พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 509 การมาถึงของดัมพ์รงค์

บทที่ 509 การมาถึงของดัมพ์รงค์

บทที่ 509 การมาถึงของดัมพ์รงค์

รพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่กัญญาวีร์พูด เขามีสีหน้าประหลาดใจ บนหน้าของเขามีแต่เครื่องหมายคำถาม

“แค่ก แค่ก ปะไปโรงแรมเหรอ” รพีพงษ์ย้อนถาม

จู่ๆ กัญญาวีร์ก็มีสีหน้าลำบากใจ เมื่อกี้เธอพาตัวเองเข้าไปในเรื่องราวของประธานเอาแต่ใจเสียแล้ว

แม้ว่ารพีพงษ์จะมีส่วนเหมือนประธานเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่คนคนนี้ดูติดดินเป็นอย่างมาก และเรื่องราวของประธานเอาแต่ใจ จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงได้อย่างไร

เธอรู้สึกทำอะไรไม่ถูก จู่ๆ ก็กระวนกระวายขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับรพีพงษ์ว่าอย่างไร

“ขอโทษค่ะ ฉันอ่านนิยายมากไป เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งสติอินนิยายมากไปหน่อย คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอก ฉันบ้าไปแล้ว” กัญญาวีร์พูดอย่างประหม่า

รพีพงษ์ยิ้มให้กัญญาวีร์ จู่ๆ ก็คิดถึงจารุณีที่ชอบดูละครเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเพราะจารุณีหรือเปล่าที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกดีกับกัญญาวีร์ และรู้สึกดีกว่าจารุณีอีก

“ผมมีน้องสาวคนหนึ่ง เธอก็ชอบดูละครเหมือนกัน และชอบเพ้อฝันว่าชีวิตจริงเหมือนในละคร จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ่อยๆ ท่าทีของคุณเมื่อครู่ดูเหมือนน้องสาวผมเลย” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

กัญญาวีร์คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะไม่คิดว่าเธอเป็นประสาท แล้วก็พูดถึงน้องสาวอีกด้วย เธอตกใจเล็กน้อย “น้องสาวคุณคงน่ารักมากเลยนะคะ”

“ใช่ครับ แต่ว่าตอนนี้เธอป่วยอยู่” รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างหดหู่

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้” กัญญาวีร์รีบเอ่ยขอโทษ

รพีพงษ์ส่ายหน้าไปมา เป็นการบอกว่าไม่เป็นอะไร “ตอนนี้คุณพอมีเวลาหรือเปล่า เข้าไปในสถานสงเคราะห์เด็กเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”

กัญญาวีร์พยักหน้า และคิดในใจว่าเรื่องในนิยายไม่มีทางเกิดขึ้นในชีวิตจริงหรอก

เธอกับรพีพงษ์เดินเข้าไปข้างในสถานสงเคราะห์เด็ก เธอรู้สึกประหม่าเมื่อได้เดินกับนายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์

ตอนนี้รพีพงษ์กังวลเรื่องของอารียา เขาอยากพูดเรื่องในใจให้ใครสักคนฟัง ก็เลยใช้โอกาสนี้พูดเรื่องของอารียากับจารุณีให้กัญญาวีร์ฟัง

เมื่อได้รู้ว่าตัวเองคล้ายกับอารียา กัญญาวีร์จึงรู้ทันทีว่าทำไมรพีพงษ์ถึงช่วยเธอ เธอฟังเรื่องของอารียาและเรื่องของจารุณีผู้ที่เป็นน้องสาวของรพีพงษ์ เธอรู้สึกชื่นชมและอิจฉาเป็นอย่างมาก

เดิมทีเธอคิดว่านายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์จะใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา นอนกับผู้หญิงไปซ้ำหน้า คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารพีพงษ์จะเป็นคนรักเดียวใจเดียว เธอจึงรู้สึกอิจฉาอารียาขึ้นมาในใจ

ผู้หญิงทุกคนล้วนปรารถนาที่จะเจอผู้ชายที่รักเธอเพียงคนเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบอ่านนิยายจำพวกประธานเอาแต่ใจอย่างเธอ

เมื่อได้ยินว่าอารียาหายตัวไป จารุณีอาการโคม่า กัญญาวีร์ขมวดคิ้ว เธอคิดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องเช่นนี้

รพีพงษ์พูดแค่ว่าพวกเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่ได้บอกว่าเป็นแผนการของโยษิตา เรื่องความแค้นนี้ไม่ควรพูดให้กัญญาวีร์ฟังน่าจะดีที่สุด

“คุณบอกว่ามีหมอเทวดาช่วยรักษาน้องคุณนิ แถมยังบอกว่าน้องคุณจะฟื้นเร็วๆ นี้ และคุณก็ได้เบาะแสของภรรยาคุณแล้วด้วย เรื่องทั้งหมดกำลังจะดีขึ้น” กัญญาวีร์พูดปลอบรพีพงษ์

รพีพงษ์หันไปยิ้มให้กัญญาวีร์แล้วพูดว่า “ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เรื่องทั้งหมดต้องดีขึ้น”

กัญญาวีร์พยักหน้า ทั้งสองคนเดินเข้าไปในสถานสงเคราะห์เด็ก ขณะนั้นเองกัญญาวีร์ตระหนักได้ว่ารพีพงษ์ก็มีอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป ความรู้ที่เขามีต่ออารียา ทำให้กัญญาวีร์รู้สึกว่ามันเริ่มใกล้ความจริงมากขึ้น

เมื่อรพีพงษ์ได้พูดความในใจออกมา เขารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย และเริ่มรู้สึกมีความหวังในการตามอารียากลับมา

หลังจากที่เขาเดินเล่นในสถานสงเคราะห์เด็กอยู่รอบหนึ่ง รพีพงษ์ตัดสินใจตั้งกองทุนสำหรับเด็กในสถานสงเคราะห์ เพื่อช่วยให้เด็กๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น

กัญญาวีร์ได้ยินที่รพีพงษ์พูดก็รู้สึกตื้นตันใจ เธอบอกว่าจะต้องให้เด็กๆ ได้รับรู้ถึงความดีของรพีพงษ์อย่างแน่นอน

เมื่อเขาเดินรพีพงษ์เดินเล่นเสร็จ เขาไม่ได้อยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็กต่อ หลังจากที่เขาโทรหาท่านคทาให้จัดการเรื่องกองทุนสำหรับเด็กสถานสงเคราะห์เสร็จแล้ว เขาจึงขับรถออกมาจากที่นั่น

…..

กรุ๊ปKIN

จิรเวชนั่งคุยกับโยษิตาอยู่ในห้องทำงาน สิ่งที่พวกเขาคุยกันคือไกรเดชเอาเงินของพวกเขาไปทำอะไรอีก สุดท้ายผลประโยชน์ก็ตกอยู่ในมือของตระกูลลัดดาวัลย์และหอการค้าสมน.

สองสามวันมานี้สีหน้าของจิรเวชไม่สู้ดีเท่าไร เรียกได้ว่าหน้าถมึงทึงเกือบทุกวัน อุปกรณ์ชงชาในห้องทำงานถูกเขาปาลงพื้นไปไม่รู้กี่อัน

“ให้มันเหิมเกริมไปอีกอีกสักสองสามวัน รอมันหมดลมหายใจแล้วยังจะสามารถมาอวดดีต่อหน้าฉันอีกไหม”

จิรเวชซัดเอกสารออกจากมือ แล้วแบะปาก

“คนมีฝีมือที่นายเชิญมาจะมาถึงเมื่อไร ตอนนี้ในหัวของฉันอยากให้รพีพงษ์ตายเร็วๆ มันมีชีวิตอยู่ฉันก็ไม่สามารถวางใจได้” คนที่แขนมีผ้าพันแผลพันอยู่อย่างโยษิตาพูดขึ้น

“ฉันไม่สามารถควบคุม การเดินทางของผู้มีฝีมือได้ เธอรีบ ฉันก็รีบเหมือนกัน อดทนหน่อยเถอะ เทือกเขากิสนามีความน่าเชื่อถือ ในเมื่อฉันจ่ายเงินไปแล้ว ฝั่งนั้นก็ต้องส่งคนมาแน่นอน” จิรเวชพูดอย่างหงุดหงิด

ขณะนั้นเองประตูห้องถูกเปิดออก เลขาที่สวมแว่นตากรอบดำเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

จิรเวชเห็นสีหน้าของเลขาก็รู้สึกตกใจ คนที่ทำให้เลขาเป็นแบบนี้ได้มีแค่ไม่กี่คน

เขาลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไร ทำไมตื่นตระหนกขนาดนี้”

“มีคนอยากพบคุณอยู่ด้านล่าง ไม่บอกว่าตัวเองเป็นใครและมาที่นี่ทำไม รปภ.จึงรั้งเขาไว้ สุดท้ายคนนั้นใช้กำลังจนทำให้รปภ. อาการสาหัสค่ะ” เลขาพูดอธิบาย

ในตอนแรกจิรเวชอึ้งไป ต่อมาเขาก็กระหยิ่มใจ และหันไปมองโยษิตา “คนที่พวกเรารอมาถึงแล้วล่ะ รีบลงไปกันเถอะ”

พูดจบพวกเขาก็รีบเดินออกจากห้องทำงาน และเดินลงไปข้างล่าง

ห้องโถงอาคารนิวเวร์ รปภ.นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ผู้ชายที่ใส่ชุดจีนโบราณสีดำยืนอยู่กลางห้องโถง ท่าทางของเขาคล่องแคล่วดั่งกระบี่ชั้นเลิศ

พนักงานที่อยู่ในห้องโถงต่างพากันหามุมหลบกันให้วุ่น เมื่อครู่พวกเขาได้เห็นฝีมือของชายคนนั้น เรียกได้ว่าเป็นคนวิปริตเลยล่ะ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยั่วโมโหเขา

ขณะนั้นจิรเวช โยษิตาและเลขาเดินออกมาจากลิฟต์ จิรเวชเห็นรปภ.สิบกว่าคนนอนกองอยู่บนพื้น ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แถมยังยิ้มออกมาอีกต่างหาก

ขอแค่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งของดัมพ์รงค์ ถึงจะมีโอกาสกำจัดรพีพงษ์ออกไป

ตอนที่โยษิตาเห็นดัมพ์รงค์ เธอถึงกับต้องตกใจกับความเก่งของเขา ในชีวิตเธอเจอคนมีฝีมือมาก็ไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นดัมพ์รงค์ แล้วสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดพึมพำออกมาว่า “รพีพงษ์ มีคนมีฝีมือระดับนี้อยู่ ถึงแกจะมีวิธีอีกสักร้อยวิธี ก็หนีไม่รอดแล้ว เวลาตายของแกใกล้จะมาถึงในอีกไม่ช้า!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท