พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 477 ความประหม่าของธีรศานติ์

บทที่ 477 ความประหม่าของธีรศานติ์

บทที่ 477 ความประหม่าของธีรศานติ์

“นี่……นี่เป็นไปได้ยังไง ฉันไม่ได้ตาฟาดไปใช่ไหม? นฤชิต กลับคุกเข่าตรงหน้ารพีพงษ์! ” ชัยภัทรพูดเองเออเอง

“นายไม่ได้ตาฝาดไปหรอก นฤชิตไม่ใช่คู่ปะทะของพี่รพีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ” ไตรทศที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยพูดขึ้นประโยคเดียว

ชัยภัทรหันไปมองไตรทศ แล้วเอ่ยถาม “งั้น……งั้นเขาใช้ท่าไม้ตายกี่ท่าโจมตีนฤชิตให้กลายเป็นสภาพแบบนี้? ”

“สามท่า เมื่อกี้นายไม่ได้ยินหรอ? ไหนๆ พี่รพีก็บอกว่าใช้แค่สามท่า ก็ต้องใช้แค่สามท่าเท่านั้น” ไตรทศเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย

ชัยภัทรพยายามกลืนน้ำลาย สองตาจับจ้องไปยังรพีพงษ์ แล้วพูดอะไรไม่ออกตั้งนาน

ผ่านไปสักพัก ชัยภัทรเพิ่งจะพูดขึ้น “นี่มันไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์หนิ ทำไมเขาจู่โจมธรรมนาทและถิรพุทธิ์ ถึงใช้เวลานานขนาดนั้น ส่วนจู่โจมนฤชิต กลับใช้แค่สามท่า? ”

“ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกนายแล้วหรือไง วันนี้พี่รพีมาเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนหน้านี้ถ้าเขาจู่โจมธรรมนาถและถิรพุทธิ์จนตาย แล้วจะระบายยังไงอีก หลังๆ พอได้จู่โจมนฤชิต ก็เพราะว่าได้ระบายได้พอประมาณแล้ว สามท่าก็เพียงพอแล้ว” ไตรทศอธิบายขึ้น

สีหน้าของชัยภัทรมองรพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีประลองด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เพื่อคนๆ หนึ่งสามารถควบคุมการจู่โจมท่าไม้ตายของคู่ปะทะ งั้นคนๆ นี้ต้องแกร่งแค่ไหน?

มิน่าล่ะธฤตญาณและไตรทศ พวกเขาทั้งสองคนถึงได้เคารพนับถือรพีพงษ์ขนาดนี้ ครั้งนี้ไม่ต้องบอกว่าเรียกรพีพงษ์แล้ว ต่อให้ให้เขาเรียกคุณปู่รพีพงษ์ เขาก็จะไม่มีข้อคิดเห็นต่างใดๆ

หลังจากที่รพีพงษ์จัดการกับนฤชิตเสร็จ แค่จับจ้องไปยังเขาไม่กี่วินาที จากนั้นก็หมุนตัวลงจากเวทีประลอง

ความสามารถของนฤชิตไม่ได้อ่อนแอจริงๆ แค่ว่าถ้าเทียบกับสิบอันดับเทพเจ้าแห่งสงครามแล้ว ก็ยังด้อยกว่าเยอะ ดังนั้นนฤชิตก็ไม่มีสิทธิ์ให้เขาต้องเผชิญหน้าด้วย

คนแบบนี้ แพ้ก็คือแพ้ ในความจำของรพีพงษ์ ศัตรูที่เขา เขาแค่ใช้สามท่าก็สามารถจัดการให้พ่ายแพ้ได้แล้ว ก็ยิ่งไม่มีค่าพอให้เขาจดจำอีก

รพีพงษ์เดินไปเดินไปตรงหน้าธฤตญาณพวกเขาสามคน ชัยภัทรก็รีบเดินหน้าไป แล้วใบหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มพลางพูดขึ้น “พี่รพี ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรสงสัยในความสามารถของพี่ พี่อย่าใส่ใจเลยนะ”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขา แค่พูดด้วยเสียงเรียบ “วันนี้ได้ระบายจนพอแล้ว กลับไปเถอะ”

ธฤตญาณและไตรทศต่างก็พยักหน้า จากนั้นก็เดินตามรพีพงษ์ออกไปข้างนอก

ชัยภัทรเห็นพวกเขาสามคนจะไป จึงรีบถามขึ้น “พี่รพี พี่ธฤต เรื่องทางนี้จะทำยังไง? ”

ธฤตญาณจึงหันไปมองเขาเพียงชั่วพริบตา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “วันข้างหน้าสนามมวยใต้ดินของเมืองแทยก ก็ให้นายเป็นคนควบคุมดูแล เรื่องที่เหลือ นายก็ตัดสินใจจัดการเองเถอะ”

ชัยภัทรได้ยินแบบนี้ ใบหน้าเลยเคล้าด้วยความตื่นเต้นดีใจ ภายในใจของเขารู้ดี ถึงแม้รพีพงษ์จะไม่สนใจตัวเอง จริงๆ แล้วภายในใจของเขาก็ถือว่ายอมรับตัวเองแล้ว ไม่งั้นธฤตญาณก็คงไม่มีทางให้สิทธิ์และอำนาจทั้งหมดให้เขาได้ดูแลสนามใต้ดินของเมืองแทยกหรอก

“พี่รพีช่างเก่งเหลือเกิน ถ้าติดตามเขาทำงาน วันข้างหน้าต้องมีอนาคตที่ยาวไกลแน่นอน ผมจะต้องตั้งใจทำงาน และให้พี่รพีให้ความพยายามของผม! ”

……

สองวันผ่านไป

สถานบันเทิงสตาร์กาย รพีพงษ์นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะๆ หนึ่ง ข้างบนมีสุราหนึ่งขวดวางอยู่ เหล้าที่อยู่ข้างในดื่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว

คนของกิสนาก็มาส่งข่าวให้กับรพีพงษ์แล้ว พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของอารียาในเมืองริเวอร์และแถบเมืองชลาลัย เน้นหนักการค้นหาไปที่เกียวโตก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของอารียา

อารียาเหมือนระเหยไปจากโลกมนุษย์ หายไปจากสายตาของทุกคนอย่างถาวร แม้แต่เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ใหญ่หลวงอย่างกิสนา กลับยังหาเบาะแสของอารียาไม่เจอ

เพราะว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น คนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังก็คือโยษิตา ดังนั้นรพีพงษ์คิดว่าการหายตัวไปของอารียาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับโยษิตาแน่นอน ถ้าสามารถจจับโยษิตาได้ ก็คงจะสามารถถามเบาะแสของอารียาได้

สองวันนี้คนของกิสนาก็ได้ตรวจสอบเบาะแสของโยษิตาอย่างชัดเจนแล้ว วันนี้โยษิตาอยู่ในเกียวโตจริงๆ และการเคลื่อนไหวก็ไม่ได้ค้นหายาก แค่ว่ายิ่งเป็นแบบนี้ รพีพงษ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่าย ตามนิสัยของโยษิตา ต้องมีคนที่คอยพึ่งพาอาศัยแน่นอน ถึงช่างกล้าขนาดนี้

เธอกำลังจะทำการค้ากับนักธุรกิจลึกลับที่มาจากต่างประเทศ อุตสาหกรรมทางการผลิตของตระกูลลัดดาวัลย์ที่อยู่ในเกียวโตกำลังถูกปราบปราม นักธุรกิจลึกลับคนนี้มีภูมิหลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นตระกูลลัดดาวัลย์ พอต้องเผชิญกับการปราบปรามของเขาและโยษิตา ก็มักจะสิ้นคิด

และหลังจากนั้น ทางฝั่งคนของกิสนาก็แน่ใจชื่อของนักธุรกิจลึกลับคนนี้ จิรเวช นี่ทำให้รพีพงษ์ที่ได้คาดเดาตั้งแต่เนิ่นๆ เกี่ยวกับคนที่ช่วยเหลือโยษิตาโดยพื้นฐานแล้วก็รู้สึกมั่นใจ นักธุรกิจลึกลับคนนั้น ต้องเป็นศัตรูรายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ และเป็นคนของตระกูลนิธิวสกุล

ถ้าเป็นเมื่อก่อน คนของตระกูลนิธิวรสกุลมาถึงที่เกียวโต และจัดการกับตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์อาจจะยังรู้สึกเป็นห่วง ยังไงตระกูลลัดดาวัลย์ก็แค่เป็นเพียงตระกูลต้นๆ ของในประเทศ และถ้าเทียบกับสัตว์ที่ใหญ่มหึมาอย่างตระกูลนิธิวรสกุลแล้ว ก็ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าด้อยไปกว่าเยอะ รพีพงษ์ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถต่อต้านตระกูลนิธิวรสกุลได้ไหม

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิม รพีพงษ์มีทั้งกิสนาอยู่เบื้องหลัง ต่อให้ตระกูลนิธีวรสกุลเป็นตระกูลระดับต้นๆ ของทั่วโลก รพีพงษ์ก็คงไม่กลัวเหมือนวันนี้

คนของตระกูลนิธิวรสกุลช่วยโยษิตาทำให้อารียาหายตัวไป จารุณีก็ยังสลบไม่ฟื้น รพีพงษ์ต้องไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่นอน

แค่ว่าเรื่องมันเกิดแล้ว อีกอย่างคนของตระกูลนิธีวรสกุลไม่ได้จู่โจมง่ายๆ เหมือนธายุกร รพีพงษ์ต้องการปรับเปลี่ยนกำลังของกิสนาก็ร้องใช้ระยะเวลาที่ชัดเจน ดังนั้นสองวันนี้เขาไม่มีทางไปเกียวโตด้วยความเร่งรีบหรอก

รอให้กำลังของกิสนาวางแผนจัดการเสร็จที่เกียวโต รพีพงษ์ค่อยไปก็ยังไม่สาย

ถึงเวลา รพีพงษ์ต้องเซอร์ไพรส์คนของตระกูลนิธิวรสกุลที่ใหญ่มากแน่นอน กล้าแตะต้องผู้หญิงของรพีพงษ์ แล้วจะมีจุดจบที่ดีได้ยังไง

นัยน์ตาของรพีพงษ์จับจ้องไปยังขวดสุราบนโต๊ะสักพัก จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วดื่มสุราในขวดที่เหลืออยู่ให้หมด

…….

เกียวโต

อาคารTY

เขตออฟฟิศของธีรศานติ์ ตั้งเขตออฟฟิศนี้ในตอนนี้ ถูกธีรศานติ์ทำให้กลายเป็นห้องผู้ป่วยของจารุณี อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยในโรงพยาบาล ถูกเขาสั่งให้นำมาที่นี่จนหมด และแพทย์หลายๆ คนก็ได้ผลักกันเข้าเวร และกำลังดูแลจารุณีที่ยังไม่ฟื้น

ออฟฟิศของธีรศานติ์ก็อยู่ข้างห้องผู้ป่วยที่ถูกปรับเปลี่ยนนี้ เขาต้องทำงานไปด้วย และต้องคอยสังเกตดูอาการของลูกสาวตนเองไปด้วย ดังนั้นจึงต้องเลือกที่จะใช้วิธีแบบนี้

ตอนนี้ธีรศานติ์กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะ แล้วขมวดคิ้วจับจ้องเอกสารบนโต๊ะ และในตอนนี้ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาในออฟฟิศ แล้วทำสีหน้าที่ไม่ค่อยดี

ธีรศานติ์เงยหน้ามองคนๆ นั้น แล้วเอ่ยถาม “เรื่องที่ฉันให้แกไปทำเป็นยังไงบ้างแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้บริษัทที่โยษิตาอยู่ในตอนนี้ล่มสลายไหม? ”

คนๆ นั้นส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “เราเคยลองมาแล้ว และได้ทุนเงินทุนไปมากมาย ทว่าบริษัทของพวกเขามีเงินทุนที่เยอะจนทำให้คนตกใจ และไม่กลัวการรบกวนของพวกเรา อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังจะเล่นเกมส์นี้ต่อไปกับพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ท่านประธาน ตามความเห็นของผม เราควรหยุดการลงไม้ลงมือกับบริษทนั้นชั่วคราว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งหอการค้าคงจะพลอยลำบากไปด้วย”

ธีรศานต์จึงโยนเอกสารที่อยู่ในมือของตนเองทิ้งลงบนโต๊ะ แล้วก่นด่าขึ้น “ไอ้จิราเวชที่สมควรตายมันคือใครกันแน่! ทำไมถึงแม้แต่หอการค้าสมน.ของฉันยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ หรือว่าแค้นของลูกสาวฉัน ก็ไม่ได้แก้ได้แล้วหรอ?! ”

ช่วงนี้ ธีรศานติ์รู้ว่าลูกสาวของตนเองถูกชนจนไม่ฟื้น คนร้ายจริงๆ คือโยษิตา จึงเริ่มที่จะแก้แค้นโยษิตา เขาเคยสั่งให้คนติดตามโยษิตาอยู่ลับๆ ทว่าข้างๆ โยษิตามียอดฝีมือมากมาย คนพวกนั้นที่เขาส่งไปไม่มีใครกลับมาสักคน

รู้ว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล ธีรศานติ์ก็คิดจะทำให้บริษัทที่โยษิตาอยู่นั้นล่มสลาย และสูญเสียความสามารถทางการเงินขั้นพื้นฐานไป งั้นโยษิตาก็คงจะทนไม่ไหว

ทว่าที่ทำให้ธีรศานติ์นึกไม่ถึง บริษัทนั้นที่โยษิตาอยู๋กลับใหญ่และแกร่งมาก แม้กระทั่งหอการค้าสมน. ก็ยังไม่สามารถต่อต้านกำลังของพวกเขา

เมื่อกี้ตอนที่ลูกน้องรายงาน ก็ยิ่งทำให้เขาสัมผัสถึงความน่ากลัวของบริษัทนี้ และบริษัทนี้น่ากลัวขนาดนี้ ก็เพราะว่าคนๆ นั้นที่ชื่อจริเวช

“ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ตกอยู่ในอันตรายแล้ว ได้ยินว่าภายในตระกูลลัดดาวัลย์มีเสียงบางอย่างปรากฏ มีคนไม่น้อยเริ่มเผื่อทางออกให้ตนเอง ตระกูลลัดดาวัลย์ที่ควบคุมสถานการณ์ในเกียวโตมาหลายปีแบบนี้ กลับตกอับถึงขั้นนี้ ดูๆ แล้วเกียวโตในวันนี้ ก็เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ ” หลังจากที่รู้สึกเคร่งเครียด ภายในใจของธีรศานติ์ก็รู้สึกประหม่ามากขึ้น

“ท่านประธาน ยังมีข่าวจะบอกท่านครับ” ลูกน้องพูดขึ้น

“ว่ามา”

“เมื่อกี้ได้รับข่าว รพีพงษ์กลับเมืองริเวอร์แล้วครับ”

ธีรศานติ์ได้ยินคำพูดนี้ ในมือจึงหยุดชะงักไป แล้วหรี่ตาลง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท