป็นศิษย์ของจารุพิชญ์ เป็น เรื่องเฉพาะทาง รพีพงษ์ต่อ ให้เก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่น่า จะสู้ผู้เชี่ยวชาญได้หรอก

“ฉันว่านะ เขาไม่น่าจะหาออกมาได้สักชิ้น ดูท่าที่ เขาสำรวจวัตถุโบราณเมื่อกี้ มันเหมือนพิสูจน์วัตถุ โบราณตรงไหน”มีคนพูดขึ้น

กุนลโรจน์เปิดกระดาษของรพีพงษ์ออก หลังจากที่ดูสิ่งของที่เขียนอยู่ด้านใน ไม่กี่วินาทีถัดมา เขาอ้า ปากค้าง ความตะลึงพรึงเพริดฉายเต็มสีหน้า

“ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ รพีพงษ์หาได้กี่ชิ้นหรือครับ คงไม่ใช่ว่าหาไม่ได้สักชิ้นนะครับ ตกใจกันเสียขนาด นี้ “จารุกิตติ์ยิ้มแล้วพูด

คนในห้องหัวเราะครืนกันขึ้น

“สิบ..สิบสามชิ้น รพีพงษ์หาออกมาได้สิบสาม ชิ้น”กุนลโรจน์พูดขึ้น

คนที่กำลังหัวเราะอยู่ต่างก็หัวเราะค้าง

ทุกคนมองไปที่กุนลโรจน์ จารุกิตติ์เปิดปากถาม ขึ้น”ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ ว่าอะไรนะครับ เขาหาขอ งก๊อป ออกมาได้สิบสามชิ้นเหรอครับ”

กุนลโรจน์พยักหน้า จากนั้นมองไปทางรพีพงษ์ ด้วยความเลื่อมใส

สีหน้าของจารุพิชญ์ดูไม่ได้ขึ้นมาทันที อย่างไร เขาก็ไม่เชื่อ สวะคนหนึ่ง จะหาออกมาได้ มากกว่าลูก ศิษย์เขาได้อย่างไร

“พี่กุนลโรจน์ ของก็อปของคุณ ทั้งหมดมีกี่ ชิ้น”จารุพิชญ์ถามขึ้น

“สิบสามชิ้น” กุนลโรจน์ตอบ

ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ คิดไมถึงว่าภายในเวลา สิบนาทีสั้นๆ รพีพงษ์จะหาของก๊อป ออกมาได้ทุกชิ้น
จารุพิชญ์สีหน้าสับสน ต่อให้เป็นเขาก็เถอะ ภายในเวลาสิบนาทีสั้นๆ ให้หาของก๊อปทั้ง หมดออก มา ก็คงเป็นเรื่องยากพอตัว

“รพีพงษ์เป็นอัจฉริยะด้านการพิสูจน์วัตถุโบราณ จริงๆ เมื่อกี้แค่เดินดู ก็หาของก๊อปออกมาได้ทั้งหมด เก่ งกาจจริงๆ”กุนลโรจน์รำพึงรำพัน ในขณะเดียวกันก็ คิดอยู่ในใจว่าคนบ้านตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตไม่ ธรรมดาจริงๆ

“เป็นไปไม่ได้! เขาจะหาของก๊อปออกมาทั้งหมด

ได้ไง พวกคุณจะต้องเตรียมกันมาอย่างดี! “จารุกิตติ์ พูดอย่างมีอารมณ์ จารุพิชญ์สีหน้าเปลี่ยน ตบฉาดใหญ่ลงบนหน้าจา

รุกิตติ์ ด่าทอออกมา”ไอ้ฉิบหาย! พูดส่งเดชอะไร

น่ะ! ”

แม้ว่าจารุพิชญ์เองก็รู้สึกเหลือเชื่อในเรื่องนี้ แต่ เขารู้จักนิสัยกุนลโรจน์ดี ในฐานะประมุข ตระกูล กุลสวัสดิ์ กุนลโรจน์ไม่มีความจำเป็นต้องเตรียมตัว อะไรกับรพีพงษ์

สีหน้าของกุนลโรจน์ดูไม่น่าดูชม พูดเสียงเย็นชา ว่า “ท่านอาจารย์จาง หรือว่าคุณก็คิดว่าผมจะเล่น ตุกติกกับการแข่งขันเล็กๆน้อยๆ พวกคุณจะดูถูกพวก เราตระกูลกุลสวัสดิ์มากไปแล้วนะ”

จารุพิชญ์รีบยิ้มขอโทษ กล่าวว่า”พี่กุนลโรจน์อย่า โกรธเคืองไป ลูกศิษย์ผมสมองมีปัญหาเอง ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นแน่นอน อีกอย่างการประลองนี้จัด แบบกระทันหัน จะมีการทำตุกติกได้ไง”

จารุกิตติ์ถึงได้สงบลง รู้ว่าตัวเองได้พูดในสิ่งที่ไม่ ควรพูดออกไป จึงรู้สึกเสียใจ

“ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ ผมผิดไปแล้วครับ ผมวู่วาม ไปหน่อย”จารุกิตตี้รีบขอโทษขอโพย

กุนลโรจน์มองจารุกิตติ์อย่างไม่เป็นมิตร จากนั้น จึงหันไปขอโทษรพีพงษ์ “คุณรพีพงษ์ครับ ขอโทษด้วย จริงๆ ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดกันนะครับ งานเลี้ยง อาหารค่ำจะเริ่มแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะครับ”

รพีพงษ์พยักหน้า เดินไปดึงมืออารียา

ในตอนที่ออกไป รพีพงษ์มองไปทางจารุพิชญ์กับ จารุกิตติ์ ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกศิษย์ของคุณคิดว่าผมใช้วิธี สกปรกในการเอาชนะ ถ้าคุณอยากเรียกร้องความ ยุติธรรมให้กับเขา ก็มาแข่งกับผมสักตั้งก็ได้ จะแข่ง อะไรคุณกำหนดเอา คราวนี้ไม่น่าจะถูกสงสัยแล้วล่ะ นะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท