บทที่ 476 สามท่า
ลูกน้องคนหนึ่งของธรรมนาถวิ่งไปทางฝั่งนฤชิตทันที จากนั้นก็ยื่นมือชี้ไปทางฝั่งรพีพงศ์ พร้อมกับตะโกนขึ้น “เขานี่แหละ ที่เป็นยัยหมอนั่นที่ตีลูกพี่ของพวกเราจนตาย! ”
นฤชิตมองไปตามทิศทางที่คนๆ นั้นชี้ไป แล้วสายตาจึงกระทบบนเรือนร่างด้านหลังของรพีพงษ์ พร้อมกับตะโกนด้วยเสียงโมโห จากนั้นก็สาวเท้าเร็วเหมือนดาวตก
ทุกคนต่างก็รีบหลีกทาง เสน่ห์ที่แผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่างของนฤชิตทำให้เขารู้สึกหวาดผวา เหมือนตอนห่างจากนฤชิตในระยะใกล้ พวกเขาก็ล้มลงโดยที่ไม่สมัครใจ
“ไอ้บ้าระห่ำ! แกตีลูกศิษย์ฉันตาย วันนี้ฉันจะให้แกตายไปพร้อมกับเขา! ”
“ครั้งนี้ไอ้หมอนี่ซวยแล้ว ดูจากท่าทางของนฤชิต เกรงว่าถ้าไม่ฉีกเนื้อเขาจนเลอะ ก็คงไม่สามารถระบายความขุ่นเคืองใจนี่ได้” มีคนไม่น้อยหันไปจับจ้องนฤชิตและรพีพงษ์ แม้กระทั่งบางคนยังใช้สายตาที่เห็นอกเห็นใจมองรพีพงษ์
ชัยภัทรมองนฤชิตเดินมา ขาทั้งสองข้างจึงอดสั่นเทาไม่ได้ และในตอนที่นฤชิตใกล้จะเดินไปถึงตรงหน้าพวกเขา ชัยภัทรก็กัดฟัน จากนั้นยืนออกไป แล้วขวางอยู่ตรงหน้านฤชิต
นฤชิตได้ยินคำพูดของชัยภัทร จึงขึงตาโตมองเขาทันที จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเลือดเย็น “แกมันตัวอะไรกัน ก็ยังกล้ายุ่งเรื่องของฉัน รีบถอยไป ไม่งั้นฉันจะจัดการแกด้วย! ”
ชัยภัทรกัดฟันพูด “ปรมาจารย์นฤชิต ฉันพูดเรื่องจริงทั้งหมด คนทั้งหมดต่างก็เป็นพยานได้ ไม่เชื่อคุณก็สามารถถามคนอื่น ลูกศิษย์ของคุณก็คือหนึ่งในผู้ดูแลของสนามมวยนี้ ต่อให้เป็นเขา ก็ควรปฏิบัติตามกฎของสนามมวย พอลงจากเวทีประลอง ต่อให้มีความแค้นส่วนตัว ก็อย่าได้แก้แค้นในสนามมวย ไม่งั้นก็ขึ้นเวทีประลอง”
นฤชิตที่เป็นปรมาจารย์ฝ่ามือรวมศูนย์เบอร์หนึ่ง แน่นอนว่าต้องมีความเย่อหยิ่งบ้างอยู่แล้ว สำหรับชื่อเสียงของตนเองก็ต้องให้ความสำคัญ เมื่อกี้เพราะว่าเห็นลูกศิษย์ของตนเองตาย ก็เลยใจร้อนเกินไป ดังนั้นจึงคิดจะลงไม้ลงมือกับรพีพงษ์ ตอนนี้ได้ยินชัยภัทรพูดแบบนี้ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง
เขาหยุดลง แล้วสายตาจับจ้องไปยังเรือนร่างของรพีพงษ์ พร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา “ไอ้หนุ่มน้อย แกใครขึ้นเวทีประลองกับฉันไหมล่ะ! ”
ชัยภัทรรีบหันไป แล้วส่งสายตาให้กับรพีพงษ์ ภายในใจกำลังคิดว่าเขาสามารถคว้าโอกาสที่ใหญ่ที่สุดในแล้ว แค่รพีพงษ์ปฏิเสธไป ตามตำแหน่งของนฤชิต ต้องไม่ให้เขาลงไม้ลงมือกับรพีพงษ์กลางสนามมวยแน่นอน แบบนี้อย่างน้อยรพีพงษ์ก็ยังมีโอกาสที่จะหนีได้
ภายในใจของเขารู้สึกว่ารพีพงษ์ควรเข้าใจในความหมายที่เขาทำแบบนี้ ถ้ารพีพงษ์ไม่สามารถเข้าใจได้ งั้นเขาก็ไม่มีวิธีอะไรได้
“ฉันรออยู่ที่นี่ ก็เพื่อรอขึ้นเวทีประลองกับแก” รพีพงษ์พูดขึ้น
ชัยภัทรทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป แล้วมองรพีพงษ์อย่างไม่น่าเชื่อ เขาทำให้ตนเองสิ้นสุดทางตันแบบนี้ ตอนนี้ต่อให้ชัยภัทรสามารถพูดอะไรได้อีก ก็ไม่มีวิธีที่จะช่วยรพีพงษ์
“พูดจาโอ้อวดเหลือเกินนะ หรือว่าแกอยากจะตีลูกศิษย์ของฉันให้ตายแล้วยังจะตีฉันให้ตายอีก? จะบอกแกไว้นะ แกนี่มันเป็นคนโง่ที่เอาแต่เพ้อฝัน! ไหนๆ แกก็ยอมขึ้นเวทีประลองแล้ว งั้นก็อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย แบบนี้จะได้ไม่ต้องให้คนอื่นมาตำหนิว่าฉันไม่ทำตามกฎนระเบียบ บนเวทีประลอง แกถูกตีตาย งั้นก็คงจะโทษฉันไม่ได้นะ! ”
พูดจบ นฤชิตก็รีบวิ่งพุ่งไปทางฝั่งเวทีประลองอย่างรวดเร็ว
รพีพงษ์ก็ไม่ได้ลังเลอะไร จากนั้นก็ตามไปด้วย
“พี่ธฤต หรือว่าพี่ไม่กังวลสักนิดเลยหรอ ความสามารถของนฤชิต ห้ามดูถูกเด็ดขาด” ชัยภัทรพูดด้วยสีหน้าที่กังวลใจ
ธฤตญาณมองชัยภัทรเพียงพริบตาด้วยรอยยิ้มที่สงบสุข จากนั้นก็เอ่ยพูด “รพีพงษ์ก็ยังไม่กลัว แกจะกลัวอะไร ดูดีๆ ถ้าสู้ไม่ไหวจริงๆ รพีพงษ์ก็ไม่มีทางขึ้นเวทีประลองหรอก”
จู่ๆ ชัยภัทรก็รู้สึกว่าฮ่องเต้ไม่ตื่นเต้น แต่ทว่าขันทีกลับตื่นเต้น ธฤตญาณพูดถูก ยังไงก็ไม่ใช่ตนเองที่เป็นคนขึ้นไปเวทีประลองสักหน่อย ไหนๆ เรื่องนี้ก็ไม่มีวิธีการเปลี่ยนแปลงแล้ว งั้นก็ลองดูดีๆ
ทุกคนต่างก็มองไปยังรพีพงษ์และนฤชิตที่ขึ้นเวทีประลอง และก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แล้วรีบมองไปตรงทั่วทุกสี่ทิศของเวทีประลอง
“ไอ้หมอนี่ไม่กลัวตายจริงๆ กลับกล้าขึ้นเวทีประลองกับนฤชิต ไม่รู้ว่าควรบอกว่าเขาเก่งจริงหรือแกล้งทำเป็นเก่งจริงๆ ” คนบางกลุ่มพูดเองเออเอง ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ได้เชียร์รพีพงษ์เลย
นฤชิตและรพีพงษ์ยืนหันหน้าเข้าหากัน นฤชิตมองรพีพงษ์ แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ไอ้หนุ่มน้อย ธรรมนาทเป็นลูกศิษย์ที่ฉันชอบที่สุด ไหนๆ แกก็ตีเขาจนตายแล้ว งั้นก็อย่าหาว่าฉันโหดเหี้ยมอำมหิตแล้วกัน! ”
“แค่กลัวว่าแกจะตายตามลูกศิษย์ของแกน่ะสิ” รพีพงษ์พูดด้วยเสียงเรียบ
” พูดอวดไม่ละอายใจ! อย่างแกนะ ไม่ต้องยี่สิบท่า ฉันก็สามารถทำให้แกคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วลุกขึ้นมาไม่ได้ตลอดกาล! ” นฤชิตพูดด้วยเสียงเย็นชาในลำคอ
“ยี่สิบท่ามากเกินไป แค่สามท่า ตามที่แกพูด ทำให้แกคุกเข่าจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ตลอดกาล” รพีพงษ์ยื่นมือออกไป แล้วทำท่าสามท่า
นฤชิตรีบหัวเราะอย่างบ้าบิ่น แล้วพูดต่อหน้าทุกคน “พวกคุณได้ยินกันหรือยัง เขาบอกว่าสามท่าก็สามารถทำให้ฉันคุกเข่าจนลุกไม่ขึ้นตลอดไป นี่เป็นเรื่องที่ตลกที่สุดที่เคยได้ยินของพวกคุณหรือเปล่า? ”
คนที่อยู่ข้างล่างต่างก็หัวเราะกันขึ้นมา ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสำหรับพวกเขาแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องตลกจริงๆ
“เห็นหรือยัง ในสายตาพวกเขา แกก็คือตัวตลกเท่านั้น สามารถใช้สามท่าในการจู่โจมฉันนฤชิตให้พ่ายแพ้ บนโลกใบหน้ามีอยู่จริง แต่ต้องไม่ใช่แก! ” นฤชิตมองไปยังรพีพงษ์
“สามารถเอาชนะได้หรือไม่ก็จะรู้เอง อย่าพูดมาก” รพีพงษ์พูดขึ้น
นฤชิตทำเสียงเย็นชาในลำคอ แล้วไม่ได้พูดมากอีก จากนั้นก็พุ่งไปทางฝั่งรพีพงษ์ ทั้งเวทีประลองก็เพราะว่าฝีเท้าของเขาเลยทำให้สั่นสะเทือนขึ้นมา
รพีพงษ์ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน สองตาจับจ้องนฤชิตไว้ แล้วสังเกตมองท่าไม้ตายที่เขาแสดงออกมา
ชัยภัทรกลับไมค่อยอยากจะเห็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในลำดับต่อไป ตอนที่นฤชิตพุ่งไปยังรพีพงษ์ เขาจึงยอมหมุนตัวโดยตรง แล้วหันหลังให้กับเวทีประลอง
และในตอนที่นฤชิตและรพีพงษ์พุ่งไปด้านหน้า มือของรพีพงศ์จู่ๆ ก็ยกขึ้น และพุ่งเข้าไปกระชากคอของนฤชิตอย่างรวดเร็ว
ม่านตาของนฤชิตหดเล็กลงทันที จากนั้น ภายใต้ดวงใจก็รู้หวาดกลัวโดยยากที่จะมีมาก่อน
เขาสังเกตเห็นว่าตนเองแค่สามารถปล่อยให้รพีพงษ์กระชากคอของตนเองโดยที่ทำอะไรไม่ได้ และร่างกายของตนเองกลับตอบสนองโดยเร็ว ทว่าก็ไม่สามารถตามความเร็วของรพีพงษ์ทัน
หลังจากรพีพงษ์กระชากคอของนฤชิต แล้วออกแรง จากนั้นก็โยนไปบนพื้นอย่างรุนแรง ทั้งตัวของนฤชิตถูกรพีพงษ์แขว่งกลางอากาศไปครึ่งวง จากนั้นก็ล่มลงบนพื้น รพีพงษ์จึงเหยียบหัวเข่าของนฤชิตแรงๆ จากนั้นก็ให้นฤชิตอยู่ในท่าคุกเข่า แล้วมองไปยังรพีพงษ์ โดยที่ไม่ได้ขยับ
สามท่า!
แค่สามท่าเท่านั้น รพีพงษ์ก็ทำให้นฤชิตคุกเข่าลงต่อหน้าตัวเอง เพราะว่าฉากๆ เกิดขึ้นว่องไวเกินไป ทำให้คนเหล่านั้นที่อยู่ล่างเวทีประลองยังไม่สามารถตอบสนองกลับมาได้โดยทันที
นฤชิตแค่รู้ว่าศีรษะของตนเองเหมือนรู้สึกโลกกำลังหมุน จากนั้น ตรงเหนือหัวเข่าของเขาก็มีความรู้สึกปวดส่งมา รอให้เขาได้สติกลับมา ก็เพิ่งจะสังเกตว่าตัวเองคุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์แล้ว
เขาอยากจะรีบลุกขึ้นจากบนพื้น และต่อสู้ของรพีพงษ์ต่อ ทว่าวินาทีต่อไป เขาเพิ่งจะสังเกตว่า ขาทั้งสองข้างของตัวเองเหมือนจะไร้ความรู้สึก เขาได้ขาดความสามารถในการทำให้ตัวเองลุกขึ้นจากพื้นแล้ว!
“ไม่ นี่ไม่มีทาง สามท่า เขากลับแค่ใช้สามท่า ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนที่แกร่งขนาดนี้? หัวเข่าของฉัน ไม่ ฉันไม่อยากจะกลายเป็นคนพิการ! ” นฤชิตกำลังร้องตะโกนภายในใจ
จากนั้นความรู้สึกใดๆ ก็ไร้ประโยชน์ จุดจบเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ทุกคนที่อยู่ข้างล่างเวทีก็เพิ่งจะได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง จากนั้นก็เกิดความดุเดือดขึ้นมาทั้งงาน ทุกคนต่างก็ชื่นชมจากใจจริง เมื่อกี้ทั้งสามท่าของรพีพงษ์เป็นเมฆเหินน้ำไหลอย่างที่เขาว่ากัน อีกอย่างยังมีความพลังแห่งความน่าเกรงขามที่ใหญ่หลวง ทำให้เหนือสิ่งที่ทุกคนคาดคิดถึง
“เก่งมากๆ เก่งมากเกินไปจริงๆ โอ้พระเจ้า นี่เทพเจ้าสงครามมาบังเกิดในโลกมนุษย์หรือเปล่า! ”
“โอ้แม่เจ้า นี่มันเก่งเกินไปไหม กลับง่ายขนาดนี้ แม้แต่ปรมาจารย์ฝ่ามือรวมศูนย์ยังถูกโจมตีจนต้องคุกเข่าอยู่บนพื้น? ”
“มิน่าล่ะคนอื่นกล้าแกล้งทำเป็นเก่ง ทีแรกก็เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ อยู่แล้ว ดูๆ แล้วฉันมองผิดคนจริงๆ “!
…….
ชัยภัทรได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบๆ จึงรีบขมวดคิ้วทันที ภายในใจกำลังคิดว่ารพีพงษ์ไม่มีทางถูกจัดการเร็วขนาดนี้หรือเปล่า
แต่พอได้ยินเสียงตอบสนองของทุกคน มีความเป็นไปได้จริงๆ เสียดาย เขาก็ได้เตือนรพีพงษ์ตั้งนานแล้ว ทว่ารพีพงษ์ไม่ยอมฟังเลย และตอนนี้ จะโทษใครก็คงไม่มีประโยชน์อีก
ชัยภัทรค่อยๆ หมุนตัว แล้วไปยังฝั่งเวทีประลอง วินาทีต่อไป เรือนร่างของเขาก็เกร็ง คางเกือบจะหล่นลงไปบนพื้น
เขาไม่เห็นรพีพงษ์พ่ายแพ้ในมือของนฤชิต ทว่ากลับเป็นนฤชิตที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้าน!