มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำพลาดอย่างที่สุดในชีวิตนี้
ลิปตาหันมองไปที่ชรินทร์ทิพย์ ก็เกิดความโมโห ขึ้นมาอย่างทันที ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะถูกชักจูงโดย ชรินทร์ทิพย์ให้มาทำร้ายรพีพงษ์ลาะก็ พวกเขาจะมี จุดจบแบบนี้ได้อย่างไรกัน
เขากัดฟัน แล้วยกมือขึ้น ตบเข้าไปบนใบหน้า ของชรินทร์ทิพย์ แล้วด่า “ต้องโทษมึงอีกระหรี่ ถ้า ไม่ใช่เพราะถึงที่บอกว่ามันเป็นแค่ไอ้สวะ ไม่งั้นกูจะ ฟังถึงได้ไง ว่าให้มาเก็บเขา สิ่งที่โชคร้ายที่สุดใน ชีวิตก ก็คือการที่มีผู้หญิงแบบถึงมาเป็นแฟน!”
ตอนนี้ชรินทร์ทิพย์ชาไปหมดทั้งตัว ลิปตาตบ เธอไปหนึ่งฉาด เธอกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆโต้ตอบ เพียงแค่มองไปที่รพีพงษ์อย่างเหม่อลอย ในหัวก็เต็ม ไปด้วยความงงงวย
เรื่องมากมายที่เกิดขึ้นมาสมัยก่อนได้ผุดขึ้นใน หัวของเธอ เมื่อก่อนเธอมักจะคิดว่า ที่ตระกูลลัดดา วัลย์มอบสิ่งของให้นั้น เป็นเพราะคนของตระกูลลัด ดาวัลย์ชอบเธอ อยากจะสู่ขอเธอเป็นภรรยา เธอรอ คอยเรื่องนี้มายาวนาน
จนกระทั่งเมื่อโยษิตามาที่ตระกูลฉัตรมงคลเพื่อ เอาของกลับไป ชรินทร์ทิพย์เพิ่งจะรู้ว่าตระกูลลัดดา วัลย์ไม่ได้มีเธออยู่ในสายตา และก็ไม่มีใครชอบเธอทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอวาดในเอาเองทั้งนั้น
เพียงแต่ตอนนั้นเธอยังคิดไม่ออก ในเมื่อตระกูล ลัดดาวัลย์ไม่ได้มาสู่ขอ แล้วจะมามอบของใหทำไม กัน? แล้วสิ่งที่ทำให้เธอไม่เข้าใจเลยก็คือ หลังจากที่ โยษิตาเอาของกลับไปแล้วนั้น ยังจะเอาไปให้กับอารี ยาอีก นี่ทำให้เธอไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เมื่อเธอได้ยินประดิพุทธิ์เปิด เผยตัวตนของรพีพงษ์แล้ว เพิ่งจะเข้าใจทุกสิ่งทุก อย่าง
ที่แท้ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต ให้เกียรติกับ ตระกูลฉัตรมงคลนั้น ล้วนเป็นเพราะรพีพงษ์ นี่พวก เขามองว่าเป็นไอ้สวะมาโดยตลอด
ชรินทร์ทิพย์ยิ้มอย่างเป็นทุกข์ เธอไม่รู้ว่าจะ อธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาว่าอย่างไรดี เธอรู้ เพียงแค่ ตั้งแต่เริ่ม เธอก็ได้ทำความผิดอย่างใหญ่ หลวงแล้ว หรือจะพูดว่า ทั้งตระกูลฉัตรมงคลได้ ทำความผิดอย่างใหญ่หลวงเลยก็ว่าได้
รพีพงษ์ได้ยินประดิพุทธิ์เปิดเผยตัวตนของตน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย แต่ตอนนี้ก็ไม่มี ความจำเป็นใดๆที่จะต้องปกปิดชรินทร์ทิพย์อีกต่อ ไป เธอจะรู้หรือไม่นั้นก็ไม่ได้สำคัญอะไร
“รพีพงษ์ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรเชื่อชรินทร์ทิพย์ หาคนมาจัดการคุณ นี่เป็นความผิดของชรินทร์ ทิพย์ทั้งนั้น ต่อจากนี้ไปถึงแม้คุณจะใช้ผมเยี่ยงทาส ผมก็ยินยอมทั้งกายและใจ” ลิปตาโศกเศร้า แล้ว คำนับให้กับรพีพงษ์
พี่พนเห็นดังนี้ ก็รีบคำนับตาม ด้วยสีหน้าที่ เสียใจอย่างสุดซึ้ง
ประดิพุทธิ์เห็นพวกเขาอ้อนวอน ก็ได้เข้าไปถีบ พวกเขาต่อ แล้วด่า “ตอนนี้พวกมึงรู้ที่จะอ้อนวอน แต่ ก็สายไปล่ะ! พี่รพี คุณจะจัดการกับพวกเขายังไง ไม่ ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับผม ลูก น้องที่ไร้สมองแบบนี้ ผมอยากเปลี่ยนตั้งนานแล้ว”
รพีพงษ์ยืนขึ้นจากเก้าอี้ แล้วกล่าวอย่างเรียบๆว่า “ทำให้ขามันพิการแล้วโยนไปเป็นขอทานตามถนน
จากนั้นเขาก็เดินออกไปข้างนอก เขาไม่ใช่ พระพุทธเจ้า วันนี้ที่ชรินทร์ทิพย์ทั้งสามจะเอาชีวิต เขา เขาไม่ได้ให้ประดิพุทธิ์เก็บพวกเขาทั้งสาม ก็ ถือว่าเมตตาขนาดไหนแล้ว”
“รพีพงษ์” ชรินทร์ทิพย์เพิ่งจะไหวตัวทันตอน นี้ อยากอ้อนวอนรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ก็ได้เดินจากไป แล้ว
ลิปตาและพี่พนทั้งคู่ได้มองไปที่ประดิพุทธิ์ แล้ว อ้อนวอนต่อประดิพุทธิ์
“พี่พูด ขอพี่ได้โปรดเห็นแก่พวกเราที่อยู่กับพี่มา ตั้งหลายปีด้วยนะ ไว้ชีวิตพวกเราสักครั้งเถอะ ต่อไป พวกเราจะไม่ทำอีกแล้ว”
ประดิพุทธิ์บึนปาก แล้วกล่าว “พวกมึงอยู่กับกูมา ตั้งนาน นอกจากจะหาเรื่องให้แล้วยังทำอะไรได้ บ้าง? เรื่องของวันนี้ไม่มีทางอื่น พวกมึงทั้งสาม
ยอมรับชะตากรรมเถอะ”
เมื่อพูดจบ เขาส่งสัญญาณไปที่ลูกน้อง แล้วเดิน ออกจากห้องทำงาน ตามรพีพงษ์ไป
ไม่นาน ในห้องทำงานก็มีเสียงโอดครวญดังขึ้น มา คนจำนวนไม่น้อยในโซนเกมส์ล้วนได้ยินเสียง แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ล้วนคิดว่าเป็น เสียงของบ้านผีสิงที่อยู่ข้างๆ ทำให้คนพวกนั้นหวาด กลัวกันเป็นแถวๆ
ในร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามกับโซนเกมส์ สีหน้า อันนายังคงเคร่งเครียดเช่นเดิม เธออยากไปดู สถานการณ์ในโซนเกมส์ซักหน่อย แต่ทว่ารชนิชล ไม่ให้เธอไป
“ไม่งั้นพวกเราไปกันดีกว่า นานขนาดนี้แล้ว ยัง ไม่ออกมาอีก เกรงว่ารพีพงษ์จะโดนเก็บไปแล้ว” จิร โชติกล่าว
“เป็นไปไม่ได้ รพีพงษ์ไม่มีทางโดนทำร้ายจนเสียชีวิต ” อันนาปฏิเสธทันที
“แกเลิกไร้เดียงสาได้แล้ว รพีพงษ์ทำผิดต่อ ประดิพุทธิ์ แกคิดว่าเขาจะออกมาโดยไม่เป็นอะไร เลยหรอ? แม้ไอ้นิ่จะเก่ง แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูของพวก ประดิพุทธิ์ เขาไม่มีความสามารถ มีกำลังก็ไม่มีประ โยชน์ใดๆ จิรโชติกล่าว
เขายังคงโมโหรพิพงษ์ โดยเฉพาะตอนที่รพีพงษ์
ได้ทำสถิติชนะเขาในการวัดกำลังหมัด ดังนั้นเมื่อรู้ ว่าตอนนี้รพีพงษ์ยั่วโมโหประดิพุทธิ์ ในใจเขาก็รู้สึกมี ความสุขขึ้นมาทันที
“ดูนั่น มีคนเดินออกมาแล้ว !” ตอนนี้รชนิชล ตะโกนออกมา
อันนาและจิรโชติหันมองไปที่โซนเกมส์นั้น ดูเหมือนว่ารพีพงษ์นี้จะโดนจัดการแล้ว แกไอ้ โอ้อวด นี่แหละคือจุดจบของแก จิรโชติพีมพำในใจ
ตอนนี้พวกเขาได้เห็นคนที่เดินออกมาจากข้าง ใน ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นรพีพงษ์ แล้วยังออกมาใน สภาพครบสมบูรณ์
จิรโชติงงทันใด แล้วกล่าว “นี่ ทำไมไอ้นี่ออก มาแล้วล่ะ แล้วดูมัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ไม่เป็นอะไรแล้ว อันนาก็ โล่งอก ยิ้มแล้วกล่าว “ฉันบอกแล้วว่ารพีพงษ์ไม่เป็น อะไร เขาไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกแกคิดไว้”
“เขาก็แค่ไอ้เหลือขอปะ มีอะไรที่ไม่ธรรมดา นี่ เพราะโชคดีแน่ๆ ….พระเจ้า ประดิพุทธิ์เดินตามออก มา ทำไมเขาแลดูเคารพรพีพงษ์ขนาดนี้” ความจริง จิรโชติอยากจะเหยียบย่ำรพีพงษ์ แต่หลังจากที่เห็น ประดิพุทธิ์ตามออกมา ก็ชะงักทันใด
“ประ..ประดิพุทธิ์อำเภอนกฟ้า เคยนอบน้อม ให้ใครด้วยหรอ? เหมือนเขากลัวรพีพงษ์อย่างมาก พูดคุยอย่างเชื่อง นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม” รชนิ ชลก็กล่าวอย่างแปลกใจ
อันนาจ้องไปที่รพีพงษ์ เธอรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ ธรรมดา แต่ไม่คิดมาก่อนว่ารพีพงษ์จะเก่งกาจขนาด นี้ สามารถทำให้ประดิพุทธิ์รับใช้ได้ แสดงว่าตัวตน
ของเขาต้องน่าเกรงขามเป็นแน่ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อันนาก็ผิดหวังขึ้นมา เพราะถ้า ตนตัวของรพีพงษ์นั้นน่าเกรงขามจริงๆล่ะก็ งั้นเธอก็
ไม่คู่ควรกับรพีพงษ์
ในขณะที่ทั้งสามกำลังตั้งใจมองอยู่นั้น รพีพงษ์ ก็ได้เข้าไปนั่งบนรถของประดิพุทธิ์ แล้วก็จากโซน เกมส์ไป
รชนิชลมองไปที่อันนา แล้วกล่าว “อันนา แกมีวิธี ติดต่อรพีพงษ์นั่นไหม เขาเก่งกาจขนาดนี้ ถ้าแกได้ เป็นแฟนเขา ไม่แน่ต่อไปครอบครัวของเราก็จะเจริญ ก้าวหน้าขึ้นนะ”
อันนามองไปที่รชนิชลด้วยสายตาเบื่อหน่าย แล้วกล่าว “เมื่อก่อนมองว่าเขาเป็นไอ้กระจอกไม่ใช่ หรอ ทำไมตอนนี้ถึงอยากให้หนูเป็นแฟนเขาแล้ว ล่ะ?”
รชนิชลรู้สึกอาย ที่ถูกอันนาพูดแบบนี้ใส่ ทำให้ เธอรู้สึกว่าตนเองทำไม่ถูกจริงๆ “ก็เมื่อก่อนฉันไม่รู้ไง อันนา ฉันขอโทษแกยังไม่พออีกหรอ แกต้องฉวย โอกาสเอาไว้ให้ได้นะ คนแบบนี้ ไม่ใช่จะเจอได้ง่ายๆ ถ้าแกเป็นแฟนเขาได้ ดีกว่าการที่เป็นแฟนกับจิรโชติ เสียอีก”
จิรโชติมองไปที่รชนิชล รู้สึกไม่พอใจ ไม่คิดมา ก่อนว่ารชนิชลจะเอาเขาไปเปรียบกับรพีพงษ์ได้
แต่คิดๆดูแล้ว เขาก็เทียบกับรพีพงษ์ไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยในชีวิตนี้สิ่งที่เขาทำไม่ได้เลยอย่าง แน่นอนคือการที่ทำให้ประดิพุทธิ์เคารพนอบน้อม
อันนาไม่ได้ใส่ใจทั้งสอง เธอหยิบมือถือของ ตนเองขึ้นมา ติดต่อไปยังรพีพงษ์ แล้วบอกว่าเธออยู่ ตรงข้ามโซนเกมส์เห็นรพีพงษ์เดินออกมาแล้ว
จากนั้นเธอก็ได้ถามรพีพงษ์อีกว่าต่อไปจะมี โอกาสได้เจอกันอีกไหม เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ เพราะตัวตนของรพีพงษ์เป็นเหตุผลให้เธอไม่ สามารถเข้าถึงเขาได้อีกแล้ว อาจเป็นไปได้มาก ที่รพี พงษ์ไม่ได้สนใจเธอตั้งแต่แรก แต่ทว่าผ่านไปไม่นาน มากนัก เธอได้รับข้อความตอบกลับจากรพีพงษ์ แค่ เพียงสี่คำสั้นๆ “เจอกันเมื่อถึงเวลา”
อันนาทั้งผิดหวังทั้งหมดอาลัยตายอยาก เธอรู้ ว่าที่รพีพงษ์พูดแบบนี้ การที่จะพบกันของพวกเขาก็ น้อยลงไปทุกที แต่เธอก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากนัก ใน เมื่อเธอไม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับรพีพงษ์ได้งั้น เธอก็ต้องพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่วันไหน เธออาจจะมีสิทธิ์ที่จะมีจุดยืนสูงส่งเช่นเดียวกับรพี พงษ์ก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นเธอค่อยหาวิธีการเจอกับรพี พงษ์ก็แล้วกัน
หลังจากกลับไปยังคฤหาสน์ รพีพงษ์เพิ่งจะเข้า ประตูไป ก็เห็นจารุณีกำลังจ้องไปที่เขาอย่างโมโห เกรี้ยวกราด
“แกแอบฉันไปหาผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม!” จารุณี กล่าวอย่างโมโห
รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วกล่าว “ผมไปเดินเล่นเท่านั้น”
“ชิ คุณไปเดินเล่นแต่ไม่พาฉันไปด้วย ไม่รักฉัน แล้วล่ะซิ” จารุณีท้าวสะเอว ด้วยท่าทางที่น่ารัก
รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้เขา อยากเพียงแค่ส่งเด็กสาวคนนี้กลับไปเท่านั้น ติดซีรี่ย์ มากไป ก็ปัญหาเยอะ
ตอนนี้ประดิพุทธิ์เดินเข้ามา แล้วกล่าวต่อรพี พงษ์ว่า “พี่รพี ผมได้อธิบายอาการของพี่ให้กับหมอ ท่านนั้นไปแล้ว เขาบอกว่าสามารถรักษาพี่ได้”
รพีพงษ์หันไปมอง แล้วกล่าว “ใช้เวลานานเท่า ไหร่?”
“เร็วสุดสองวัน” ประดิพัทธ์ตอบ
รพีพงษ์พยักหน้า ชี้ไปที่จารุณี แล้วกล่าว “ถ้างั้น ก็ให้เขาดูเธอด้วยล่ะกัน ฉันว่าเธอก็น่าจะมีปัญหา เหมือนกันนะ ปัญหาหนักเลยล่ะ ซีรีย์ดราม่าตอนนี้ ทันชั่งทำร้ายคนได้จริงๆ”
จารุณีโมโห รีบไล่ตีรพีพงษ์ทั่วห้อง
ประดิพุทธิ์เฝ้ามองเหตุการณ์ ผลันคิดว่าแต่ไหน แต่ไรมาไม่เคยมีใครทำให้รพีพงษ์ปวดหัวได้มาก ขนาดนี้มาก่อน
“ถ้าสาวน้อยคนนี้เป็นภรรยารองให้กับรพีพงษ์ล่ะก็ เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว เสียดายก็แต่ พี่ รพีรักเดียวใจเดียวเกินไป เกรงว่าสาวน้อยจะไม่ สมหวังเสียแล้ว”
หลังจากที่ชรินทร์ทิพย์ทั้งสามได้ยินคำพูดของ ประดิพุทธิ์แล้ว ร่างกายแข็งที่อ สีหน้ายิ่งซีดเข้าไป ใหญ่ สายตาของชรินทร์ทิพย์ทั้งคู่แทบจะถลุงออก มา เธอคิดไม่ถึง ว่ารพีพงษ์จะมีตัวตนที่น่าเกรงขาม ได้ขนาดนี้
“เขา…เขาคือคนของตระกูลลัดดาวัลย์เมือง
เกียวโต?” ลิปตากล่าวด้วยเสียงสั่นคลอ ด้วยใบหน้า ที่สิ้นหวัง สีหน้าของพี่พนก็หวาดกลัวเช่นกัน มองไปที่ สายตาของรพีพงษ์ อย่างกับเห็นสัตว์ร้ายอย่างใด
อย่างนั้น
อำเภอนกฟ้าอยู่ข้างๆกับเกียวโต สำหรับพวกที่มี ความสามารถเก่งกาจของเกียวโตนั้น คนที่นี่จะรู้ได้ ในทันทีว่าตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตนั้นมีอำนาจ มากมายขนาดไหน พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจน เฉก เช่นประดิพุทธิ์คนใหญ่คนโตอันดับหนึ่งของอำเภอ นกฟ้านี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต ก็ยังคงเป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อหลังจากที่ประดิพุทธิ์บอกว่ารพีพงษ์ คือคนของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตแล้วนั้น นี่