พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 508 ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอก

บทที่ 508 ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอก

บทที่ 508 ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอก

หลังจากที่ณัฐปภัสร์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด จู่ๆ เขาก็รู้สึกจิตใจแตกสลาย ถึงคำพูดของรพีพงษ์จะดูเหมือนเป็นการขอความคิดเห็นจากเขา แต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

เขาใช้ทั้งเงินและความตั้งใจอย่างมากในการบังคับซื้อที่ดินแห่งนี้ ถ้าเขาซื้อที่ดินผืนนี้ เพื่อที่จะให้มันเป็นสถานสงเคราะห์เด็กต่อไป งั้นเขาเอาเงินไปลงทุนกับอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ

แต่เมื่อรพีพงษ์พูดเช่นนี้ ถึงเขาจะไม่ยินยอม ก็จำใจต้องตอบตกลง อีกอย่างการตอบตกลงก็แค่เสียที่ดินผืนนี้ไป แต่ถ้าทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจ เขาอาจจะต้องสูญเสียทั้งบริษัท

คนโง่ก็รู้ว่าในตอนนี้คนที่กล้าเป็นศัตรูกับรพีพงษ์ จะมีจุดจบอย่างไร

“นายใหญ่พูดถูกครับ จริงๆ ผมก็อยากทำความดีด้วยการช่วยเหลือผู้ที่ยากลำบากมานานแล้ว ในเมื่อนายใหญ่พูดแบบนี้ แน่นอนว่าการเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง” ณัฐปภัสร์กัดฟันพูด

เมื่อเห็นณัฐปภัสร์ตกลง รพีพงษ์จึงยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คุณวางใจเถอะ การทำบุญทำทาน จะทำให้คุณได้รับสิ่งตอบแทนที่ดี ผมไม่ให้คุณเสียเงินก้อนนั้นไปเปล่าๆ หรอก เมื่อเรื่องที่นี่เรียบร้อย แน่นอนว่าอาจจะมีโครงการไปที่บริษัทของคุณ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ณัฐปภัสร์แววตาเป็นประกาย ถ้าเทียบเงินนั่นกับคำพูดของรพีพงษ์ คำพูดของรพีพงษ์ยังมีค่ามากกว่า

“งั้นผมขอขอบคุณนายใหญ่ไว้ล่วงหน้า ผมจะดูแลเรื่องที่นี่อย่างดี ผมจะส่งคนมาพลิกโฉมที่นี่ใหม่ และเปลี่ยนของข้างในให้เป็นของใหม่ทั้งหมด เพื่อทำให้เด็กๆ ในสถานสงเคราะห์มีสิ่งแวดล้อมในการเจริญเติบโตที่ดี” ณัฐปภัสร์รีบพูดตอบ

จากนั้นเขาจึงหันไปพูดกับทุกคนว่า “ท่านทั้งหลาย ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความเมตตา ในหัวมีแต่ผลประโยชน์ จนทำให้เกือบจะรื้อถอนที่นี่ แต่เพราะนายใหญ่สั่งสอนผม ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ดังนั้นผมตัดสินใจที่จะใช้เงินพลิกโฉมที่นี่ใหม่ ทำให้เด็กๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น!”

เมื่อคนบริเวณนั้นได้ยินสิ่งที่ณัฐปภัสร์พูด ต่างก็อุทานออกมา โดยเฉพาะกัญญาวีร์กับครูที่อยู่ในสถานสงเคราะห์เด็ก พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่เพิ่งจะมารื้อถอนที่นี่ ภายในพริบตาเดียวกลับกลายเป็นผู้ที่จะมาพลิกโฉมที่นี่ใหม่

อีกทั้งทุกคนรู้ดีว่าการที่ณัฐปภัสร์เปลี่ยนไปเช่นนี้เพราะรพีพงษ์

“ให้ตายเหอะ ไอหนุ่มนั่นเป็นนายใหญ่ของตระกูลรพีพงษ์ เรามองคนจากภายนอกไม่ได้จริงๆ ฉันว่าแล้วทำไมเขาถึงสู้กับคนเยอะๆ แบบนั้นได้ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ไม่กลัวคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงหรอก”

“มองคนจากภายนอกไม่ได้ไม่สามารถใช้ได้กับที่นี่ แค่มองก็รู้ว่าเขาผ่านอะไรมามากมาย ต้องเป็นคนที่สูงส่งเท่านั้นถึงจะทำให้เรารู้สึกแบบนั้น อันที่จริงฉันรับรู้ได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา”

“ครั้งนี้สถานสงเคราะห์เด็กโชคดีจริงๆ ที่มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงมาพลิกโฉมให้ใหม่ นายใหญ่ทำความดีครั้งใหญ่แล้วล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงช่วยคนพวกนั้น”

“เรื่องนี้เดาได้ง่ายมาก พวกนายไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเหรอ หน้าตาดีขนาดนั้น เขาคงช่วยที่นี่เพราะเธอ ผู้หญิงหน้าตาดีพวกนี้ ช่างโชคดีจริงๆ”

……

เมื่อกัญญาวีร์ได้ยินคำพูดของณัฐปภัสร์ เธอถึงกับอึ้งไป เธอนึกว่าที่รพีพงษ์ถามเมื่อครู่ เพราะแค่อยากรู้ว่าพวกเธอมีความเป็นอยู่อย่างไรเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะให้บริษัทนั้นเปลี่ยนแผนการลงทุนเพราะคำพูดของเธอ

นี่มันทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่คิดว่าตัวเองควรจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้จากนายใหญ่

และพวกครูผู้หญิงต่างมีสีหน้าปลาบปลื้ม พวกเธอรู้ว่าการที่รพีพงษ์ช่วยสถานสงเคราะห์เด็ก ก็เพราะกัญญาวีร์ แต่เขาช่วยกัญญาวีร์เพราะอะไรนั้น พวกเธอไม่สามารถรู้ได้เช่นกัน แต่ว่าพวกเธอได้ใช้สมองช่วยกัญญาวีร์คิดแล้ว

ครูผู้หญิงพากันเดินเข้าไปหารพีพงษ์กับกัญญาวีร์ พวกเธอพากันโอบกอดกัญญาวีร์และพูดขอบคุณและชื่นชมความดีของเธอ

“คุณรพีพงษ์ จริงๆ แล้วกัญญาวีร์เป็นเด็กที่ไม่เลวเลยทีเดียว หน้าตาก็ดี จิตใจก็ดี คุณรพีพงษ์ชอบเธอ ถือว่าเป็นบุญที่เธอสะสมมาจริงๆ” ครูหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

ครูที่เหลือต่างพูดเสริม และชื่นชมกัญญาวีร์

กัญญาวีร์โดนชมจนหน้าแดง เธอก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกคุณอย่าล้อเล่นสิ คนอย่างคุณรพีพงษ์จะชอบฉันได้ยังไง”

รพีพงษ์ก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน การที่เขาช่วยเธอ เพราะเธอหน้าตาคล้ายอารียา อีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาพอจะช่วยได้ ถ้าไม่เจอเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่ช่วยหรอก แต่เมื่อเจอแล้วเขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้

ณัฐปภัสร์ได้ยินสิ่งที่ครูพวกนั้นพูด จากนั้นเขาจึงมองกัญญาวีร์อย่างละเอียด และคิดในใจว่าการที่รพีพงษ์ออกหน้าครั้งนี้ ก็เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้แน่ๆ เขาต้องจดจำผู้หญิงคนนี้ไว้ ภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องเธอ

เพื่อที่จะคลายความกระอักกระอ่วน รพีพงษ์หันไปมองณัฐปภัสร์ แล้วพูดว่า “’งั้นเรื่องวันนี้ก็พอแค่นี้ พาคนของคุณกลับไปเถอะ แล้วจำเรื่องที่ตัวเองพูดไว้ด้วย”

ณัฐปภัสร์หยักหน้า “ครับนายใหญ่”

พูดจบเขาก็หันหลังกลับไป จากนั้นจึงพาชายหัวล้านกับลูกน้องออกไปจากที่นี่ เดินไปได้ไม่ไกลณัฐปภัสร์ก็เตะไปที่ชายหัวล้าน แม้ว่าเรื่องวันนี้จะเกิดจากการบังคับรื้อถอน แต่เขาก็ยังหงุดหงิดใจ และระบายอารมณ์ใส่ชายหัวล้าน

หลังจากที่ณัฐปภัสร์พาคนพวกนั้นกลับไป คนบริเวณนั้นก็พากันแยกย้าย ไม่นานที่ประตูหน้าสถานสงเคราะห์เด็กเหลือเพียงรพีพงษ์กับกัญญาวีร์และพวกครู

ครูพวกนั้นมองรพีพงษ์กับกัญญาวีร์อย่างมีเลศนัย จากนั้นพวกเธอจึงเดินออกตรงนั้น

ทำให้ตรงนั้นเหลือเพียงกัญญาวีร์กับรพีพงษ์ มันยิ่งน่าอายเข้าไปใหญ่

“ตอนนี้เธอเป็นเพียงนักศึกษาปีสี่ การที่เธอมาที่นี่เพราะทำงานเพื่อสังคม เมื่อนานมาแล้ว กัญญาวีร์เคยเพ้อฝันว่าตัวเองจะได้เจอผู้ชายแบบไหนในมหาวิทยาลัย แต่น่าเสียดายที่จนกระทั่งปีสี่เธอก็ยังไม่เจอคนที่เหมาะสม”

เพราะว่าเธอมีความปรารถนาด้านความรัก แถมยังไม่ได้เจอคนที่ใช่ กัญญาวีร์ชอบอ่านนิยาย โดยเฉพาะนิยายจำพวกประธานเอาแต่ใจอะไรทำนองนั้น เธอรู้สึกว่าจากนิสัยของเธอ น่าจะเจอกับพวกประธานเอาแต่ใจถึงจะเหมาะสมที่สุด

และวันนี้เธอได้พบกับรพีพงษ์ นายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์คนนี้ ยิ่งกว่าพวกประธานเอาแต่ใจเสียอีก และเรื่องในวันนี้ก็ไม่ต่างจากในนิยาย รพีพงษ์ช่วยเธอจัดการปัญหาที่นี่ เพราะเขาชนเธอ

นี่ทำให้กัญญาวีร์เพ้อไปว่าเทพบุตรทั้งหลายก็คือรพีพงษ์

จากเนื้อเรื่องในนิยาย ประธานเอาแต่ใจช่วยสาวน้อยตกยาก เนื้อเรื่องต่อไปก็น่าจะเป็น…ตกเป็นของเขา?

ไม่ได้สิ เธอต้องรักนวลสงวนตัว เริ่มแรกนางเอกในนิยายต้องปฏิเสธก่อน จากนั้นก็จะถูกประธานเอาแต่ใจบังคับไป แบบนี้สิประธานถึงจะได้แสดงความเอาแต่ใจของตัวเองออกมา

กัญญาวีร์มองรพีพงษ์อย่างประหม่าและคาดหวัง “คุณรพีพงษ์ ฉันขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเพื่อฉันในวันนี้ แต่ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอกนะ”

ห๊ะ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท