พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 484 แค้นของนี ผมมาแก้เอง

บทที่ 484 แค้นของนี ผมมาแก้เอง

บทที่ 484 แค้นของนี ผมมาแก้เอง

ธีรศานติ์มองพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่างของรพีพงษ์นั้นเปลี่ยนไป ภายในใจเข้าใจดีว่าเขารู้สึกโมโหเพราะจารุณีถูกชนจนไม่ฟื้น และเพราะว่าเป็นแบบนี้ เขาจึงไม่ได้โทษรพีพงษ์

รพีพงษ์และธีรศานติ์เหมือนกัน ไม่ได้หวังว่าจารุณีจะทนทุกข์ทรมานแบบนี้ พอเกิดเรื่องแบบนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกประหม่า คนที่ควรกล่าวโทษจริงๆ ก็คือคนพวกนั้นที่วางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้

“นีกลายเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าโยษิตาทั้งหมด ตอนนั้นโยษิตากินยาพิษต่อหน้าทุกคน วันนี้กลับปรากฏตัวอีกครั้ง ผมรู้สึกสงสัยว่าตอนนั้นยาพิษที่กินเข้าไปมีปัญหา ตอนนั้นไม่ได้มีคนตรวจสอบ นี่ถึงทำให้เธอรอดไปได้ ทีแรกผมอยากจะยืมกำลังของหอการค้าสมน.แก้แค้นแทนนี ทว่าเบื้องหลังของโยษิตามีคนที่ชื่อจิรเวชคอยสนับสนุน คนๆ นี้มีที่มาที่ไปที่ลึกลับ อีกทั้งยังมีทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ หอการค้าสมน.ไม่ใช่คู่แข่งของพวกเขา ไม่งั้นตระกูลลัดดาวัลย์ก็คงไม่ตกอยู่อันตรายแบบนี้” ธีรศานติ์จึงอธิบายขึ้น

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “เรื่องพวกนี้ผมรู้แล้วครับ คนที่ชื่อว่าจิรเวช เป็นคนของตระกูลนิธิวรสกุล”

“ตระกูลนิธิวรสกุล์? เป็นตระกูลที่ไหน ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยิน? ” ธีรศานติ์ถามด้วยสีหน้าที่เคล้าด้วยความสงสัย

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูดขึ้น “ตระกูลนิธิวรสกุลคือตระกูลชั้นสูง พวกเขาน่าจะออกจากประเทศจีนไปแล้ว แล้วตั้งรากฐานอยู่ในประเทศอเมริกาแล้ว ตระกูลระดับแบบนี้ ก็สามารถทำให้โลกใบหน้านี้เกิดความวุ่นวายแล้ว หอการค้าสมน.ไม่ได้รับมือได้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ”

ธีรศานติ์ขมวดคิ้วทันที ทีแรกเขายังนึกว่าทำเรื่องนี้เป็นตระกูลเก่าแก่บางตระกูลที่ลึกลับ ถึงแม้จะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง ทว่าก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถรับมือได้

ทีแรกเขานึกว่ารอให้รพีพงษ์กลับมา แล้วคิดหาวิธีแก้วิกฤตของตระกูลลัดดาวัลย์ หอการค้าสมน.กับตระกูลลัดดาวัลย์ร่วมมือกัน น่าจะสามารถสู้กับจิรเวชคนนี้ได้

ตอนนี้ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ เขาสังเกตเห็นว่าตนเองคิดได้ไร้เดียงสาเกินไป ถ้าตระกูลแบบนี้ที่สามารถปั่นป่วนสถานการณ์ของโลกได้ ต่อให้ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ตระกูลลัดดาวัลย์และหอการค้าสมน.ร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถรับมือได้

“งั้นไม่ได้หมายความว่า เราไม่สามารถแก้แค้นแทนนีได้หรอ? ตระกูลลัดดาวัลย์ถูกกรุ๊ปKINบีบบังคับจนสุดทางตัน ถ้าตระกูลนิธิวรสกุลนี้เป็นเหมือนอย่างที่คุณว่า ต่อให้คุณกลับมา ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีหรือไง? ” ธีรศานติ์ทำสีหน้าที่เคล้าด้วยความกังวล

คำว่าไม่ริมฝีปากฟันก็หนาว ถ้าตระกูลลัดดาวัลย์ถูกกรุ๊ปKINทำให้ล้มละลาย งั้นแสดงว่าบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก็ไม่ไกลแล้ว

รพีพงษ์หันไปมองธีรศานติ์เพียงพริบตาเดียว แล้วยิ้มพูด “น้า นี่น้าไม่มีต้องกังวลไป ต่อให้ตระกูลนิธิวรสกุลจะเป็นตระกูลที่สูงส่งในโลกนี้ ผมก็จะไม่กลัวเหมือนเดิม พวกเขาทำร้ายนีถึงขั้นนี้ ผมต้องแก้แค้นแทนเธอ ภายในใจของผมก็เห็นนีเป็นน้องสาวคนหนึ่ง เธอเกิดเรื่อง ผมก็ทนไม่ได้อยู่แล้ว”

ธีรศานติ์นิ่งงันไปสักครู่เดียว ส่วนหนึ่งเพราะว่ารพีพงษ์ดูเหมือนไม่กลัวตระกูลนิธิวรสกุลอย่างที่ว่าแม้แต่สักนิด และอีกส่วนหนึ่ง ก็เพราะว่ารพีพงษ์เรียกเขาว่าน้า

เพราะว่าท่าทีที่รพีพงษ์แสดงออกมาตลอดมา ทำให้ธีรศานติ์ยังรู้สึกว่าเขากับตนเองยืนอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน รพีพงษ์มีสิทธิ์ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับเขา ดังนั้นเขาเลยละเลยอายุของรพีพงษ์มาโดยตลอด

จนกว่าเมื่อกี้รพีพงษ์เรียกเขาว่าน้า เขาก็รับรู้ว่า รพีพงษ์กับลูกสาวของเขาเป็นรุ่นเดียวกัน แค่โตกว่าไม่กี่ปีเท่านั้น

อีกอย่างเพราะคำๆ นี้ว่าน้า ทำให้ธีรศานติ์สัมผัสได้ว่า รพีพงษ์เห็นจารุณีเป็นน้องสาวของตัวเองจริงๆ คำพูดทั้งหมดของเขา ต่างก็มาจากใจ

ผ่านไปสักพัก ธีรศานติ์จึงได้ค่อยๆ ได้สติกลับมา รพีพงษ์สามารถให้ความสำคัญกับจารุณี เขาต้องดีใจอยู่แล้ว แค่ว่าตระกูลนิธิวรสกุลนี้ไม่ใช่คนตระกูลที่บอกว่าจะจัดการก็สามารถจัดการได้ ต่อให้เป็นรพีพงษ์ ตอนนี้ก็เหมือนจะไม่ได้เตรียมกำลังแบบนี้ไว้

“ความรู้สึกของคุณผมสามารถสัมผัสได้ แต่ว่าไหนๆ ตระกูลนิธิวรสกุลนี่ก็คือตระกูลชั้นสูงของโลกแล้ว งั้นคุณจะสามารถจัดการได้อย่างไร? การคงอยู่แบบนี้ แค่เกรงว่าความคิดเพียงหนึ่งความคิด ก็สามารถตัดสินการเป็นการตายของเราได้” ธีรศานติ์พูดด้วยความกังวล

“ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมไม่สามารถจัดการกับตระกูลนิธิวรสกุลจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน พวกเขามาแตะต้องคนของผม ต่อให้เป็นราชาแห่งฟ้าสวรรค์ ผมก็จะให้พวกเขาชดใช้ด้วยเลือด! ” สายตาของรพีพงษ์เผยความอาฆาตแค้นออกมาเป็นระยะๆ

ธีรศานติ์รู้สึกได้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้พูดเว่อร์เกิดจริง เขาสังเกตเห็นว่ารพีงพงษ์ไม่เหมือนแต่ก่อน เมื่อเทียบกับการเจอหน้าครั้งแล้ว เรือนร่างของรพีพงษ์เหมือนจะดูลุ่มลึกจนไม่สามารถคาดเดามากขึ้น

เวลานี้เขานึกย้อนถึงช่วงก่อนที่รพีพงษ์หายไปจากสายตาของทุกคน เพราะว่าจารุณีเกิดเรื่อง เขายังสั่งให้คนไปหาเบาะแสของรพีพงษ์โดยเฉพาะ ทว่าก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะไปไหน

และรพีพงษ์กลับมา เหมือนไม่เห็นตระกูลนิธิวรสกุลอยู่ในสายตาแล้ว อีกทั้งเรือนร่างของเขาก็ยังแผ่ซ่านความลุ่มลึกที่ไม่อาจคาดเดามากขึ้นอย่างไร้เหตุผล

ธีรศานติ์จึงได้ตัดสินอย่างเด็ดขาดทันที ช่วงนี้ที่รพีพงษ์หายตัวไป ต้องไปเจอกับโอกาสบางอย่างแน่นอน และเพราะว่าโอกาสแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์ได้รับความมั่นในการต่อต้านตระกูลนิธิวรสกุล

ถึงแม้ไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะเจอกับโอกาสอะไร ธีรศานติ์ก็เชื่อรพีพงษ์ในใจ จนกว่าเขาไม่ใช่คนที่บ้าบิ่น ไหนๆ เขาพูดแบบนี้ งั้นต้องมีความมั่นใจว่าสามารถรับมือกับคนของตระกูลนิธิวรสกุล

“ถ้าคุณมีความต้องการอะไร ก็รีบพูด ผมหอการค้าสมน.จะช่วยอย่างสุดกำลัง ต่อให้จะเอาความเป็นความตายของหอการค้าสมน.ไปเข้าแลก ผมก็จะช่วยคุณจัดการกับจิรเวชและโยษิตาแน่นอน” ธีรศานติ์ทำสีหน้าที่เคล้าด้วยความจริงจัง

รพีพงษ์พยักหน้าให้กับธีรศานติ์ แล้วพูดขึ้น “แค้นของนี ผมก็ต้องแก้ให้ได้! ”

หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็เดินไปข้างเตียง แล้วนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับก้มหน้าจับจ้องไปยังจารุณีที่โคม่าไม่ฟื้น

ทีแรกผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและสดใสคนนั้นกลายเป็นแบบนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ในหัวสมองของเขาจึงมีภาพที่จารุณีทำท่าทางที่เกเรมากมายตรงหน้าของตนเองผุดขึ้นมา และเทียบกับตอนนี้ที่หลับตาทั้งสองข้างอย่างสนิท ใบหน้าดูไม่มีเลือด ในใจของรพีพงษ์ก็อดโมโหไม่ได้

ภายในใจก็นึกย้อนถึงก่อนหน้านี้ที่จารุณีถูกตนเองเข้าใจผิด ท่าทางที่ดูเสียใจนั้น ก่อนที่เธอจะเกิดเรื่อง รพีพงษ์ก็ไม่ได้เคลียร์เรื่องบาดหมางกับเธอ วันนี้พอมองจารุณีที่นอนอยู่บนเตียง รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คน

“คุณวางใจเถอะ ผมต้องจัดการกับคนพวกนั้นที่ทำให้คุณจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ครั้งที่แล้วที่เข้าใจผิดกัน ผมเองก็ไม่ดี ผมไม่ควรลงไม้ลงมือกับคุณอย่างหน้ามืดตามัว ถ้าคุณสามารถฟื้นขึ้นมา ผมต้องขอโทษคุณดีๆ ไม่ว่าคุณอยากจะลงโทษผมยังไง ผมก็จะไม่ร้องเรียนใดๆ ” รพีพงษ์อุทานขึ้น

“ผมรู้จักหมอเทพท่าหนึ่ง ฝีมือการแพทย์ของเขาเยี่ยมยอดมาก คนอื่นอาจจะไม่สามารถเรียกคุณฟื้นได้ ทว่าผมเชื่อว่าเขามีวิธีแน่นอน เดี๋ยวผมจะโทรหาเขา ให้เขารีบมาเกียวโต ผมเชื่อว่าคุณต้องฟื้นขึ้นมา”

“ยังไงคุณยังไม่ได้ลงโทษด้วยเนื่องด้วยเรื่องคราวก่อนเลย ผมคิดว่าคุณต้องอยากจะตีผมมากๆ ผมสัญญาว่า รอให้คุณฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็จะให้คุณตีผม”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็มองจารุณีที่ไม่ขยับใดๆ ภายในใจก็รู้สึกประหม่า เขาก็จับจ้องจารุณีอยู่ตรงหน้าเตียงไปสักพัก แล้วจึงค่อยลุกขึ้นและมองไปยังธีรศานติ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตลอดมา

“ผมรู้จักหมอเทพท่านหนึ่งจริงๆ เดี๋ยวผมจะให้เขารีบมา ไม่ว่าจะสามารถรักษาได้ไหม แต่ก็เป็นความหวังหนึ่ง ถึงเวลาผมจะให้ช่องทางติดต่อของเขากับคุณ หวังว่าคุณจะต้อนรับหน่อย” รพีพงษ์พูดขึ้น

ธีรศานติ์พยักหน้า แน่นอนว่าเขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสใดๆ ไปหรอก

หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็ไม่ได้อยู่ต่อ หลังจากที่ได้แจ้งเรื่องที่จะจัดการกับกรุ๊ปKINกับธีรศานติ์เสร็จ ก็โทรหาชุติเทพ จากนั้นก็ค่อยออกจากอาคารTY

ในห้องผู้ป่วย ธีรศานติ์จับจ้องลูกของตนเองไปสักพัก ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วหันหลังเดินออกไปนอกห้องผู้ป่วย

เขากลับไม่ได้สังเกตเห็น ตอนที่เขาหันหลังในชั่วพริบตานั้น นิ้วมือนิ้วหนึ่งของจารุณีขยับเบาๆ

…….

คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

รพีพงษ์ปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู แล้วสาวเท้าเดินไปข้างใน

วันนี้คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ดูเยือกเย็นเล็กน้อย ที่ผ่านมาที่นี่คนเยอะคึกคัก มีคนไม่รู้เท่าไหร่เบียดกันมาสานความสัมพันธ์กับตระกูลลัดดาวัลย์ ทุกวันก็จะมีคนวิ่งมาส่งของขวัญที่นี่

และวันนี้แม้แต่เหงาของคนที่มาเยือนก็ยังไม่มี ทุกคนในเกียวโตต่างก็รู้ตั้งนานแล้วว่าตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ภายใต้การก่อกวนของกรุ๊ปKIN ก็ได้กลายเป็นเปลือกที่ข้างในว่างไปแล้ว ป้ายตระกูลของตระกูลลัดดาวัลย์ อาจจะถูกคนอื่นแทนที่อยู่ตลอดเวลา

ภายในตระกูลลัดดาวัลย์ก็วุ่นวายอย่างมาก เพราะว่าวิธีของกรุ๊ปKIN ตำแหน่งของตระกูลลัดดาวัลย์ต้องตกอยู่ในขั้นวิกฤต คนไม่น้อยก็ถูกวิธีต่างๆ ของโยษิตายั่วยวน ก็ได้มีคนมากมายที่พิจารณาที่จะทรยศตระกูลลัดดาวัลย์

สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ตอนที่รพีพงษ์เจอหน้ากับไกรเดช ก็ได้เข้าใจแล้ว ทว่าเขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ความคิดของเขา นี่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไร อีกอย่างสามารถถือโอกาสนี้ มองใครกันแน่ที่เป็นคนที่จงรักภักดีต่อตระกูลลัดดาวัลย์อย่างแท้จริง

รพีพงษ์อยู่ในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่นานก็มีคนสังเกตเห็น คนไม่น้อยรีบวิ่งมา แต่ไม่ได้เดินหน้ามากล่าวทักทาย

แล้วพูดขึ้นลอยๆ ว่าตระกูลลัดดาวัลย์กำลังเผชิญกับวิกฤต รพีพงษ์ที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลคนนี้ ไม่มีความน่าเกรงขามอีกต่อไป ตอนที่เขารับช่วงต่อจากตระกูลลัดดาวัลย์ก็หายใจแล้ว มีคนไม่น้อยที่คิดว่าตระกูลลัดดาวัลย์กลายเป็นแบบนี้ ก็เพราะผลจากใช้วิธีไม่ถูกของหัวหน้ารพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจท่าทีของคนพวกนี้เลย ตลอดทางก็ได้เดินไปข้างหน้า เวลาที่ใกล้จะไปถึงตรงส่วนลึก ก็เพิ่งจะมีคนเรียกเขาว่าเจ้าบ้านด้วยความเคารพ

“ท่านคทาอยู่ที่ไหน? ” รพีพงษ์มองผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง

“ท่านคทากำลังเคลียร์งานธุรกิจของตระกูลที่ห้องหนังสือครับ นายใหญ่ครับ ช่วงหน้าท่านไม่อยู่ ตระกูลลัดดาวัลย์เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวง และมีคนจะวางแผนที่จะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์เกิดการแตกแยก ท่านต้องคิดหาวิธีนะครับ” คนๆ นั้นทำสีหน้าที่เคล้าด้วยความกังวล

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วถาม “ใครอยากทำแบบนี้หรอ? ”

คนๆ นั้นถอนหายใจ แล้วกำลังจะเอ่ยพูด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ส่งมาจากที่ไม่ไกล

รพีพงษ์และคนๆ นั้นต่างก็เงยหน้าขึ้น แล้วสังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยความน่าหวาดผวา

และคนที่นำหน้า ก็คือคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรพีพงษ์ หลังจากที่โตขึ้นมาก็กลายเป็นน้องสาวที่แปลกหน้า ญาดา

ครั้งที่แล้วรพีพงษ์ยึดอำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์กลับไป ญาดาจึงอยากจะสนิทสนมกับรพีพงษ์อีกครั้ง แค่เสียดายที่เวลาผ่านไปแล้วก็คิดถึงคนที่จากไป รพีพงษ์กลับไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเธอ

“รพีพงษ์ พี่ยังมีสิทธิอะไรกลับมาที่นี่ ถ้าไม่ใช่พี่ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็คงไม่มีเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ พี่มันไอ้สวะที่ไร้ความสามารถ ควรที่จะไสหัวออกจากประตูใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ตลอดไป! ”

ญาดาทำใบหน้าที่โหดเหี้ยม แล้วก็ตะโกนใส่รพีพงษ์ด้วยความไม่เกรงใจ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท