พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 148

บทที่ 148

บทที่ 148 แยกกันนอน

รพีพงษ์มองอารียาด้วยสีหน้าประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่า เธอจะให้เขาขอโทษธีริทธิ์

พูดตามหลักแล้วอารียาเกลียดธีริทธิ์มาก แต่ว่าทำไม ตอนนี้ถึงช่วยพูดแทนเขาล่ะ?

ธีริทธิ์ก็รู้สึกตกใจเช่นกัน เขารู้ดีว่าอารียาไม่เคยชอบเขา มาตั้งแต่เด็ก ยังคิดอยู่เลยว่าการมาครั้งนี้น่าจะทะเลาะกับ เธอไม่น้อยเหมือนกัน แต่ทว่าดูไปดูมาเหมือนกับว่าพี่สาว ของเขานิสัยเปลี่ยนไปแล้ว

“ได้ยินหรือยัง พี่สาวของฉันบอกให้นายขอโทษฉัน นาย จะยืนอึ้งอะไรอยู่อีก!” ธีริทธิ์พูดอย่างได้ใจ

รพีพงษ์มองธีริทธิ์แล้วพูดว่า “มีกล้องหน้ารถอยู่นะ พวก เราไปดูกันไหม แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะให้ผมขอโทษเขา ไหม”

ธีริทธิ์กลัวขึ้นมาทันที หลังจากที่เขาชนหมา ก็เอาแต่ วุ่นวายกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงหน้ารถ ต้องโดนถ่ายไว้ อย่างแน่นอน

“ไม่อยากขอโทษก็ช่างเถอะ ฉันไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย” ธีริทธิ์แสยะปากแล้วก้มหน้าเล่นมือถือ

อารียาได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนั้น ก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นความ ผิดของธีริทธิ์แน่นอน แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังท้อใจกับรพี พงษ์ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร
ศศินัดดามองรพีพงษ์แล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า “แกดูสิว่า ธีริทธิ์ใจกว้างขนาดไหน แต่สวะอย่างแกทำผิดยังไม่ ยอมรับ แม้แต่คำขอโทษก็ยังไม่มี อย่าคิดว่าแกจ่ายค่าใช้ จ่ายส่วนกลางแล้วจะมาทำเป็นมีอำนาจนะ คฤหาสน์นี้มัน เป็นชื่อของฉัน”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจศศินัดดา เธอกลับมองไปยังอารียา อยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าเธอแปลกไป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

มื้อค่ำ ทุกคนนั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะ อารียาก้มหน้าไม่พูด อะไร ราวกับมีเรื่องกลุ้มใจมากมาย

“ธีริทธิ์กินเยอะๆ นะ ลองชิมฝีมือของป้าดู” ศศินัดดายิ้ม vda แล้วคืบอาหารให้ธีริทธิ์

ธีริทธิ์กินพลางมองรพีพงษ์ จากนั้นเขาก็กลอกตาไปมา แล้วถามขึ้นว่า “คุณป้า ตอนนี้รพีพงษ์ยังไม่มีงานทำเหรอ ให้พี่สาวเลี้ยงเหรอ”

ศศินัดดาและศักดามองไปยังรพีพงษ์ ถึงแม้เขาจะไม่มี งานทำ แต่ว่าท่าทีของรพีพงษ์ในช่วงนี้ทำให้พวกเขาตกใจ เป็นอย่างมาก

อย่างน้อยเงินหนึ่งแสนที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางของ หนึ่งเดือนพวกเขายังหามาไม่ได้เลย คฤหาสน์นี้ถึงแม้จะ เป็นชื่อของศศินัดดาแต่เป็นเงินของรพีพงษ์ นี่มันแสดงให้ เห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด

แต่ถึงเป็นเช่นนี้ ศศินัดดาก็ยังไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ใน สายตา เธอคิดตลอดว่าเงินของรพีพงษ์คือเงินที่เขาขโมยไปจากเธอ

“ก็ใช่นะสิ มันจะทำอะไรได้ล่ะ ที่ให้อารีเลี้ยงก็เพราะว่า มันช่วยเราทำงานบ้าน ไม่งั้นฉันไล่มันออกไปนานแล้ว” ศศิ นัดดาพูดตอบ

“วันนี้พ่อเรียกฉันไปคุยอีกแล้ว เขาบอกว่าตั้งแต่รพีพงษ์

เข้ามาในตระกูลก็มีแต่เรื่อง แถมยังบอกให้ฉันเกลี้ยกล่อม

ให้อารียาเลิกกับรพีพงษ์” ศักดาถอนหายใจแล้วพูดออกมา

พวกเขารู้ดีว่าการที่นภทีป์ทำแบบนี้ก็เพราะว่าอารียาไป หักหน้าเขาต่อหน้าทุกคนเมื่อครั้งก่อน

นภทีปคิดว่าตอนนี้ไม่มีทางไล่อารียาได้ แต่ถ้าไล่รพีพงษ์ ออกไปก็ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดยุยงให้ศักดา บอกให้อารียากับรพีพงษ์หย่ากัน

เดิมทีอารียาไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่หลังจากที่บุษบา

กรมาที่นี่ พอเธอได้ยินเรื่องหย่าอีกครั้ง ใจของเธอจึงสั่น

ขึ้นมา เธอหันไปมองรพีพงษ์

รพีพงษ์สังเกตแววตาของอารียา ในใจของเขารู้สึก เครียดขึ้นมา การที่เธอมองเขาแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเธอ คิดจะหย่า?

ขณะนั้นรพีพงษ์ก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอารียาเป็นอะไร

ธีริทธิ์เห็นว่ารพีพงษ์ไม่มีตัวตนในตระกูลขนาดนี้ จึง หัวเราะออกมา “เดี๋ยวอีกสองวันผมจะไปงานเลี้ยง คนที่ไป ร่วมงานมีแต่คุณชายที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองริเวอร์ ให้รพีพงษ์ไปกับผมเถอะ ไปทำความรู้จักกับพวกเขาจะได้มี โอกาสมากขึ้น”

แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยากให้รพีพงษ์ไปทำความรู้จักกับ พวกคุณชายหรอก เขาแค่อยากจะใช้โอกาสจากงานเลี้ยง ครั้งนี้ทำให้รพีพงษ์อับอาย

ธีริทธิ์เป็นคนเกเรมาตั้งแต่เด็ก การเห็นคนอื่นอับอายนั่น แหละคือความสุขของเขา

หลังจากที่ศศินัดดาได้ยินสิ่งที่ธีริทธิ์พูด ตาของเธอก็เป็น ประกายขึ้นมาทันที “ธีริทธิ์นายรู้จักพวกคุณชายของเมือง ริเวอร์ได้อย่างไร”

“รู้จักตอนเล่นเกมน่ะ พวกเขาเล่นเกมไม่เก่งเท่าผม ตอน นี้นับถือผมเป็นพี่ใหญ่ไปแล้ว” ธีริทธิ์พูดอย่างได้ใจ

“ธีริทธิ์นี่เก่งจัง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพื่อนกับพวกคุณชาย แห่งเมืองริเวอร์ด้วย งั้นก็ให้รพีพงษ์ไปกับนาย ให้ออกไป เห็นโลกข้างนอกบ้าง ไม่งั้นก็ได้แต่ทำงานบ้าน” ศศินัดดา เอ่ยขึ้น

“แม่ งานเลี้ยงของพวกเด็กๆ ผมไม่ไปหรอก” รพีพงษ์พูด

ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์แล้วพูดเสียงดังว่า “งานเลี้ยงพวก เด็กๆ อะไรกัน พวกเขาเป็นคุณชายแห่งเมืองริเวอร์เชียวนะ สวะอย่างแกจะมีโอกาสสัมผัสคนชนชั้นระดับนั้นได้ยังไง กัน ธีริทธิ์อุตส่าห์หวังดีพาแกไป แกอย่ามาทำเป็นไม่รับ ความหวังดีของเขา”

ตอนนี้ในใจของรพีพงษ์กำลังกังวลเรื่องของอารียา เขาไม่มีกะจิตกะใจไปต่อล้อต่อเถียงกับศศินัดดา จึงตอบ ตกลงออกไป

ธีริทธิ์เห็นว่ารพีพงษ์ตอบตกลง ก็แสยะยิ้มอยู่ในใจ แล้ว พูดพึมพำว่า “หึ พวกคุณชายนั่นไม่เห็นไอ้สวะอย่างแกอยู่ ในสายตาด้วยซ้ำ เมื่อถึงตอนนั้นต้องให้พวกเขาทำให้แก อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

หลังจากทานข้าวเสร็จ รพีพงษ์ไปล้างจาน เมื่อเก็บทุก อย่างเสร็จเรียบร้อย เขาจึงไปนั่งข้างอารียา

เมื่ออารียาเห็นว่ารพีพงษ์เข้ามาเธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูด

ว่า “ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว”

รพีพงษ์จึงรีบลุกขึ้น เขากะว่าจะเดินไปกลับห้องไปพร้อม อารียา แล้วถามเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่ทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คืออารียาไม่ได้ไปที่ห้องนอน

ขอพวกเขา แต่เธอกลับเดินขึ้นไปข้างบน

ศศินัดดาแสยะยิ้มแล้วมองไปยังรพีพงษ์จากนั้นจึงพูดขึ้น มาว่า “ช่วงนี้อารีจะไม่นอนกับแก แกควรจะกลับไปคิดดูนะ ว่าถ้าแกยังวุ่นวายแบบนี้ต่อไป อารีอาจจะหย่ากับแก”

พูดจบเธอก็เดินขึ้นไปข้างบนพร้อมกับอารียา

รพีพงษ์ไม่เชื่อว่าอารียาจะขึ้นไปนอนข้างบนเพราะตัว เอง อาจจะเป็นเพราะสองสามวันนี้ธีริทธิ์อยู่ที่นี่ เธอไม่ อยากเห็นธีริทธิ์ก็เลยขึ้นไปนอนข้างบน

งั้นก็รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนแล้วค่อยไปคุยกับเธอก็แล้ว

กัน
รพีพงษ์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขารู้สึกว่าจู่ๆ อารียาก็ เมินเฉยใส่เขาอย่างประหลาด เหมือนกับเมื่อสองสามปี ก่อนไม่มีผิด

“รพีพงษ์ นายนี่ไม่เอาไหนจริงๆ ขนาดภรรยาของนายยัง ไม่ยอมนอนห้องเดียวกับนาย น่าอายชะมัด” ธีริทธิ์เล่นเกม พลางพูดประชดรพีพงษ์

รพีพงษ์จ้องเขาแล้วยื่นมือไปแย่งมือถือมาจากเขา

ธีริทธิ์รีบลุกขึ้นยืนเพื่อจะแย่งมือถือกลับมา เขาก่นด่า ออกมา “ให้ตายเถอะ เอามือถือคืนมานะ ฉันกำลังเข้าทีม ไฟต์อยู่นะ!”

รพีพงษ์กดธีริทธิ์ลงไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ธีริทธิ์อยาก ขัดขืนแต่ทว่าเขากลับสู้แรงของรพีพงษ์ไม่ได้

“ทำไมแรงของไอ้สวะนี่มันเยอะจัง?” ธีริทธิ์สีหน้าตก

ตะลึง

รพีพงษ์มองมือถือของธีริทธิ์แวบหนึ่ง ตอนนี้เขาอารมณ์ ดี กำลังหาที่ระบายอยู่พอดี เล่นเกมของธีริทธิ์ดีกว่า

เด็กผู้ชายแทบทุกคนมีความคลั่งไคล้ในการเล่นเกม อย่างไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เมื่อก่อนตอนที่รพีพงษ์ เด็กๆ เขาก็ชอบเล่นเกมแบบนี้ แต่ว่าเกมพวกนั้นง่ายเกินไป สำหรับเขา เล่นไปสองสามครั้งก็ทำสถิติใหม่ได้ตลอด

ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาสนใจพวกหมากรุก การประเมิน วัตถุโบราณ ศิลปะการต่อสู้อะไรทำนองนี้แทน เป็นการ ทดสอบความรู้และความอดทนมากขึ้นด้วย
เมื่อธีริทธิ์เห็นรพีพงษ์เอามือถือของเขาไปเล่น จึงพูด ออกมาอย่างกระวนกระวายว่า “ให้ตายเหอะ เอามือถือฉัน คืนมานะ ฉันอยู่ในอันดับราชามีดาว 30 ดวงนะ นายจะ ทำให้ฉันโดนรีพอร์ตนะ”

เพราะเมื่อครู่นี้เขาได้สัมผัสถึงพละกำลังของรพีพงษ์ ธีริ ทธิ์ จึงกล้าพูดแต่สองสามประโยค ไม่กล้ายื่นมือเข้าไป แย่ง

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขาแต่กลับก้มหน้าก้มตาเล่นเกม อย่างจริงจัง

ธีริทธิ์รู้สึกท้อใจ เขาพูดพึมพำออกมาว่า “มันจบแล้ว เกม นี้อุตส่าห์พา พี่ชีพนนท์ ไต่แรงค์ จริงๆ เกมนี้กำลังจะไปได้ สวยแล้วเชียว ถ้าแพ้ขึ้นมาพี่ชีพนนท์ต้องไม่ยอมให้ฉันขับ รถสปอร์ตของเขาแน่ๆ”

ธีริทธิ์กัดฟันกรอด แววตาที่มองไปยังรพีพงษ์เต็มไปด้วย

ความเคียดแค้น คิดไปถึงตอนที่พาเขาไปงานปาร์ตี้ จะต้อง ทำให้เขาขายหน้าให้ได้ ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์จึงเอามือถือคืนให้เขาแล้วพูดว่า

“น่าเบื่อ” จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินกลับห้องไป

“นายอ่อนเองต่างหาก เล่นไม่ได้อย่างฉันก็มาพูดว่าน่า เบื่อ ไร้ประโยชน์จริงๆ” ธีริทธิ์แสยะปากแล้วพูดขึ้น เขารีบจับมือถือ กะว่าจะกู้เกมใหม่อีกครั้ง เมื่อกี้รพีพงษ์

เล่นตั้งนาน น่าจะตายไม่รู้กี่ครั้ง แต่เมื่อเขาดูหน้าจออย่างชัดเจน เขาก็อึ้งไปในทันที
“Penta kill ฆ่าห้าตัวติดกัน!”

เสียงฆ่าห้าตัวติดกันดังขึ้นมา ทีมฝั่งตรงข้ามทั้งห้าตัว โดนฆ่าตายหมด แถมทีมฝั่งตัวเองก็ดันไปจนถึงป้อมใหญ่ แล้ว ดูจากเวลาที่จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามแพ้ แน่นอนแล้วล่ะ

ไม่ว่าจะเป็นทีมฝั่งตรงข้ามหรือว่าทีมฝั่งตนเองต่างก็พิมพ์ มาในช่องแชทว่า 666

ธีริทธิ์มีสีหน้ามึนงงไปหมด เขาเงยหน้ามองไปยังห้อง ของรพีพงษ์ ไอ้หมอนี่มันทำได้ยังไงกัน?

นี่มันเกมของคนที่มีดาว 30 ดวงเลยนะ ขนาดฝีมือระดับ เขาคิดจะฆ่าห้าตัวติดกัน ยังเป็นเรื่องที่ยากเลย แล้วไอ้สวะ อย่างรพีพงษ์มันทำได้ยังไงกัน?

“ให้ตายเถอะ จะต้องเป็นเพราะฉันรักษาจังหวะเกมไว้ดี แน่ๆ พอดีกับมีโอกาสเข้าทีมไฟต์ แต่มาโดนรพีพงษ์กดมั่ว ชั่ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ได้ฆ่าห้าตัวติดกัน” ธีริทธิ์พูดพึมพำ

เกมจบลง พอเพิ่งจะออกจากเกม ชีพนนท์ก็โทรหาธีริทธิ์

“ไอ้เด็กน้อย ทีมไฟต์เมื่อกี้สุดยอดมากเลย คิดไม่ถึงว่า จะฆ่าห้าตัวติดกัน ดูไปดูมานายน่าจะมีพรสวรรค์ด้านการ เล่นเกมนะ” ชีพนนท์เอ่ยขึ้น

“แค่ก แค่ก ก็เล่นปกตินะ พี่ก็พูดเกินไป” ธีริทธิ์ พูดอย่าง กระอักกระอ่วน

“อย่าลืมมางานปาร์ตี้ล่ะ ถึงตอนนั้นฉันจะขับรถสปอร์ต พานายไปกินลมชมวิว”
“ไม่มีปัญหา อ้อ ผมพาคนไปด้วยได้ไหม” ธีริทธิ์เอ่ยถาม

“ได้สิ ตามสบายเลย คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก” ชีพนนท์พูด แล้วหัวเราะ

ธีริทธิ์รีบตอบตกลง ทั้งสองคุยกันอีกสักพัก จากนั้นจึง

วางสาย

“เหอะ รพีพงษ์เมื่อกี้แกกล้าแย่งมือถือของฉัน รอก่อน เหอะ เมื่อถึงตอนนั้นแกจะได้รู้ฤทธิ์ของฉัน” ธีริทธิ์พึมพำ กับตัวเองแล้วกลับไปยังห้องที่ศศินัดดาเตรียมไว้ให้

สองวันผ่านไป อารียายังคงเย็นชากับรพีพงษ์ เขาถามว่า เธอเป็นอะไร เธอก็ไม่ยอมคุยกับเขา

รพีพงษ์เดาว่าเธออาจจะมีประจำเดือนบวกกับการที่ธีริ ทธิ์มาที่นี่ ทำให้เธออารมณ์ไม่ดี เขาจึงไม่ถามเซ้าซี้เธออีก

สองสามวันมานี้โยษิตาก็ส่งข้อความมาหาเขาบ่อยเหลือ เกิน ถามเขาว่ามีความคิดจะกลับไปเกียวโตบ้างหรือเปล่า

แน่นอนว่ารพีพงษ์ปฏิเสธกลับไปทันที แต่ทว่าโยษิตาก็ ตอบกลับมาทุกครั้งว่า “ก็ไม่แน่ รอดูแล้วกัน”

นี่มันทำให้รพีพงษ์จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ว่าเขาคิดว่า โยษิตาผิดปกติอยู่แล้วจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

พลบค่ำวันเดียวกัน ธีริทธิ์ขับรถไปดงเย็น ไปยังสถานที่ จัดงานปาร์ตี้ของชีพนนท์

ศศินัดดารอให้ธีริทธิ์ออกไป จากนั้นเธอจึงเรียกรพีพงษ์

ออกมา
“ตอนนี้แกรีบไปงานปาร์ตี้ที่ธีริทธิ์บอก ถ้าไปสายเขาจะ ไม่ชวนแกร่วมสนุกนะ” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

“ธีริทธิ์ล่ะ?” รพีพงษ์ถามขึ้น

“เขาขับรถออกไปก่อนแล้ว” ศศินัดดาตอบ

“ทำไมไม่ให้เขารอผมล่ะ เขาขับรถออกไปแล้ว ผมจะไป ยังไงล่ะ?” รพีพงษ์ไม่รู้จะพูดยังไง

“ครั้งก่อนให้แกขับรถ แกก็ทำรถบุบ รถแพงขนาดนั้น ฉัน ไม่ให้แกทำพังหรอก ดังนั้นต่อจากนี้แกอย่านั่งรถคันนั้นอีก นี่กุญแจรถมอเตอร์ไซค์แกขี่มอเตอร์ไซค์ไปเถอะ ฉันจะ เอาที่อยู่ให้แก” ศศินัดดาพูดอย่างเหลืออด

รพีพงษ์มองกุญแจรถมอเตอร์ไซค์แล้วพูดออกไปตรงๆ ว่า “งั้นผมไม่ไปแล้ว อีกอย่างไปก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร”

“แกกล้าเหรอ!” ศศินัดดาจ้องเขา “ถ้าวันนี้แกไป พรุ่งนี้ ฉันจะให้อารีหย่ากับแก แกไม่เอาไหนขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ ยอมพัฒนาตัวเอง พึ่งพาตัวเอง แกได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ของ พวกคุณชายเชี่ยวนะ!”

ศศินัดดาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างรพีพงษ์กับผู้นำ ตระกูลกุลสวัสดิ์ ครั้งก่อนนภที่ป์แค่พูดว่ารพีพงษ์ทำให้เขา ขายหน้า แต่ไม่ได้บอกว่ารพีพงษ์ทำอะไร คนที่ไปร่วมงาน เลี้ยงในคืนนั้นก็ไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำ ตระกูลกุลสวัสดิ์กับรพีพงษ์ พวกเขาคิดว่ารพีพงษ์แค่ดวงดี เท่านั้น

รพีพงษ์หน่ายใจ เขาทำได้เพียงหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ หลังจากถามที่อยู่จากศศินัดดา เขาก็รีบขี่รถ มอเตอร์ไซค์ออกไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท