พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่211 คนชั้นต่ำ

บทที่211 คนชั้นต่ำ

บทที่211 คนชั้นต่ำ

เมื่อภูศิตาได้ยินคำพูดของไชยพศแล้ว สีหน้าก็ซีด ลงทันใด เธอในฐานะภรรยาของไชยพศ ปกติผู้คนก็ ชอบประจบประแจงเธอ ไม่เคยถึงขึ้นต้องก้มหัว ขอโทษใคร

แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเธอก็เป็นแค่หญิงจนๆคนหนึ่ง ปกติเวลาที่เธอเจอคนแบบนี้ ก็จะดุด่า และคนประเภท นี้ก็จะไม่กล้าพูดอะไร

แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องเจอกับรพีพงษ์ รพีพงษ์ ยังรู้จักกับธฤตญาณ ถ้าตอนนี้เธอไม่คุกเข่าคำนับล่ะก็ ก็เหมือนกับไม่ให้เกียรติธฤตญาณ งั้นสามีเธอขอความ ช่วยเหลือจากธฤตญาณก็ทำไม่ได้แล้ว ถึงเวลานั้น ชีวิตที่มีความสุขของเธอก็จะจบลง

เธอกัดฟัน สูดหายใจลึกๆ คุกเข่าคำนับให้กับชนิส ราหลายครั้ง แล้วตะโกนอย่างไม่หยุดว่า “ได้โปรดอภัย ให้ฉัน ต่อไปฉันจะไม่ทำมันอีก”

ชนิสราเห็นภูสิตาคุกเข่าคำนับให้เธอ ก็ตกใจแล้ว รีบห้ามภูศิตา แล้วกล่าว “คุณอย่าทำแบบนี้ อันนี้ฉันรับ ไว้ไม่ได้นะ ฉันไม่ได้โทษคุณ”

“เจ๊ คุณให้เธอคุกเข่าคำนับเถอะ หญิงบ้าคนนี้ถ้า ไม่เสียเปรียบบ้าง ไม่แน่อนาคตอาจสร้างปัญหาใหญ่ ให้ผมได้นะ” ไชยพศเดินไป แล้วเอามือของชนิสราที่ ห้ามภูสิตาออก
ภูสิตาด่าในใจ แล้วคิดว่าไชยพศคือสามีของเธอ จริงๆหรือเปล่า ทำไมถึงอยากให้เธอคุกเข่าคำนับ ขนาดนี้

ถึงแม่ในใจคิดแบบนี้ แต่ภูสิตาก็ไม่กล้าพูดอะไร ไม่มีใครห้ามเธอ เธอทำได้เพียงคุกเข่าคำนับต่อไป

ผ่านไปไม่นาน หน้าผากของภูสิตาก็เริ่มซ้ำเขียว คำนับจนหน้าผากเกือบแตก

ชนิสราเห็นภูสิตายังไม่หยุดคุกเข่าคำนับ ก็หันไป ดูรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ไม่งั้นก็เท่านี้ล่ะกัน เธอคุกเข่า คำนับมานานขนาดนี้แล้ว ฉันให้อภัยเธอแล้ว”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “พอล่ะ”

ภูสิตาเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วรีบหยุด ทันที

“คุณจำใส่กะลาหัวไว้นะ คราวหลังถ้าอยู่ข้างนอก แล้วยังคุณกล้ายั่วผมด้วยเรื่องแบบนี้ ผมจะไม่ปล่อย คุณไว้แน่!” ไชยพศตะคอกใส่ภูสิตา

ภูสิตารีบพยักหน้า ไม่กล้าฝ่าฝืนใดๆ

ไชยพศมองไปที่ธฤตญาณด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าว “พี่รฤต ไม่ทราบว่าคุณพอใจหรือยัง?”

ธฤตญาณถามรพีพงษ์ “ยังต้องให้เธอชุดใช้ค่า เสียหายใดๆไหม?”

“ไม่จำเป็นแล้ว ให้เธอจำไว้เป็นบทเรียนก็พอแล้วถ้าแกมีธุระก็เป็นทำก่อนล่ะกัน ไม่ต้องห่วงที่นี่แล้ว” รพี พงษ์กล่าว

ไชยพศมองไปที่รพีพงษ์ ในใจสงสัย ไม่เข้าใจว่า ทำไมธฤตญาณถึงได้เคารพคนนี้ขนาดนี้

แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือ ไม่ว่าตัวตนรพีพงษ์จะ เป็นใคร เขาก็แตะต้องไม่ได้ อนาคตถ้าเจอรพีพงษ์ เดินหลบไปเลยจะดีกว่า

ธฤตญาณพยักหน้า แล้วกล่าว “โอเค งั้นฉันไปล่ะ ถ้ามีอะไรแกโทรหาฉันล่ะกัน”

ต่อมาธฤตญาณและไชยพศก็ไปด้วยกัน พาภูสิตา ออกจากที่นี่

คนรอบข้างเห็นทุกอย่างจบลงแล้ว ก็แยกย้ายกัน ก่อนจากไปทุกคนใช้สายตานับถือมองไปยังรพีพงษ์ ล้วนรู้สึกว่าเรื่องราวในวันนี้รพีพงษ์ทำได้ดีมาก

ผู้คนเหล่านั้นที่ก่อนหน้านี้ดูถูกรพีพงษ์ก็ก้มหัว อย่างอับอาย

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันแล้ว รพีพงษ์และอารี ยาทั้งคู่เดินไปข้างหน้าของชนิสรา นัยน์ตาเต็มไปด้วย น้ำตา

“สาวน้อย เด็กน้อย วันนี้ต้องขอบคุณพวกเธอ จริงๆ ถ้าไม่ใช่พวกเธอล่ะก็ วันนี้ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จริงๆ ฉันออกมาหางานทำคนเดียว จะมีเงินมากขนาด นั้นชดใช้เธอได้ยังไง ยิ่งกว่านั้นลูกสาวฉันก็กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ฉันยังต้องหาหาเงินส่งเธอเรียน ฉัน….”

ชนิสราพูดไปพูดมา ก็ตื่นตระหนก อดกลั้นไว้ไม่ ไหว ก็ร้องไห้ออกมาทันที

อารียารีบปลอบโยน หยิบกระดาษทิชชู่ออกมา แล้วซับน้ำตาให้เธอ

“เจ๊ ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไรล่ะก็ มาเป็นแม่บ้านที่ บ้านพวกเราเถอะ พวกเรากำลังหาแม่บ้านอยู่พอดี เพียงแค่คุณสามารถทำงานบ้านได้ก็พอแล้ว” รพีพงษ์ กล่าว

ชนิสรามองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “เด็กน้อย ความจริงครั้งนี้ที่ฉันมาหางานทำ ก็คือทำงานแม่บ้าน แต่เค้ารังเกียจที่ฉันมาจากบ้านนอก จึงไม่มีใครรับ คุณ ยอมให้ฉันไปทำงานที่บ้านจริงๆหรอ?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “แน่นอน เพียงแค่ไม่รู้ ว่าตอนนี้เป็นแม่บ้าน เงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ คุณบอก ผมหน่อยได้ไหม ผมจะได้ให้เงินเดือนถูก”

“ตอนนี้เงินเดือนของแม่บ้านปกติอยู่ที่เดือนล่ะห้า พันโดยประมาณ ถ้าคุณรับฉันจริงๆล่ะก็ ให้ฉันเดือน ล่ะสามพันก็พอแล้ว งานบ้านทุกอย่างฉันทำได้หมด รับรองว่าพวกคุณต้องพอใจเป็นแน่” ชนิสรากล่าว

เธอรู้สึกว่ารพีพงษ์และอารียาทั้งคู่เป็นคนดี ดังนั้น ถึงแม้ให้เงินเดือนน้อยสักหน่อย เธอก็ยินยอมที่จะทำงานให้รพีพงษ์พวกเขา

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “งั้นเอา งี้ ผมให้คุณเดือนล่ะ หนึ่งหมื่น คุณรับรองว่าบ้านจะไม่รกก็เป็นอันว่าโอเค แล้ว ปกติก็แค่ทำกับข้าวอะไรประมาณนี้ แน่นอน งาน บ้าน อาจจะเหนื่อยสักหน่อย”

ชนิสราตาโตขึ้นมาทันมี มองรพีพงษ์ด้วยความไม่ เชื่อ ริมฝีปากสั่นคลือ ” หนึ่ง หนึ่งหมื่นหยวน ไม่ได้ ไม่ได้ มากไป เพียงแค่ทำงานบ้านเท่านั้น จะใช้เงิน เยอะขนาดนี้ได้ไง”

อารียายิ้มพลางกล่าว “เจ๊ คุณไม่ต้องเกรงใจหรอก งานบ้านของพวกเราค่อนข้างเยอะ รอคุณไปเดี่ยวคุณ ก็จะรู้เอง”

ชนิสรากลืนน้ำลาย เธอไม่คิดไม่ฝัน ว่าตัวเองจะ สามารถหางานที่เงินเดือนหนึ่งหมื่นหยวนได้

รพีพงษ์ดูชุดที่ชนิสราสวมใส่มันเก่าแล้วจริงๆ ก็ คิดว่าจะไปซื้อชุดให้เธอสองตัว แบบนี้ใส่แล้วจะได้ รู้สึกสะอาดขึ้นหน่อย พวกเขาดูแล้วก็สบายตา

ชนิสรายังคงยืนยันว่าจะไม่ให้รพีพงษ์ซื้อชุดให้ รพีพงษ์ให้เงินเดือนเธอหมื่นหยวนก็ทำให้เธอ ประหลาดใจแล้ว แต่รพีพงษ์บอกว่าถ้าชนิสราไม่เอา ชุดใหม่ ก็จะไม่รับเธอมาทำงานแล้ว ชนิสราไม่มี ทางออก ทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น

ทั้งสามไปซื้อเสื้อผ้าสองชุดด้วยกัน แล้วกลับไปดงเย็นด้วยกัน

หลังจากที่ชนิสราเห็นวิลล่าหลังใหญ่ของรพีพงษ์ ชะงักขึ้นมาทันที

เธอยืนอยู่นอกวิลล่า อ้าปากค้าง ไร้ซึ่งปฏิกิริยา โต้ตอบอยู่นาน “เจ๊ นี่คือบ้านของผม ต่อไปคุณอยู่ที่นี่แล้วกัน ข้าง

ในมีห้องเพียงพอ พอดีบ้านค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นผมถึง ได้ให้เงินเดือนคุณขนาดนั้น คุณก็อย่ารู้สึกไม่ดี เงิน เดือนระดับนี้ก็พอดี” รพีพงษ์กล่าว

“ใช่แล้วเจ๊ ข้างในนี้มีที่ให้ทำความสะอาดเยอะ มาก ต่อไปต้องรบกวนคุณแล้วแหละ “อารียากล่าว

ชนิสราได้ยินทั้งคู่พูดแบบนี้ ก็ไม่ได้เกรงใจอีก หายใจลึกๆแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะ ตั้งใจทำงาน จะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวัง”

รพีพงษ์และอารียาหัวเราะ จากนั้นก็พาชนิสรา เข้าไปในวิลล่า

ศศินัดเด็กกำลังกวาดบ้าน เห็นประตูเปิดออก รีบทิ้ง ไม้กวาดลงจากมือ แล้วด่า “รพีพงษ์ แกมันสมควรตาย รีบมากวาดบ้านให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันย้ายมานี่ ไม่ใช่เพื่อ ทำงานบ้านให้แก!”

ชนิสราเห็นดังนี้ รีบไว้เข้าไป หยิบไม้กวาด แล้ว กล่าว “ฉันกวาดเองค่ะ ต่อจากนี้ไปในบ้านฉันจะ ทำความสะอาดเอง”
ศศินัดดาดูชนิสรา ใบหน้าแปลกใจ แล้วถาม “แก เป็นใคร นี่เป็นบ้านของฉัน แกมากวาดพื้นที่นี่ทำไม?”

“แม่ ท่านนี้คือรพีพงษ์ให้มาเป็นแม่บ้าน พี่สา” อารี ยากล่าว

ศศินัดดาชักตาทันที แล้วกล่าว “มีรพีพงษ์อยู่ ยัง จะหาแม่บ้านอีกทำไม แม่บ้านไม่ต้องจ่ายเงินหรอ งาน บ้านให้รพีพงษ์ทำก็ได้แล้ว”

“แม่ คุณหยุดไร้สาระสักที รพีพงษ์มีเวลาทำงาน บ้านที่ไหน” อารียาพูดอย่างไม่พอใจ

ศศินัดดามองรพีพงษ์อย่างดุร้าย แล้วกล่าว “ได้รพี พงษ์ แกยอมที่จะให้เงินคนนอก แต่ไม่ให้ฉัน แกอยาก จะเป็นปฏิปักษ์กับฉันใช่ไหม ตอนนี้กล้าที่จะไม่ขอ อนุญาตฉัน แล้วหาแม่บ้านเอง แกชักจะเหิมเกริมไป แล้ว!”

รพีพงษ์มองไปที่ศศินัดดา แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ผม หาแม่บ้านทำไมต้องได้รับการอนุญาตจากคุณ? คุณ อย่าเกินไป”

“นี่คือบ้านฉัน ทำไมไม่ขออนุญาตฉัน!” ศศินัดดา ตะคอกออกมา

“งั้นผมไปซื้อวิลล่าใหม่อีกสักหลัง ต่อจากนี้ไปค่า ส่วนกลางที่นี่คุณจ่ายเองแล้วกัน แบบนี้คุณพอใจหรือ ยัง?” รพีพงษ์กล่าว

ศศินัดดาไม่พูดอะไรต่อ แค่พึมพำพึมพำ หันไปหาชนิสรา ด้วยใบหน้าไม่พอใจ

หลังจากจัดห้องให้ชนิสราแล้ว รพีพงษ์ก็ให้เธอ อาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่ ชนิสราทำความสะอาดบ้านใหม่ อีกครั้ง ข้างนอกข้างในทำความสะอาดอย่างเอี่ยมอ่อง ศศินัดดารู้ว่าตนเองไม่ต้องทำความสะอาดแล้ว จากนั้น ก็ไม่พูดกับรพีพงษ์เรื่องแม่บ้านอีกต่อไป

วันรุ่งขึ้น อารียาและรพีพงษ์ออกไปพร้อมกัน วันนี้ เป็นวันที่อารียาไปบริษัทตระกูลฉัตรมงคลเพื่อรับ หน้าที่ประธาน อารียาเตรียมตัวมากมาย ครั้งนี้เธอจะ ต้องทำให้คนเหล่านั้นของตระกูลฉัตรมงคลที่ดูแคลน เธอกลับมาให้ได้

แล้วรพีพงษ์ก็ไปประกบอารียา เพื่อช่วยอารียาให้ เป็นประธานบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลอย่างราบรื่น

หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว ชนิสราก็เริ่มทำงาน บ้าน ศศินัดดานั่งที่โซฟาอย่างชิวๆ กินเมล็ดแตงไป พลางดูชนิสราทำงานบ้านไปพลาง

“ชนิสรา แกมานี่หน่อย” ศศินัดดากล่าว ชนิสรารีบเข้าไปกวดพวกนั้นทันที

“กวาดเปลือกของเมล็ดแตงที่อยู่บนพื้นให้ฉัน หน่อย”

ชนิสราทะความสะอาดเมล็ดแตงพวกนั้นจนหมด

ศศินัดดาเห็นเธอทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ก็แกะเมล็ดแตงอีกหลายเม็ด พุ้ยเปลือกลงไปบนพื้น
ชนิสรารีบกวาดเปลือกพวกนั้นออกไป

ศศินัดดาเห็นดังนี้ ก็หัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าว “พวกชั้นต่ำแบบแกนี้ ชั่งเชื่อฟังจริงๆ เข้ามาเช็ด รองเท้าให้ฉันหน่อย”

ชนิสราก็ไม่กล้าพูดอะไร รีบก้มลงเช็ดรองเท้าให้ กับศศินัดดา ศศินัดดาหัวเราะดูแคลน แล้วถีบไปที่ ร่างกายของชนิสราโดยตรง ให้เธอนั่งลงบนพื้น

ศศินัดดาหัวเราะ ราวกับสิ่งที่ทำไปนั้นชั่งน่าสนใจ

ยิ่งนัก

ชนิสราขมวดคิ้วมองไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าว “พี่

นัดดา นี่คุณกำลังทำอะไร?”

“ทำไม แกเป็นคนใช้ของบ้านฉัน ฉันจะทำอะไรกับ แกก็ได้ แกมีปัญหา?” ศศินัดดาเหยียดหยาม

“พี่นัดดา ถึงแม้ฉันคือแม่บ้าน แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรี ฉัน ไมาใช่ทาส กรุณาให้เกียรติฉันด้วย” ชริสรากล่าว

ศศินัดดายืนขึ้น แล้วตบไปที่หน้าของชริสรา ด่า “แกไอ้คนใช้มีสิทธิ์พูดด้วยหรอ? ทำงานให้ฉัน ไม่งั้น ฉันจะไล่แกออก!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท