พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 506 ควรมีคนรับผิดชอบ

บทที่ 506 ควรมีคนรับผิดชอบ

บทที่ 506 ควรมีคนรับผิดชอบ

ชายหัวล้านมองรพีพงษ์ที่จัดการกับลูกน้องของตัวเองด้วยแววตาหวาดกลัว เขาก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว

รพีพงษ์โยนตะบองออกไปข้างตัว แล้วหันไปมองชายหัวล้าน

ชายหัวล้านกลืนน้ำลายลงคอ แล้วหันหลังวิ่งทางรถแมคโคร “รีบขับรถไปทับมันเลย ทับไอ้หมอนั่นให้ตายเลย!”

รพีพงษ์พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และกระโดดขึ้นไปบนรถแมคโครหนึ่งในสองคันนั้น เขาใช้มือจับคนขับรถแมคโครโยนลงมาข้างล่าง

จากนั้นเขาก็ทำเหมือนเดิมกับคนขับรถแมคโครอีกคัน และเตะไปที่ตัวของชายหัวล้าน จนมันลงไปนอนกองกับพื้นเหมือนหมา

คนในบริเวณนั้นเห็นรพีพงษ์จัดการคนพวกนั้นด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ก็ถึงกับอ้าปากค้าง

“นะ นี่มันจะเก่งเกินไปแล้ว ไอ้หมอนี่มันเป็นทหารพิเศษหรือเปล่า ถึงทำให้คนมากมายขนาดนั้นลงไปนอนกองกับพื้น”

“ทหารพิเศษจะเก่งเหมือนเขาเหรอ มิน่าล่ะถึงออกหน้าแทนคนพวกนั้น ที่แท้ต่อสู้เป็นนี่เอง”

“ต่อสู้เป็นน่ะก็อีกเรื่อง แต่อีกฝ่ายเป็นคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงเชียวนะ ไม่ใช่แค่ต่อสู้เป็นแล้วจะจัดการได้นะ ตอนนี้คนพวกนั้นถูกเขาจัดการจนลงไปนอนกองกับพื้น นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ถ้าคนในบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงมาจัดการเรื่องนี้ ไอ้หมอนั่นซวยแน่”

……

ชายหัวล้านคลานขึ้นจากพื้น มันมองรพีพงษ์อย่างหวาดกลัว จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว “กะ แกอย่าคิดว่าสู้พวกฉันได้แล้วเรื่องจะจบ พวกเราจัดการงานให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุง แกมาขวางพวกเรา แกคิดว่าคนในบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงจะปล่อยแกไปเหรอ! ฉันจะโทรหาประธาน เขาต้องมีวิธีจัดการแกแน่ แกรอรับความซวยได้เลย!”

พูดจบ ชายหัวล้านก็หยิบมือถือออกมาโทรหาใครบางคน

“ฮัลโหล ประธานณัฐปภัสร์ครับ มีใครไม่รู้โผล่มาจากไหน มันมาทำร้ายคนของเราและขวางไม่ยอมให้เรารื้อถอน ผมไม่รู้จะทำยังไงครับ เลยโทรหาคุณครับ” ชายหัวล้านพูดเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรม

ชายหัวล้านเพิ่งพูดจบ รพีพงษ์ก็แย่งมือถือมาจากมือของมัน

“แกทำอะไร เอามือถือฉันคืนมานะ! ฉันโทรหาประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงเชียวนะเว้ย แกบ้าไปแล้วหรือไง!”

ชายหัวล้านตะโกนออกมา

รพีพงษ์จ้องเขาเขม็ง จนมันต้องหุบปากลงทันที

รพีพงษ์เอามือถือแนบหู แล้วพูดว่า “คุณคือณัฐปภัสร์ใช่ไหม”

“นายเป็นใคร” เสียงปลายสายถามขึ้น

“รพีพงษ์”

เสียงปลายสายดูตื่นตระหนก ณัฐปภัสร์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นระรัวว่า “นายใหญ่รพีพงษ์ ทำไมถึงเป็นคุณ เกิดอะไรขึ้นที่นั่นครับ”

“คุณมาก็รู้เอง ตอนนี้ผมอยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็ก ถ้าคุณอยากให้เรื่องจบในวันนี้ ก็รีบมาซะ ไม่งั้นผมจะไม่ไว้หน้าคุณอีกแล้ว”

“ครับ ครับ คุณรอสักครู่ ผมจะรีบไป” ณัฐปภัสร์รีบพูดขึ้น

รพีพงษ์กดวางสาย แล้วโยนมือถือใส่ชายหัวล้าน จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น

ชายหัวล้านเอามือถือมาดู เห็นว่าได้วางสายไปแล้ว จึงรีบตะโกนใส่รพีพงษ์ “แกคุยอะไรกับประธาน แกพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่า ไอ้เวรเอ๊ย บ้าไปแล้วหรือไง!”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจชายหัวล้าน เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้พอแก้ได้ส่วนหนึ่งแล้ว เดี๋ยวประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงจะมาที่นี่ ผมจะคุยเรื่องสถานสงเคราะห์เด็กกับเขา ถ้าเขาไม่หาที่อยู่ให้เด็กๆ ก็ห้ามรื้อถอนที่นี่เด็ดขาด คุณบอกให้คุณครูพาเด็กเข้าไปก่อน เด็กไม่ควรจะเจอเรื่องแบบนี้”

เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินที่รพีพงษ์พูด เธอรีบเบิกตาโตแล้วพูดว่า “ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงจะมาที่นี่เหรอ งั้นเรื่องนี้ก็ยิ่งแย่เข้าไปอีกไม่ใช่เหรอ”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ผมให้เขามาจัดการเรื่องนี้ ประธานนั่นไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าผมหรอก”

ถึงสิ่งที่ออกมาจากปากรพีพงษ์จะดูเหมือนเป็นคำพูดธรรมดาทั่วไป แต่มันทำให้หัวใจของหญิงสาวสับสนไปหมด รพีพงษ์บอกว่าประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าเขา ความหมายของรพีพงษ์คือประธานนั่นไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าเขา

บริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงถือว่าเป็นองค์กรที่มีอำนาจมาก ขนาดประธานยังไม่กล้าบุ่มบ่ามต่อหน้ารพีพงษ์ งั้นรพีพงษ์เป็นใครกันแน่

จู่ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของผู้หญิงคนนั้น เธอนึกได้ว่าช่วงนี้ตระกูลลัดดาวัลย์กลับมาเป็นที่พูดถึงในเมืองเกียวโตอีกครั้ง และนายใหญ่ของตระกูลนั้นก็คือรพีพงษ์

“เชื่อผม” รพีพงษ์ยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น จากนั้นจึงไปบอกให้ครูพวกนั้นพาเด็กเข้าไปก่อน

ครูพวกนั้นรู้ดีว่าเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะช่วยได้ เด็กพวกนี้ยังบริสุทธิ์ การที่เอาพวกเด็กออกมาขัดขวางชายหัวล้านก็เป็นเรื่องที่จำใจต้องทำ

หลังจากที่รพีพงษ์กับผู้หญิงคนนั้นช่วยกันพูดคุย ทุกคนช่วยกันพาเด็กๆ เข้าไปในสถานสงเคราะห์ เหลือไว้เพียงครูและผู้หญิงคนนั้น

“ไอ้หนุ่ม นายออกหน้าแทนเราแบบนี้ คนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ ถ้าพวกนั้นจะทำอะไรนาย นายก็ให้พวกเรารับผิดชอบเถอะ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว” ครูหนึ่งในนั้นพูดขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกคุณวางใจเถอะ วันนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผมจะช่วยพวกคุณจัดการเรื่องทั้งหมดเอง”

ขณะนั้นชายหัวล้านเริ่มมีแรง มันคิดว่าเมื่อครู่รพีพงษ์ต้องพูดอะไรยั่วโมโหณัฐปภัสร์แน่ๆ ทำให้ณัฐปภัสร์ต้องมาจัดการรพีพงษ์ด้วยตัวเอง

ที่ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านก็เพราะมันแกล้งทำเป็นไม่กลัวอยู่

ชายหัวล้านได้ยินที่รพีพงษ์พูด ก็แสยะยิ้มออกมา “ไอ้เด็กน้อย แกอย่าฝันไปหน่อยเลย เดี๋ยวถ้าประธานมาถึง พวกแกไม่รอดแน่!”

ถึงแม้หญิงสาวคนนั้นจะพอคาดเดาได้ แต่เธอยังไม่กล้ายืนยัน ดังนั้นเธอจึงเดินไปถามรพีพงษ์ว่า “เอ่อ ฉันขอทราบชื่อคุณได้ไหมคะ”

“รพีพงษ์” รพีพงษ์ยิ้มและพูดตอบ

หญิงสาวถึงกับตกใจ เธอรู้ว่าตอนนี้นายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ชื่อว่ารพีพงษ์ และคนที่อยู่ตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ได้พูดล้อเล่น

“ฉะ ฉันชื่อกัญญาวีร์ วันนี้ต้องขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” ผู้หญิงคนนั้นทำให้ตัวเองดูเป็นปกติ แล้วพูดออกมา

“พวกนั้นจะรื้อถอนอย่างไร้เหตุผล ควรมีคนมารับผิดชอบ” รพีพงษ์พูด

ผ่านไปไม่นาน รถเบนซ์คันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าประตูสถานสงเคราะห์เด็ก ชายหัวล้านเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปที่หน้าประตูรถแล้วโค้งตัวเปิดประตูรถ “ประธานณัฐปภัสร์ครับ ในที่สุดคุณก็มาถึง ไอ้หมอนั่นมันเหิมเกริมมากครับ คุณจัดการมันเลยครับ”

เมื่อทุกคนเห็นว่าประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงมาจริงๆ พวกเขาต่างพากันมองรพีพงษ์ด้วยแววตาเห็นใจ

ณัฐปภัสร์เดินลงมาจากรถ เขาเหงื่อไหลเต็มหน้าเหมือนว่าเขารู้สึกกลัวมาตลอดทาง

หลังจากลงจากรถ ณัฐปภัสร์มองชายหัวล้านที่ยืนโค้งให้เขา ณัฐปภัสร์เตะชายหัวล้านอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วด่าว่า “แกก่อเรื่องอะไรให้ฉัน ทำไมไปหาเรื่องท่านนั้น ถ้าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท