พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่235 จดหมายของนนทภู

บทที่235 จดหมายของนนทภู

บทที่235 จดหมายของนนทภู

ในสวนรพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ และในใจเขาก็มีความรู้สึก มีอารมณ์อยู่เล็กน้อย ไม่คิดว่าตัวเองกลับไปที่บ้านของ ตระกูลลัดดาวัลย์อีกครั้ง ผู้คนและสิ่งต่างๆที่นี่จะเปลี่ยนไป มาก

แม้รพีพงษ์จะกลายเป็นคนธรรมดา แต่ก็สามารถเห็นได้ว่า การรักษาใจสังคมที่เต็มไปด้วยโคลนนี้ เป็นเรื่องยากเพียง ใด

ดังนั้นรพีพงษ์ในใจของรพีพงษ์จึงมีแค่อารียาเพียงคนเดียว เป็นเพราะมุกตาภามีความสามารถนี้

แม้จะเผชิญกับสิ่งล่อใจที่มากมายเพียงใด อารียาก็ไม่เคย ปล่อยให้ตัวเองสับสน แม้ว่าเธอจะมีข้อบกพร่องมากมายทั้ง ใหญ่และเล็ก แต่รพีพงษ์ก็ไม่สนใจ แค่รักษาหัวใจของเธอไว้ ก็เพียงพอที่จะทำให้รพีพงษ์รู้สึกหลงรักได้

“ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินเธอคงยังไม่ได้ทานข้าวมาใช่มั้ย หิวหรือยัง?” ในตอนนี้มีเสียงดังขึ้นด้านหลังรพีพงษ์

รพีพงษ์หันกลับไป มองเห็นโยษิตาไม่รู้ว่ามายืนอยู่หลังเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่

ถ้าโยษิตาไม่พูด เขาก็ไม่มีความรู้สึกอะไร ตอนนี้โยษิตาพูด ขึ้นมา เขาก็รู้ว่าท้องตัวเองก็หิวขึ้นมา

โยษิตามองท่าทางของรพีพงษ์ออก ยิ้มแล้วพูด: ด้านแม่ ของเธอจัดเตรียมของกินไว้เรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับมาที่นี่สักพักแล้ว สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลลัดดาวัลย์ น่าจะรู้อะไรมาบ้าง ก็ถึงเวลาที่จะไปพบแม่เธอแล้ว”

รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ ก็ไม่อะไรอีก และพูดว่า: “พาผมไป เถอะครับ”

โยษิตาพารพีพงษ์เดินเข้าไปในส่วนที่ลึกของสวน ไม่นาน ทั้งสองคนก็เดินมาถึงสวนที่วีธราอยู่คนเดียว

โยษิตาพารพีพงษ์เดินเข้าห้องด้านใน รพีพงษ์เห็นว่า เค้าโครงของที่นี่ไม่ต่างจากตอนที่เขายังเป็นเด็ก และความ รู้สึกคุ้นเคยก็ผุดขึ้นในใจ

มีโต๊ะอยู่กลางห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร

ในตอนนี้บนเตียงด้านใน วีธรากำลังนอนป่วยอยู่ หลังจากที่ เห็นรพีพงษ์เข้ามา ก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที ตามด้วยอาการไอ รุ่นแรง

“รพี ใช่ลูกหรือเปล่า? รพีของฉัน ในที่สุดแม่ก็เจอลูกสักที” วีธราจ้องไปที่รพีพงษ์พร้อมน้ำตา ถ้าหากการแสดงของเธอ เป็นที่รู้จัก ก็คงได้รับรางวัลตุ๊กตาทองแน่

ดวงตาทั้งคู่ของรพีพงษ์มองไปที่เธออย่างสงบ หลังจาก ประสบกับสิ่งต่างๆตลอดทั้งปี รพีพงษ์ยอมแพ้ให้กับวีธรา ตอนนี้ต่อให้หล่อนจะทำยังไงกับรพีพงษ์ รพิพงษ์ก็ไม่มีทางที่ จะรู้สึกเหมือนเดิมกับเขาอีกแล้ว

“ครั้งนี้ที่ผมกลับมา ก็เพื่อจดหมายที่พ่อทิ้งไว้ให้ คุณก็ไม่ ต้องมาแสดงต่อหน้าผมแล้ว เอาจดหมายที่พ่อทิ้งไว้มาให้ผม ด้วย ผมเอาจดหมายแล้ว ก็จะรีบออกจากที่นี่ทันที”รพีพงษ์

กล่าว
สีหน้าของวีธราก็เต็มไปด้วยความเสียใจ แล้วพูด: “รพี เรื่อง เมื่อก่อนคือแม่ทำไม่ถูก ลูกให้อภัยแม่ได้มั้ย ลูกก็เห็นสภาพ ของแม่ตอนนี้แล้ว กิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ แม่ก็ไม่ดูแล ได้อีกไม่กี่วันแล้ว ตระกูลลัดดาวัลย์ตอนนี้ต้องการลูกนะ ลูก อยู่นี่ รับช่วงกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ต่อนะ”

“ต่อให้ผมไม่รับช่วงต่อ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็เจริญรุ่งเรือง อยู่ดี ที่สำคัญตำแหน่งนี้มีผู้คนหลายคนต้องการ ไม่จำเป็น ต้องเป็นผมมารับช่วงต่อ คุณก็ยังมีน้องสาวอีกคนไม่ใช่เหรอ คุณตายไปแล้ว เธอก็ยังสามารถรับช่วงตระกูลลัดดาวัลย์ ต่อได้”รพีพงษ์หันไปมองโยษิตา

วีธรากัดริมฝีปาก แล้วลงจากเตียง เดินโซเซไปหารพีพงษ์ ด้วยเท้าที่ไม่มั่นคง และล้มลงกับบนพื้น

เมื่อตอนนี้ที่รพีพงษ์เห็นวีธรากำลังจะล้มเขา คิดในใจจะ เข้าไปช่วยพยุง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับ

เมื่อโยษิตาเห็นสิ่งนี้ รีบไปช่วยพยุงวีธราขึ้นมา และขมวด คิ้วมองไปที่รพีพงษ์ พร้อมตะโกน : “รพีพงษ์ ถึงยังไงหล่อน เป็นแม่ของเธออยู่ดี เธอยืนดูหล่อนล้มลงเฉยๆแบบนี้ และไม่ ช่วยพยุงเลยเหรอ?”

รพีพงษ์เม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร โยษิตาพูด ขนาดนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าเมื่อกี้เขาก็ควรเขาไปช่วยพยุง จริงๆ

เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนวีธราทำกับรพีพงษ์ไร้ความรู้สึกเกินไป

ดังนั้นเลยทำให้รพีพงษ์เฉยเมย

“เธออย่าว่าให้รพีอย่างนี้ ในตอนนั้นฉันไม่ดีเอง ในใจเขาจะรู้สึกแค้นฉันก็เป็นเรื่องธรรมดา ฉันรู้ดีว่าจะให้เขาหาย โกรธแค้น เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องที่ยาก ฉันไม่โทษเขา”วีธรา หลังจากที่ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบาก แล้วก็พูด

“พี่ พี่ไม่น่าปล่อยให้ไอ้หมอนี่ที่ใจแข็งไร้ความรู้สึกกลับมา

เลย” โยษิตากล่าวอย่างโกรธเคือง

“ไม่เป็นไร ฉันเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ความหวังสุดท้าย ก็ คืออยากเจอรพีพงษ์ เพียงเจอเขา ฉันก็สบายใจแล้ว เสียใจ เพียงอย่างเดียว ก็คือในช่วงชีวิตนี้ไม่สามารถชดเชยให้เขา ได้ ทำให้เขายกโทษให้ฉันได้”

วีธราพูดไปด้วย ก็ร้องไห้ขึ้นมา

ดวงตาของโยษิตายังจ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยน้ำตา พร้อม ด้วยสายตาตำหนิ

รพีพงษ์ทั้งสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทำให้ใจกระตุก เพียงแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า

“เอาจดหมายฉบับนั้นออกมานะ ฉันไม่อยากทำให้พวกคุณ เสียเวลา” รพีพงษ์กล่าว

“ก็ได้ ก็ได้ ลูกนั่งลงทานอะไรไปก่อน เดี๋ยวแม่จะไปหา จดหมายมาให้ ลูกยังไม่ได้ทานข้าวไม่ใช่เหรอ ลูกทานของ ก่อน รอลูกทานของแล้ว แม่ค่อยไปเอาจดหมายมาให้ลูก”วี ธรากล่าว

จากนั้นเธอก็หันไปและเดินไปหาจดหมายอย่างสั่นๆ

โยษิตามองรพีพงษ์ แล้วพูด: “เธอไม่นั่งลงก่อนเหรอ? อาหารบนโต๊ะนี้คือหล่อนทนความกับเจ็บปวดของร่างกาย ทำให้เธอเลยนะ ถ้าเกิดเธอกลับมารอบนี้ก็เพื่อจดหมายนี้อาหารที่หล่อนทำให้เธออย่างยากลำบากถ้าเธอไม่ทานสักคำ กลัวว่าจนจะตาย หล่อนก็ยังเสียใจ”

“โยษิตา เธออย่าพูดแบบนี้ กับข้าวแค่ไม่กี่อย่างเอง รพีพงษ์ ไม่อยากทาน ก็อย่าไปบังคับเขาเลย” วีธราหันกลับมาพูด

รพีพงษ์ทำอะไรไม่ถูก เห็นว่าทั้งสองคนพูดเช่นนั้น จึงเดิน ไปที่หน้าโต๊ะและนั่งลง เมื่อเห็นว่าจานบนโต๊ะมีแต่ของที่เขา ชอบทานตอนเด็ก ในใจของเขาก็รู้สึกสั่นสะเทือนเล็กน้อย

เขาหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วชินอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ทานไป หนึ่งคำ เขาก็ขมวดคิ้ว จานนี้ดูเหมือนจะมีอะไรที่ผิดปกติ

“พวกคุณใส่อะไรลงไปในกับจานนี้?”รพีพงษ์ถาม

“น่าจะวางไว้นานไปหน่อย รสชาติเลยเปลี่ยนไปหน่อย ร่างกายฉันไม่ไหวละ ฝีมือการทำอาหารยังลดลงไปมาก ถ้า รสชาติไม่ถูกปากเธอ ก็อย่าทานเลย”

วีธราเดินมาพร้อมจดหมายในมือ นั่งลงตรงข้ามกับรพีพงษ์ รพีพงษ์เห็นจดหมายฉบับนั้น ก็รีบโยนเรื่องอาหารทีิ้งไว้ ด้านหลังเลย ในหัวเหลือเพียงแต่จดหมายฉบับนี้

“เอาจดหมายให้ผม” รพีพงษ์กล่าว

วีธราก็ยื่นจดหมายนี้ให้ ในขณะที่รพีพงษ์จะรับจด ก็พบว่า มือของวีธรานั้นดูแลได้ดีมาก ท่าทางไม่เหมือนกับคนที่นอน จะตายก่อนหน้านั้นเลย

ที่สำคัญไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนของเขาหรือเปล่า เขารู้สึกว่า สีหน้าของวีธราเห็นได้ชัดว่าดีขึ้นกว่าเมื่อกี้มา

หลังจากที่เขารับจดหมายมาแล้ว ก็รีบเปิดออกมา หยิบเอากระดาษด้านในออกมา แล้วดูอย่างตั้งใจ

ลายมือบนจดหมายเป็นของนนทภูจริงๆ แล้วลายมือของน นทภูไม่ใช่เรื่องที่จะเลียนแบบได้ง่ายๆ รพีพงษ์ยืนยันได้ทันที ว่าจดหมายนี้เป็นของจริง

ในจดหมายนนทภูเต็มไปด้วยตักเตือนถึงรพีพงษ์ เตือนให้ รักษาใจ และระลึกถสอนของบรรพบุรุษ ส่วนเขาไปไหน ไม่ ได้เอ่ยอะไร

รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที เขาคิดไม่ถึง ที่นนทภูทิ้งไว้ให้ ก็เป็นแค่จดหมายธรรมดาฉบับหนึ่ง

ดังนั้นวีธราถึงกล้าเอาจดหมายนี้ให้รพีพงษ์ดู จดหมายไม่ ได้เปิดเผยข้อมูลที่มีมูลค่าใดๆ เธอไม่ได้สนใจเลยว่านนทภู ไปไหน เป้าหมายสำคัญของเธอ เพื่อหลอกล่อให้รพีพงษ์มา เท่านั้นเอง

แต่ในไม่ช้า รพีพงษ์ก็ได้ค้นพบความลึกลับของการเขียน จดหมาย จดหมายของนนทภูนั้นดูไปแล้วธรรมดา และไม่มี ข้อมูลที่มีมูลค่าใดๆเลย อันที่จริงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งหมดถูกซ่อนไว้โดยวิธีการพิเศษ

ตอนที่รพีพงษ์ยังเด็กมาก นนทภู กูได้สอนวิธีการสื่อสารข้าม สาย วิธีนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเห็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใน จดหมาย และทิ้งตัวหนังสือไว้ในที่พิเศษ

รพีพงษ์มองไปที่จดหมายทันทีโดยใช้วิธีข้ามสายข้อความ และในไม่ช้า ก็พบตัวหนังสือไม่กี่ตัวที่สำคัญที่สุด

“การไปชมเขา เป็นเรื่องยากอันตราย ความสามารถไม่ เพียงพอ ก็สามารถหาฉันได้ ระวังวีธรา วางกับดัก”
จดหมายทั้งฉบับ ข้อมูลที่เหลือทิ้งไว้ มีเพียงเล็กน้อย เท่านั้น

เห็นได้จากคำเหล่านี้ว่า นนทภูน่าจะไปยังสถานที่ที่เรียกว่า เทือกเขากิสนา และเขายังบอกให้รพีพงษ์รอจนกว่าจะแข็ง แรงพอถึงจะหาเขา ประโยคสุดท้ายคือเตือนให้รพีพงษ์ระวังวี ธรา อย่าตกหลุมพรางของเธอ

เมื่อเขาพบคำพูดสุดท้าย หัวใจของรพีพงษ์ก็แน่นขึ้น และ ลางสังหรณ์ที่ไม่สบายใจก็เข้ามาในหัวใจของเขาทันที

ดูเหมือนว่านนทภูรู้ตั้งแรกว่าวีธราผิดปกติ แม้ว่านนทภูจะ ไม่ได้ถูกวีธราทำร้าย แต่เขาก็ยังเตือนรพีพงษ์ ให้ระวังวี ธรา

ผู้หญิงคนนี้ ไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิดเลย

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่วีธรา และพบว่าวีธรากำลังจ้อง มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม และใบหน้าของเธอ ก็หายไปจาก สภาพที่ไม่สบายก่อนหน้านี้ และทั้งคนก็มีเรี่ยวแรงมากขึ้น

“อ่านจบหรือยัง? อ่านจบแล้ว ก็ทานกับข้าวอีกหน่อยสิ นี่น่า จะเป็นอาหารที่ดีที่สุดในช่วงที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ผ่านวันนี้ไป เธอคงจะไม่มีโอกาสได้ทานอีกแล้ว”วีธราแสยะยิ้ม

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท