พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่251 แม้แต่เทพเจ้าก็ช่วยอะไรพวกถึงไม่ ได้

บทที่251 แม้แต่เทพเจ้าก็ช่วยอะไรพวกถึงไม่ ได้

มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำพลาดอย่างที่สุดในชีวิตนี้

ลิปตาหันมองไปที่ชรินทร์ทิพย์ ก็เกิดความโมโห ขึ้นมาอย่างทันที ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะถูกชักจูงโดย ชรินทร์ทิพย์ให้มาทำร้ายรพีพงษ์ลาะก็ พวกเขาจะมี จุดจบแบบนี้ได้อย่างไรกัน

เขากัดฟัน แล้วยกมือขึ้น ตบเข้าไปบนใบหน้า ของชรินทร์ทิพย์ แล้วด่า “ต้องโทษมึงอีกระหรี่ ถ้า ไม่ใช่เพราะถึงที่บอกว่ามันเป็นแค่ไอ้สวะ ไม่งั้นกูจะ ฟังถึงได้ไง ว่าให้มาเก็บเขา สิ่งที่โชคร้ายที่สุดใน ชีวิตก ก็คือการที่มีผู้หญิงแบบถึงมาเป็นแฟน!”

ตอนนี้ชรินทร์ทิพย์ชาไปหมดทั้งตัว ลิปตาตบ เธอไปหนึ่งฉาด เธอกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆโต้ตอบ เพียงแค่มองไปที่รพีพงษ์อย่างเหม่อลอย ในหัวก็เต็ม ไปด้วยความงงงวย

เรื่องมากมายที่เกิดขึ้นมาสมัยก่อนได้ผุดขึ้นใน หัวของเธอ เมื่อก่อนเธอมักจะคิดว่า ที่ตระกูลลัดดา วัลย์มอบสิ่งของให้นั้น เป็นเพราะคนของตระกูลลัด ดาวัลย์ชอบเธอ อยากจะสู่ขอเธอเป็นภรรยา เธอรอ คอยเรื่องนี้มายาวนาน

จนกระทั่งเมื่อโยษิตามาที่ตระกูลฉัตรมงคลเพื่อ เอาของกลับไป ชรินทร์ทิพย์เพิ่งจะรู้ว่าตระกูลลัดดา วัลย์ไม่ได้มีเธออยู่ในสายตา และก็ไม่มีใครชอบเธอทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอวาดในเอาเองทั้งนั้น

เพียงแต่ตอนนั้นเธอยังคิดไม่ออก ในเมื่อตระกูล ลัดดาวัลย์ไม่ได้มาสู่ขอ แล้วจะมามอบของใหทำไม กัน? แล้วสิ่งที่ทำให้เธอไม่เข้าใจเลยก็คือ หลังจากที่ โยษิตาเอาของกลับไปแล้วนั้น ยังจะเอาไปให้กับอารี ยาอีก นี่ทำให้เธอไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เมื่อเธอได้ยินประดิพุทธิ์เปิด เผยตัวตนของรพีพงษ์แล้ว เพิ่งจะเข้าใจทุกสิ่งทุก อย่าง

ที่แท้ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต ให้เกียรติกับ ตระกูลฉัตรมงคลนั้น ล้วนเป็นเพราะรพีพงษ์ นี่พวก เขามองว่าเป็นไอ้สวะมาโดยตลอด

ชรินทร์ทิพย์ยิ้มอย่างเป็นทุกข์ เธอไม่รู้ว่าจะ อธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาว่าอย่างไรดี เธอรู้ เพียงแค่ ตั้งแต่เริ่ม เธอก็ได้ทำความผิดอย่างใหญ่ หลวงแล้ว หรือจะพูดว่า ทั้งตระกูลฉัตรมงคลได้ ทำความผิดอย่างใหญ่หลวงเลยก็ว่าได้

รพีพงษ์ได้ยินประดิพุทธิ์เปิดเผยตัวตนของตน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย แต่ตอนนี้ก็ไม่มี ความจำเป็นใดๆที่จะต้องปกปิดชรินทร์ทิพย์อีกต่อ ไป เธอจะรู้หรือไม่นั้นก็ไม่ได้สำคัญอะไร

“รพีพงษ์ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรเชื่อชรินทร์ทิพย์ หาคนมาจัดการคุณ นี่เป็นความผิดของชรินทร์ ทิพย์ทั้งนั้น ต่อจากนี้ไปถึงแม้คุณจะใช้ผมเยี่ยงทาส ผมก็ยินยอมทั้งกายและใจ” ลิปตาโศกเศร้า แล้ว คำนับให้กับรพีพงษ์

พี่พนเห็นดังนี้ ก็รีบคำนับตาม ด้วยสีหน้าที่ เสียใจอย่างสุดซึ้ง

ประดิพุทธิ์เห็นพวกเขาอ้อนวอน ก็ได้เข้าไปถีบ พวกเขาต่อ แล้วด่า “ตอนนี้พวกมึงรู้ที่จะอ้อนวอน แต่ ก็สายไปล่ะ! พี่รพี คุณจะจัดการกับพวกเขายังไง ไม่ ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับผม ลูก น้องที่ไร้สมองแบบนี้ ผมอยากเปลี่ยนตั้งนานแล้ว”

รพีพงษ์ยืนขึ้นจากเก้าอี้ แล้วกล่าวอย่างเรียบๆว่า “ทำให้ขามันพิการแล้วโยนไปเป็นขอทานตามถนน

จากนั้นเขาก็เดินออกไปข้างนอก เขาไม่ใช่ พระพุทธเจ้า วันนี้ที่ชรินทร์ทิพย์ทั้งสามจะเอาชีวิต เขา เขาไม่ได้ให้ประดิพุทธิ์เก็บพวกเขาทั้งสาม ก็ ถือว่าเมตตาขนาดไหนแล้ว”

“รพีพงษ์” ชรินทร์ทิพย์เพิ่งจะไหวตัวทันตอน นี้ อยากอ้อนวอนรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ก็ได้เดินจากไป แล้ว

ลิปตาและพี่พนทั้งคู่ได้มองไปที่ประดิพุทธิ์ แล้ว อ้อนวอนต่อประดิพุทธิ์
“พี่พูด ขอพี่ได้โปรดเห็นแก่พวกเราที่อยู่กับพี่มา ตั้งหลายปีด้วยนะ ไว้ชีวิตพวกเราสักครั้งเถอะ ต่อไป พวกเราจะไม่ทำอีกแล้ว”

ประดิพุทธิ์บึนปาก แล้วกล่าว “พวกมึงอยู่กับกูมา ตั้งนาน นอกจากจะหาเรื่องให้แล้วยังทำอะไรได้ บ้าง? เรื่องของวันนี้ไม่มีทางอื่น พวกมึงทั้งสาม

ยอมรับชะตากรรมเถอะ”

เมื่อพูดจบ เขาส่งสัญญาณไปที่ลูกน้อง แล้วเดิน ออกจากห้องทำงาน ตามรพีพงษ์ไป

ไม่นาน ในห้องทำงานก็มีเสียงโอดครวญดังขึ้น มา คนจำนวนไม่น้อยในโซนเกมส์ล้วนได้ยินเสียง แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ล้วนคิดว่าเป็น เสียงของบ้านผีสิงที่อยู่ข้างๆ ทำให้คนพวกนั้นหวาด กลัวกันเป็นแถวๆ

ในร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามกับโซนเกมส์ สีหน้า อันนายังคงเคร่งเครียดเช่นเดิม เธออยากไปดู สถานการณ์ในโซนเกมส์ซักหน่อย แต่ทว่ารชนิชล ไม่ให้เธอไป

“ไม่งั้นพวกเราไปกันดีกว่า นานขนาดนี้แล้ว ยัง ไม่ออกมาอีก เกรงว่ารพีพงษ์จะโดนเก็บไปแล้ว” จิร โชติกล่าว

“เป็นไปไม่ได้ รพีพงษ์ไม่มีทางโดนทำร้ายจนเสียชีวิต ” อันนาปฏิเสธทันที

“แกเลิกไร้เดียงสาได้แล้ว รพีพงษ์ทำผิดต่อ ประดิพุทธิ์ แกคิดว่าเขาจะออกมาโดยไม่เป็นอะไร เลยหรอ? แม้ไอ้นิ่จะเก่ง แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูของพวก ประดิพุทธิ์ เขาไม่มีความสามารถ มีกำลังก็ไม่มีประ โยชน์ใดๆ จิรโชติกล่าว

เขายังคงโมโหรพิพงษ์ โดยเฉพาะตอนที่รพีพงษ์

ได้ทำสถิติชนะเขาในการวัดกำลังหมัด ดังนั้นเมื่อรู้ ว่าตอนนี้รพีพงษ์ยั่วโมโหประดิพุทธิ์ ในใจเขาก็รู้สึกมี ความสุขขึ้นมาทันที

“ดูนั่น มีคนเดินออกมาแล้ว !” ตอนนี้รชนิชล ตะโกนออกมา

อันนาและจิรโชติหันมองไปที่โซนเกมส์นั้น ดูเหมือนว่ารพีพงษ์นี้จะโดนจัดการแล้ว แกไอ้ โอ้อวด นี่แหละคือจุดจบของแก จิรโชติพีมพำในใจ

ตอนนี้พวกเขาได้เห็นคนที่เดินออกมาจากข้าง ใน ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นรพีพงษ์ แล้วยังออกมาใน สภาพครบสมบูรณ์

จิรโชติงงทันใด แล้วกล่าว “นี่ ทำไมไอ้นี่ออก มาแล้วล่ะ แล้วดูมัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ไม่เป็นอะไรแล้ว อันนาก็ โล่งอก ยิ้มแล้วกล่าว “ฉันบอกแล้วว่ารพีพงษ์ไม่เป็น อะไร เขาไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกแกคิดไว้”

“เขาก็แค่ไอ้เหลือขอปะ มีอะไรที่ไม่ธรรมดา นี่ เพราะโชคดีแน่ๆ ….พระเจ้า ประดิพุทธิ์เดินตามออก มา ทำไมเขาแลดูเคารพรพีพงษ์ขนาดนี้” ความจริง จิรโชติอยากจะเหยียบย่ำรพีพงษ์ แต่หลังจากที่เห็น ประดิพุทธิ์ตามออกมา ก็ชะงักทันใด

“ประ..ประดิพุทธิ์อำเภอนกฟ้า เคยนอบน้อม ให้ใครด้วยหรอ? เหมือนเขากลัวรพีพงษ์อย่างมาก พูดคุยอย่างเชื่อง นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม” รชนิ ชลก็กล่าวอย่างแปลกใจ

อันนาจ้องไปที่รพีพงษ์ เธอรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ ธรรมดา แต่ไม่คิดมาก่อนว่ารพีพงษ์จะเก่งกาจขนาด นี้ สามารถทำให้ประดิพุทธิ์รับใช้ได้ แสดงว่าตัวตน

ของเขาต้องน่าเกรงขามเป็นแน่ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อันนาก็ผิดหวังขึ้นมา เพราะถ้า ตนตัวของรพีพงษ์นั้นน่าเกรงขามจริงๆล่ะก็ งั้นเธอก็

ไม่คู่ควรกับรพีพงษ์

ในขณะที่ทั้งสามกำลังตั้งใจมองอยู่นั้น รพีพงษ์ ก็ได้เข้าไปนั่งบนรถของประดิพุทธิ์ แล้วก็จากโซน เกมส์ไป
รชนิชลมองไปที่อันนา แล้วกล่าว “อันนา แกมีวิธี ติดต่อรพีพงษ์นั่นไหม เขาเก่งกาจขนาดนี้ ถ้าแกได้ เป็นแฟนเขา ไม่แน่ต่อไปครอบครัวของเราก็จะเจริญ ก้าวหน้าขึ้นนะ”

อันนามองไปที่รชนิชลด้วยสายตาเบื่อหน่าย แล้วกล่าว “เมื่อก่อนมองว่าเขาเป็นไอ้กระจอกไม่ใช่ หรอ ทำไมตอนนี้ถึงอยากให้หนูเป็นแฟนเขาแล้ว ล่ะ?”

รชนิชลรู้สึกอาย ที่ถูกอันนาพูดแบบนี้ใส่ ทำให้ เธอรู้สึกว่าตนเองทำไม่ถูกจริงๆ “ก็เมื่อก่อนฉันไม่รู้ไง อันนา ฉันขอโทษแกยังไม่พออีกหรอ แกต้องฉวย โอกาสเอาไว้ให้ได้นะ คนแบบนี้ ไม่ใช่จะเจอได้ง่ายๆ ถ้าแกเป็นแฟนเขาได้ ดีกว่าการที่เป็นแฟนกับจิรโชติ เสียอีก”

จิรโชติมองไปที่รชนิชล รู้สึกไม่พอใจ ไม่คิดมา ก่อนว่ารชนิชลจะเอาเขาไปเปรียบกับรพีพงษ์ได้

แต่คิดๆดูแล้ว เขาก็เทียบกับรพีพงษ์ไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยในชีวิตนี้สิ่งที่เขาทำไม่ได้เลยอย่าง แน่นอนคือการที่ทำให้ประดิพุทธิ์เคารพนอบน้อม

อันนาไม่ได้ใส่ใจทั้งสอง เธอหยิบมือถือของ ตนเองขึ้นมา ติดต่อไปยังรพีพงษ์ แล้วบอกว่าเธออยู่ ตรงข้ามโซนเกมส์เห็นรพีพงษ์เดินออกมาแล้ว
จากนั้นเธอก็ได้ถามรพีพงษ์อีกว่าต่อไปจะมี โอกาสได้เจอกันอีกไหม เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ เพราะตัวตนของรพีพงษ์เป็นเหตุผลให้เธอไม่ สามารถเข้าถึงเขาได้อีกแล้ว อาจเป็นไปได้มาก ที่รพี พงษ์ไม่ได้สนใจเธอตั้งแต่แรก แต่ทว่าผ่านไปไม่นาน มากนัก เธอได้รับข้อความตอบกลับจากรพีพงษ์ แค่ เพียงสี่คำสั้นๆ “เจอกันเมื่อถึงเวลา”

อันนาทั้งผิดหวังทั้งหมดอาลัยตายอยาก เธอรู้ ว่าที่รพีพงษ์พูดแบบนี้ การที่จะพบกันของพวกเขาก็ น้อยลงไปทุกที แต่เธอก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากนัก ใน เมื่อเธอไม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับรพีพงษ์ได้งั้น เธอก็ต้องพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่วันไหน เธออาจจะมีสิทธิ์ที่จะมีจุดยืนสูงส่งเช่นเดียวกับรพี พงษ์ก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นเธอค่อยหาวิธีการเจอกับรพี พงษ์ก็แล้วกัน

หลังจากกลับไปยังคฤหาสน์ รพีพงษ์เพิ่งจะเข้า ประตูไป ก็เห็นจารุณีกำลังจ้องไปที่เขาอย่างโมโห เกรี้ยวกราด

“แกแอบฉันไปหาผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม!” จารุณี กล่าวอย่างโมโห

รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วกล่าว “ผมไปเดินเล่นเท่านั้น”

“ชิ คุณไปเดินเล่นแต่ไม่พาฉันไปด้วย ไม่รักฉัน แล้วล่ะซิ” จารุณีท้าวสะเอว ด้วยท่าทางที่น่ารัก

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้เขา อยากเพียงแค่ส่งเด็กสาวคนนี้กลับไปเท่านั้น ติดซีรี่ย์ มากไป ก็ปัญหาเยอะ

ตอนนี้ประดิพุทธิ์เดินเข้ามา แล้วกล่าวต่อรพี พงษ์ว่า “พี่รพี ผมได้อธิบายอาการของพี่ให้กับหมอ ท่านนั้นไปแล้ว เขาบอกว่าสามารถรักษาพี่ได้”

รพีพงษ์หันไปมอง แล้วกล่าว “ใช้เวลานานเท่า ไหร่?”

“เร็วสุดสองวัน” ประดิพัทธ์ตอบ

รพีพงษ์พยักหน้า ชี้ไปที่จารุณี แล้วกล่าว “ถ้างั้น ก็ให้เขาดูเธอด้วยล่ะกัน ฉันว่าเธอก็น่าจะมีปัญหา เหมือนกันนะ ปัญหาหนักเลยล่ะ ซีรีย์ดราม่าตอนนี้ ทันชั่งทำร้ายคนได้จริงๆ”

จารุณีโมโห รีบไล่ตีรพีพงษ์ทั่วห้อง

ประดิพุทธิ์เฝ้ามองเหตุการณ์ ผลันคิดว่าแต่ไหน แต่ไรมาไม่เคยมีใครทำให้รพีพงษ์ปวดหัวได้มาก ขนาดนี้มาก่อน

“ถ้าสาวน้อยคนนี้เป็นภรรยารองให้กับรพีพงษ์ล่ะก็ เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว เสียดายก็แต่ พี่ รพีรักเดียวใจเดียวเกินไป เกรงว่าสาวน้อยจะไม่ สมหวังเสียแล้ว”
หลังจากที่ชรินทร์ทิพย์ทั้งสามได้ยินคำพูดของ ประดิพุทธิ์แล้ว ร่างกายแข็งที่อ สีหน้ายิ่งซีดเข้าไป ใหญ่ สายตาของชรินทร์ทิพย์ทั้งคู่แทบจะถลุงออก มา เธอคิดไม่ถึง ว่ารพีพงษ์จะมีตัวตนที่น่าเกรงขาม ได้ขนาดนี้

“เขา…เขาคือคนของตระกูลลัดดาวัลย์เมือง

เกียวโต?” ลิปตากล่าวด้วยเสียงสั่นคลอ ด้วยใบหน้า ที่สิ้นหวัง สีหน้าของพี่พนก็หวาดกลัวเช่นกัน มองไปที่ สายตาของรพีพงษ์ อย่างกับเห็นสัตว์ร้ายอย่างใด

อย่างนั้น

อำเภอนกฟ้าอยู่ข้างๆกับเกียวโต สำหรับพวกที่มี ความสามารถเก่งกาจของเกียวโตนั้น คนที่นี่จะรู้ได้ ในทันทีว่าตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตนั้นมีอำนาจ มากมายขนาดไหน พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจน เฉก เช่นประดิพุทธิ์คนใหญ่คนโตอันดับหนึ่งของอำเภอ นกฟ้านี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต ก็ยังคงเป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อหลังจากที่ประดิพุทธิ์บอกว่ารพีพงษ์ คือคนของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตแล้วนั้น นี่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท