พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่180

บทที่180

บทที่180 รถคันนี้เป็นของพวกเธอจริงๆหรอ

อำเภอหยก เป็นเมืองหินหยกดั้งเดิมที่ขึ้นชื่อในแถบเมือง ชลาลัย ที่นี่ผลิตหยก ทุกปีจะมีหยกจำนวนมากโผล่ออกมา ทุกคนให้สมญานามว่าธานีแห่งหยกงามผู้ที่ชอบสะสมหยก และขุดหยก ก็จะมาเที่ยวชมอำเภอหยกนี้

เพราะหลายปีมานี้การค้าหยกของอำเภอหยกเฟื่องฟูเป็น อย่างมาก ทุกๆครัวเรือนล้วนมีความเป็นอยู่ที่ดี

แล้วธุรกิจหยกที่ใหญ่ที่สุดในนั้น คือจิรายุศ ที่อำเภอ หยก ไม่มีใครไม่รู้จักจิรายุศชื่อนี้ เพราะสถานะของจิรายุศในอำเภอหยกนี้สูงมาก ดังนั้น

ทุกคนจึงเรียกเขาว่าท่านยุด ทุกคนที่อำเภอหยกล้วนหวัง

ที่จะเป็นเพื่อนกับท่านยุด

โมไนยโชคดีที่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจิรายุศคน หนึ่ง ปรางทิพย์ถึงได้ชอบเขา แล้วยังเป็นตัวแทนคนรุ่น ใหม่ยอดเยี่ยมของอำเภอหยกอีกด้วย รัศมีเปล่งปลั่ง

ด้านหน้าสถานีขนส่งอำเภอหยก โมไนยและปรางทิพย์ ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ข้างถนนพอดี ข้างกายพวกเขาจอดรถออ ดีคันใหม่เอาไว้ เพ่งมองดูผู้คนที่ผ่านไปมา

เพราะเป็นสถานีขนส่ง ดังนั้นถึงได้มีจำนวนคนเยอะ มากมาย เมื่อกี้โมไนยกว่าจะจอดรถได้ก็ไม่ง่ายเลย

ไม่ไกลจากที่นี่ก็คือทางออกของทางด่วน อารียาจะต้อง ออกจากทางด่วนตรงนี้ ดังนั้นปรางทิพย์และโมไนยจึงมารออยู่ที่นี่ก่อน

“คนใหญ่คนโตที่ท่านยุดต้อนรับคือใคร ไม่ได้บอกคุณ หรอ?” ปรางทิพย์ถาม

โมไนยส่ายหัว แล้วกล่าว “คนที่ท่านยุดต้อนรับ ต้องเป็น คนระดับเดียวกับเขาแน่นอน ผมจะสานสัมพันธ์ได้ไงกัน ผมอยู่ที่นั่นแป็ปนึง ก็ให้ผมออกมาแล้ว” ปรางทิพย์พยักหน้า แล้วกล่าว “สนเขาทำไม เรื่องของ

คนใหญ่คนโต ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา พวกเรารอเยาะเย้ย

ครอบครัวอารียาดีกว่า”

โมไนยก็หัวเราะตาม แล้วกล่าว “ผมล่ะอยากเห็น ว่าพวก เขาขับรถอะไรกันมา”

“ยังต้องถามอีกหรอ ต้องเป็นรถมือสองร้ายๆแน่ๆ เทียบ กันออดี้ของเราไม่ได้หรอก ถึงแม้ไม่ใช่มือสอง ก็ต้องเป็น แบบที่ถูกมากๆแน่ๆ ไม่แน่อาจเป็นรถตู้ก็ได้นะ” ปรางทิพย์ หัวเราะพลางกล่าว

โมไนยหัวเราะก๊าก แล้วกล่าว “ถ้าเป็นรถตู้จริงๆล่ะก็ นั่น

ก็ตลกเกินไปแล้วปะ”

ทั้งคู่เพ่งมองไปรถที่ขับผ่านไปมา มองเห็นรถร้ายๆหน่อย ก็จะเพ่งดูเป็นพิเศษ ดูว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในใช่ครอบครัวอารี ยาหรือไม่

ผ่านไปไม่นาน ปรางทิพย์เห็นคนหลายคนเดินมา มอง อย่างตั้งใจ เป็นครอบครัวอารียาพอดี

ใบหน้าปรางทิพย์เต็มไปด้วยความสงสัย ในใจคิดพวกเขาไม่ใช่ว่าขับรถมากันหรอ ทำไมตอนนี้เปลี่ยนเป็นเดินมา แล้วล่ะ หรือพวกเขารู้สึกอับอาย ดังนั้นจึงนั่งรถโดยสาร มา?

ปรางทิพย์รีบดึงโมไนยแล้วเดินไปยังครอบครัวของอารี ยาที่นั่น แล้วกล่าว “นั่นก็คือครอบครัวของอารียา”

ทั้งคู่เดินไปตรงหน้าของครอบครัวอารียา ปรางทิพย์ถาม อย่างอารมณ์แปลกๆว่า “อารี พวกแกไม่ใช่ว่าขับรถมาหรอ ทำไมถึงได้เดินกลับมาล่ะ?”

อารียามองไปยังปรางทิพย์ แล้วกล่าว”ตรงนั้นคนเยอะ เกินไป รถขับเข้ามาไม่ได้ พวกเราจึงได้เดินมา มาเจอพวก เธอก่อน”

ที่แท้ก็จอดรถไว้ตรงนั้น

โมไนยสงสัยขึ้นมาทันใด ถึงแม้ตรงนั้นจะเป็นสถานีรถ ขนส่ง คนมากอยู่ก็จริง แต่ถ้าขับช้าๆก็มาได้ ทำไมพวกเขา ถึงพูดว่าขับมาไม่ได้?

“คุณป้า คุณลุง ฉันแนะนำให้พวกคุณรู้จัก นี่คือโมไนย แฟนของฉัน ตอนนี้ทำงานอยู่กับท่านยุด รายได้ต่อปีก็หลัก ล้าน” ปรางทิพย์กล่าว

ศศินัดดาและศักดาทั้งคู่พยักหน้า ไม่ได้มีปฏิกิริยา โต้ตอบอะไรมากนัก

ตอนนี้พวกเขาอยู่วิลล่าที่ราคากว่าสิบล้าน แล้วยังขับรถ ราคาสี่ล้านกว่า ที่บ้านยังมีวัตถุโบราณที่ราคาร้อยกว่าล้าน หลายชิ้น แค่หลักล้านสำหรับพวกเขาแล้วไม่มีค่าใดๆ
ปรางทิพย์เห็นพวกเขาไม่มีปฏิกิริยาต้อตอบใดๆ ในใจคิด พวกเขาต้องอิจฉาความเก่งของโมไนยแน่ๆ ในใจเหยียด หยามขึ้นมาทันที

เพื่อทำให้ครอบครัวอารียาอับอาย ดวงตาของปรางทิพย์ ก็ดูไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “อารี แกพาไอ้สวะนี่กลับมา จริงๆด้วยอะ ตอนนี้เขายังเกาะเมียกินอยู่ใช่ไหม? ดูสิดูสิ ความแตกต่างระหว่างคนเรา ไม่เทียบกันไม่ได้จริงๆนะ โมไนยของฉัน เก่งกว่าเขาหลายสิบเท่า”

อารียาขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “รพีพงษ์ก็เก่งมาก”

เห็นอารียาโต้ตอบ ปรางทิพย์รีบประชดขึ้นทันใด “เขา เก่ง? อย่าตลกไปหน่อยเลย เขาก็แค่ไอ้สวะคนนึงเท่านั้น”

“ใช่แล้ว รพีพงษ์ แกไม่ใช่ขับรถกลับมาหรอ รถคันนี้ของ แกขับยากล่ะซิ ดูรถใหม่คันนี้ของโมไนยสิ ออดี้ สี่แสนกว่า นะ เป็นยังไงบ้าง อิจฉาล่ะสิ?” ปรางทิพย์กล่าวอย่างสะใจ

โมไนยก็ยืดอก ใบหน้ามั่นใจอย่างมาก

“คุณป้า คุณลุง เดี่ยวพวกคุณนั่งรถของโมไนยกลับล่ะ กัน รถคันนี้ของเขาสบาย ต้องดีกว่ารถของรพีพงษ์แน่นอน ไอ้รพีพงษ์นี่ก็จริงๆนะ ให้พวกคุณนั่งรถร้ายๆกลับมา ใช้ไม่ ได้จริงๆ” ปรางทิพย์มองไปที่ศศินัดดาและศักดา

ทั้งคู่อยากหัวเราะขึ้นมา พวกเรามีรถคันละสี่ล้านกว่าไม่ นั่ง แล้วไปนั่งรถของแกคันล่ะสี่แสนกว่า? นี่ไม่ใช่ทำให้ตัว เองลำบากหรอ

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “รถของผมจอดอยู่ทางนั้นหรือพวกคุณไปดูกันไหม?”

ปรางทิพย์และโมไนยไม่คิดว่ารพีพงษ์ยังมีหน้าจะให้พวก เขาไปดูรถอีก ตกลงอย่างหัวเราะเยาะเย้ย

ศศินัดดาและศักดาก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของ ปรางทิพย์ ในใจคิดเดี่ยวเห็นรถคันล่ะสี่ล้านกว่าของ ครอบครัวเรา ดูสิพวกแกยังจะมั่นหน้าแบบนี้อยู่อีกไหม

ทุกคนเดินไปทางนั้น มองดูคนที่สถานีขนส่งที่เพิ่มมาก ขึ้น รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ในใจคิดอีกแป๊ปจะฝ่าตรงนี้ไปยังไง

ไม่นาน ทุกคนก็เดินมาถึงจุดที่จอดรถของรพีพงษ์ ตรง นั้นมีผู้คนรายล้อมอยู่จำนวนมาก ทุกคนมองปอร์เช่ของรพี พงษ์อย่างประหลาดใจ

ถึงแม้ช่วงหลายปีมานี้อำเภอหยกจะเจริญก้าวหน้า แต่ก็ เป็นแค่อำเภอ รถหรูปอร์เช่แบบนี้มีน้อย มากสุดก็ แค่BMWออดี้เหล่านั้น

ทันใดนั้นรถปอร์เช่หนึ่งคันปรากฏขึ้นมาที่นี่ ทุกคนล้วน ประหลาดใจด้วยกันทั้งนั้น และอยากมาดู

“เชรดดด ปอร์เช่911 และแล้วอำเภอของเราก็มีปอร์เช่ ซักที นี่คงไม่ใช่ของท่านยุดหรอกนะ?” โมไนยประหลาดใจ

“ปอร์เช่911? รถแบบนั้นแพงมากหรอ?” ปรางทิพย์ถาม “สี่ล้านกว่านะ เพียงพอที่จะรถคันนี้ของผมสอบคันเลย

นะ” โมไนยกล่าว ปรางทิพย์ตกใจ ไม่คิดว่ารถคันนี้จะแพงได้ขนาดนี้
ขณะนี้ รพีพงษ์ก็หัวเราะขึ้นมา ปรางทิพย์ชักตาไปที่เขา แล้วกล่าว “แกหัวเราะอะไรของแก รถคันนั้นจะแพงขนาด ไหน ก็ไม่ใช่ของแก”

“รถของพวกแกอยู่นี้ไม่ใช่หรอ คันไหนล่ะ?” ปรางทิพย์

ถาม

รพีพงษ์ชี้ไปที่ปอร์เช่นั้น แล้วกล่าว “ก็อยู่ตรงนั้นไง”

ปรางทิพย์และโมไนยมองไปตามมือของรพีพงษ์ ตรงนั้น นอกจากปอร์เช่แล้ว ก็ยังมีรถตู้ร้ายๆจอดอยู่อีกคัน พวก เขาคิดไปเองว่ารถตู้คันนั้นเป็นของรพีพงษ์

“ปราง กูๆแล้วคุณพูดไว้ไม่มีผิดนะ รพีพงษ์นี่สวะโดยแท้ จริงๆ ยังขับรถแบบนี้กลับมาอีก งามหน้าจริงๆ” โมไนย กล่าว อย่างไม่คิดถึงความรู้สึกของรพีพงษ์แต่อย่างใด

“ฉันบอกคุณแล้ว เขาก็แค่ปลิงดูดเลือด คุณยังหวังที่จะ ให้เขาเอารถดีๆมาจากไหนอีก” ปรางทิพย์กล่าวอย่าง เหยียดหยาม

ทุกคนเดินไปที่ข้างหน้ารถตู้นั้น ปรางทิพย์หันไปมองอารี ยา แล้วกล่าว “ช่วงหลายปีมานี้แกคงใช้ชีวิตลำบากมาก สินะ อยู่กับสวะรพีพงษ์นี้ ขับรถตู้ร้ายๆแบบนี้ แล้วยังมีหน้า ให้พวกเราดูอีก ฉันไม่เหมือนกัน มีแฟนที่เก่งอย่างโมไนย แกอิจฉาก็คงจะอิจฉาไม่ไหวล่ะ”

อารียาใช้สายตามองบนกับเธอ แล้วกล่าว”ใครบอกแกว่า รถตู้คันนี้เป็นรถของรพีพงษ์”

ปรางทิพย์ตาโต แล้วกล่าว “นี่ก็มีแค่สองคัน ไม่ใช่รถตู้คันนี้ หรือรถของรพีพงษ์คือปอร์เช่คันนั้น?”

“อย่าตลก ถ้าเขาขับปอร์เช่ ก็ไม่ถูกเรียกว่าสวะแล้ว” โมไนยหัวเราะพลางกล่าว

“รถของปมก็คือปอร์เช่คันนั้น” รพีพงษ์กล่าว

ปรางทิพย์มองรพีพงษ์เหมือนมองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แกทำเพื่อเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ก็ไม่ควร ทำแบบนี้ปะ แกคิดว่าแค่แกบอกว่ารถคันนี้ของแก แล้วมัน จะเป็นของแกจริงๆหรอ? ตลก”

รพีพงษ์เอากุญแจรถปอร์เช่ออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขย่าต่อหน้าปรางทิพย์ แล้วกด ไฟของปอร์เช่ก็กระพริบ ขึ้นมาสองครั้ง

คนบริเวณนั้นเห็นไฟของปอร์เช่กระพริบขึ้นมา จึงรีบหัน กลับ แล้วมองรพีพงษ์อย่างอิจฉา

“นี่คือเจ้าของปอร์เช่หรอเนี่ย เจ๋งฉะมัด”

รถคันละสี่ล้านกว่าเลยนะ เมื่อไหร่ฉันจะมีปัญญาได้ขับ รถแพงๆแบบนี้บ้างนะ

“ไม่ต้องพูดล่ะ ให้ฉันได้ลูบๆคลำๆ ฉันก็ดีใจจนนอนไม่ หลับแล้ว

ปรางทิพย์และโมไนยทั้งคู่แข็งที่อ ใบหน้าพวกเขาทั้งคู่ มองไปที่กุญแจที่อยู่ในมือรพีพงษ์อย่างไม่เชื่อ ไม่คาดคิด ว่ารถที่รพีพงษ์พูดถึง จะเป็นปอร์เช่คันนี้จริงๆ
นี่….นี่เป็นรถของพวกแกจริงหรอ?” ปรางทิพย์มองไปที่ อารียาและรพีพงษ์

“ไม่งั้นล่ะ” อารียามองบน

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ปรางทิพย์น้ำเสียงตกใจ แล้วกล่าว “กุญแจนี้รพีพงษ์ต้องขอขโมยมาแน่ๆ พวกแกให้รพีพงษ์ ขโมยกุญแจของรถที่แพงขนาดนี้ เขาทำผิดกฎหมาย!”

ศศินัดดาได้ยินปรางทิพย์พูดแบบนี้ ก็เครียดขึ้นมา แล้ว กล่าว “แกพูดบ้าอะไร นี่จะขโมยได้ไง”

“ไอ้สวะรพีพงษ์นี่จะมีปัญญาซื้อรถแพงๆแบบนี้ได้ไง นี่ ต้องขโมยกุญแจคนอื่นมาแน่ๆ คุณป้า หรือคุณป้าจะ ปกป้องรพีพงษ์หรอ นี่ทำผิดอยู่นะ” ปรางทิพย์มั่นใจว่า กุญแจนี้รพีพงษ์ขโมยมา

ครอบครัวศศินัดดาเริ่มเสียอารมณ์ แต่รพีพงษ์กลับรู้สึก ตลก ในใจคิดไม่แปลกที่เป็นครอบครัวเดียวกับศศินัดดา ลักษณะการแถ เหมือนกันทุกประการ

ตอนนี้ประตูรถปอร์เช่ถูกเปิดออก มีเสียงตะลึงของผู้คน ออกมา “ประตูรถเปิดแล้ว ในรถยังมีคนอยู่อีก!”

ปรางทิพย์ดูรพีพงษ์อย่างดูแคลน แล้วกล่าว “เข้าของรถ เค้าอยู่ในรถหนะ แกยังมีอะไรที่จะพูดอีก รอให้เขาลงมา ฉันจะให้เขาแจ้งความจับแก”

“พูดถูก เข้าของรถเค้ายังอยู่ แกยังกล้าพูดว่านี่คือรถ ของแกอีก แกนี่มั่นหน้าเลือดจริงๆ!” โมไนยพูดเสริม

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร ครอบครัวอารียามองปรางทิพย์เหมือนมองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น

ต่อมา คนบนรถลงมา ปรางทิพย์และโมไนยจะเดินไป

ฟ้อง

แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นคนที่ลงจากรถแล้ว ก็ชะงักใน

ทันที

“ธีริทธิ์ ทำไมแกถึงอยู่ในรถนี้?” ปรางทิพย์ตะลึงแล้ว

กล่าว

“ผมนั่งรถนี้กลับมาสิ” ธีริทธิ์กล่าว เมื่อกี้เขานั่งเล่นเกมอยู่ บนรถ ไม่ได้ลงไป

“รถคันนี้เป็นของใคร?” ปรางทิพย์ถาม

“เป็นของพี่เขยผมหนะสิ เป็นไง เจ็งอะดิ ปอร์เช่911 สี่ ล้านกว่านะ” ธีริทธิ์หัวเราะพลางกล่าว

ในใจปรางทิพย์เต็มไปด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ ธีริทธิ์ก็พูด แล้วว่ารถนี้เป็นของรพีพงษ์ งั้นก็ไม่น่าที่จะขโมยมาแล้ว

เขาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วถาม “แก…..แกเป็นแค่ไอ้สวะ ไม่ใช่หรอ ทำไมถึงซื้อรถแพงๆคันนี้ได้?”

ตอนนี้เองศศินัดดาก้าวออกมา แล้วกล่าว “รถคันนี้เขา ซื้อที่ไหน ลูกสาวฉันซื้อต่างหาก” ได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ โมไนยก็รู้สึกดีขึ้นมานิด แต่ ปรางทิพย์ยิ่งเสียใจ เพราะนี่หมายถึง หน้าที่การงานของ

อารียา ดีกว่าเธอเยอะ

แล้วเธอยังบอกกับอารียาอีกว่าจะหางานที่เงินเดือนหกพันหยวนให้

“พวกเราไม่พูดเรื่องนี้แล้ว คิดดีกว่าว่าจะฝ่าตรงนี้ไปได้ ยังไง” อารียากล่าว

ปรางทิพย์พีมพาทันที “หี รถคันนี้มีดีอะไร เรียกคนมา เยอะขนาดนี้ ไปก็ไปไม่ได้ สู้ออดี้ของโมไนยก็ไม่ได้

ถึงแม้ปากพูดแบบนี้ แต่ก็ดูออกว่าด้วยใบหน้าว่าเธอ

อิจฉา

ในตอนที่กำลังคิดว่าจะฝ่าฝูงชนนี้ไปได้อย่างไร มีเสียง บีบแตรดังมาจากใกล้ๆ

เป็นรถฮาเลย์ดิวิชั่นคันแล้วคันเล่าขับผ่านไป ทำเอาคน บนถนนต้องหลบข้างๆสองข้างทาง ความจริงเป็นถนนที่ แน่นแต่กลับกลายเป็นกว้างใหญ่

รถโรลล์รอยส์ขับมาทางนี้ เมื่อเห็นรถคันนี้ ทุกคนก็เริ่ม ส่งเสียงดังขึ้นมา ไม่ได้สนใจรถปอร์เช่ของรพีพงษ์แล้ว โมไนยก็ตาลุกวาว แล้วจะโกน “นั่นมันรถของท่านยุดนี้!

รถโรลล์รอยส์คันเดียวของอำเภอหยกนี้ ทำไมเขาถึงมาที่

นี่!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท