พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่543 บริจาคให้มหาลัยพันล้าน

บทที่543 บริจาคให้มหาลัยพันล้าน

บทที่543 บริจาคให้มหาลัยพันล้าน

สถานการณ์ด้านหน้าตึกเริ่มตึงเครียดขึ้นมา ทุกคนไม่คาดคิด ว่าผดุงสิทธิ์จะพูดแบบนี้ออกมาได้

เพื่อออกหน้าแทนรพีพงษ์ ผดุงสิทธิ์ไม่เสียดายที่จะให้อธิการบดีไล่เขาออกไปด้วย นี่มันทำให้ทุกคนตะลึงได้อย่างจริงๆ

นิษฐาหนึ่งในคนหมู่นั้นเห็นดังนี้ ก็ไม่เข้าใจ พึมพำว่า “ผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์บ้าไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะทำผิดต่อตระกูลพงศ์ธนธดาเพื่อไอ้นั่น นี่มันหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ”

“แล้วครั้งนี้ฉันก็ได้รับทุนของตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าเป็นเพราะรพีพงษ์ แล้วตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกทุนล่ะก็ ฉันจะเกลียดเขาอย่างมาก”

ขนมปังคิดว่าจะตัดการเรื่องนี้ได้ง่ายๆ กลับไม่คาดคิดว่าจะมีคนรับหน้าแทนไอ้โรคจิตนั่นด้วย แล้วยังยืนหยัดอีก นี่ค่อนข้างอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ

เธอรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนดูถูก ผู้อำนวยการบ้าบอไม่ใส่ใจคำพูดเธอเลย ทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในเมื่อไอ้แก่พูดแบบนี้ งั้นตอนนี้ถึงแม้คนเหล่านี้จะคุกเข่าขอร้องเธอ เธอก็ไม่มีทางให้เรื่องนี้จบง่ายๆเป็นแน่

“เหอะ พวกคุณหาเรื่องเองนะ จากวันนี้เป็นต้นไป ทุนการศึกษาที่ตระกูลพงศ์ธนธดาให้มหาวิทยาลัยฟูตันไว้นั้น ยกเลิกทั้งหมด โดยไม่มีข้อแม้ แม้พวกคุณจะรู้สึกผิด ก็อย่ามาหาพวกเราอีก!”

พูดจบ ขนมปังก็หันหลังอย่างโมโห พาการ์ดเหล่านั้นออกไปจากมหาลัย

พรรธน์ยศตะโกนตามหลังขนมปัง ขนมปังไม่สนใจเขา ออกไปจากมหาลัยโดยตรง

ทุกคนเริ่มถกเถียงกันเพราะเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นส่วนใหญ่โทษรพีพงษ์ เพราะเรื่องนี้เป็นเพราะรพีพงษ์ ทุนการศึกษาส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้รับเพราะเหตุผลนี้แล้ว

“รพีพงษ์นี่ชั่งน่าเกลียดจริงๆ เพราะเขา ทุนการศึกษาของเราจึงไม่มีแล้ว”

“แม่ง ฉันยังคิดอยู่ว่ารอให้เงินทุนการศึกษาออกแล้วจะซื้อชุดให้แม่สักหน่อย ต้องโทษไอ้น่ารังเกลียดรพีพงษ์นี่ ชั่งน่าโมโหจริงๆ”

“ไอ้คนขี้ขลาด ให้ผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์ออกหน้าแทน ไม่รู้ว่าหมุนหัวไปไหน ฉันว่าเราต้องไปหามันให้เจอ ให้เขาไปยอมรับผิดกับตระกูลพงศ์ธนธดา อย่างน้อย ต้องให้เขาเอาทันการศึกษาของเรากลับคืนมา!”

……

พรรธน์ยศหันไปมองผดุงสิทธิ์ กัดฟัน แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “คุณมึนไปแล้วจริงๆ!”

พูดจบ เขาก็หันหลังไป แล้วจากไปด้วยความโกรธ

มโนชาเดินไปข้างๆผดุงสิทธิ์ ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ผู้อำนวยการ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

ผดุงสิทธิ์หันไปหาเธอ ส่ายหัวแล้วกล่าว “ผมไม่เป็นไร เพียงแค่คนพวกนี้รังแกคนเกินไป คาดไม่ถึงว่าจะเหยียดหยามคุณรพีได้ขนาดนี้ พวกเขาริดว่าตัวเองมีอำนาจมากทุกคนต้องฟังพวกเขา เรื่องนี้ผมไม่มีทางเปลี่ยนฝั่ง และผมก็เชื่อว่าคุณรพีไม่ใช่คนแบบนั้น” มโนชาพยักหน้าให้ผดุงสิทธิ์ เห็นด้วยกับคำพูดของผดุงสิทธิ์อย่างมาก

ณ ห้องประชุมมหาลัย

ตอนที่รพีพงษ์เดินมาถึงประตูของห้องประชุม ได้ยินด้านในทะเลาะกันเสียงดัง

วันนี้ที่ขนมปังพาคนมา เพราะตอนนั้นรพีพงษ์อยู่ที่บริษัทลานคอนกรุ๊ป ดังนั้นจึงไม่เห็น เมื่อเขากลับมา ขนมปังก็ได้พาคนกลับไปนานแล้ว

จากนั้นเขาได้รับโทรศัพท์จากมโนชา ให้เขามาที่ห้องประชุมของมหาลัย จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และความคิดเห็นของอาจารย์และนักศึกษาในวันนี้ให้รพีพงษ์ฟัง

รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าสาวใช้ที่ติดตามอารียานั้นจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ไม่เพียงจะให้เขาอับอายขายหน้าต่อหน้าคนทั้งมหาลัย แต่ยังเอาเรื่องทุนการศึกษามาขู่อธิการบดีมหาลัยอีกด้วย ทำให้ภาพพจน์ของตระกูลพงศ์ธนธดาในสายตาเขา ลดลงไป

เพิ่งมาถึงประตูห้องประชุม รพีพงษ์ได้ยินคนด้านในถกเถียงกันอยู่ เกี่ยวกับทุนการศึกษา

การที่ตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกทุนการศึกษา มีผลกระทบอย่างมากกับมหาลัย มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยร้องเรียนกับทางมหาลัยแล้ว ถ้าพวกเขาจะปิดการต่อต้านของเหล่านักศึกษาได้นั้น ต้องใช้เงินจากบัญชีมหาลัยใช้เป็นทุนการศึกษา แต่ทว่ากองทุนของตระกูลพงศ์ธนธดาทั้งหมดคือสามร้อยล้าน แม้บัญชีมหาลัยจะมีเงิน ก็ไม่มีทางให้ทุนการศึกษาได้มากขนาดนั้น

รพีพงษ์ยืนฟังอยู่ที่ประตูสักครู่ จากนั้นก็เปิดประตูเดินเข้าไป

ห้องประชุมที่ดังโวกเวกโวยวายทันใดนั้นก็เงียบสงบลง และรพีพงษ์ได้เห็นผดุงสิทธิ์กำลังถกเถียงกับคนอื่นอยู่ เห็นชัดเจนว่าเขากำลังโดนรุม

พรรธน์ยศเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ใบหน้าที่บึ้งอยู่แล้วกลับบึ้งขึ้นไปอีก เขาไม่คาดคิดว่าอาจารย์อคันตุกะที่ผดุงสิทธิ์เชิญมานั้น จะวัยรุ่นขนาดนี้ นี่มันไร้สาระชัดๆ

“คุณคือรพีพงษ์? คุณรู้หรือเปล่าว่าเพราะคุณ ทำให้ทางมหาลัยเสียหายอย่างมาก? ตอนนี้พวกเรากำลังระดมความคิด คุณในฐานะตัวการหลัก ลองว่ามา ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง” พรรธน์ยศกล่าวอย่างอารมณ์เสีย

ผดุงสิทธิ์กล่าวทันใดว่า “รพีพงษ์ เรื่องนี้คุณไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ตระกูลพงศ์ธนธดารังแกคนเกินไป เพราะตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกทุนการศึกษา จึงปัดความรับผิดชอบมาใ้ห้คุณ แต่คุณไม่ต้องกังวล คุณคือคนที่ผมเชิญมา ความรับผิดชอบทั้งหมด ผมจะรับมันไว้เอง” รพีพงษ์ได้ยินผดุงสิทธิ์พูดแบบนี้ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจ คนดีๆแบบนี้ มีไม่มากแล้ว

แต่รพีพงษ์มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ดังนั้นผดุงสิทธิ์จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ

พรรธน์ยศได้ยินคำพูดของผดุงสิทธิ์ สองมือก็สั่นอย่างบังคับไม่อยู่

“เรื่องนี้เขาไม่ผิดได้อย่างไรกัน! ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ตระกูลพงศ์ธนธดาจะยกเลิกทุนการศึกษาได้ไงกัน ไม่งั้นนักศึกษาด้านล่างจะร้องเรียนมากขนาดนี้ได้ไง ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่ต้องให้ทุนการศึกษาแล้ว จะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ ตั้งแต่แรกได้ไงกัน ถ้าไม่ให้ทุนการศึกษาเหล่านี้ พวกนักศึกษาจะคิดยังไง มันจะกระทบมหาลัย คุณพูดว่าไม่ได้ทำผิด งั้นทุนการศึกษาที่ต้องให้กับนักศึกษา คุณจ่ายไหม” พรรธน์ยศตะคอกไปที่ผดุงสิทธิ์

ผดุงสิทธิ์พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี ได้แต่เงียบ

ถึงแม้เขาคิดว่ารพีพงษ์ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ให้เขาจ่ายทุนการศึกษาที่ขาดไป เกรงว่าเงินเดือนที่เขาเก็บมาหลายปีนี้ ก็ยังไม่พอ

เห็นผดุงสิทธิ์ไม่พูดอะไรต่อ พรรธน์ยศหันไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “พวกเราตกลงกันได้แล้ว เรื่องนี้ เป็นเพราะคุณ ทำไมคุณถึงได้ไปพูดคำนั้นต่อหน้าคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดา พวกเรามิอาจทราบได้ แต่เช่นเดียวกัน มหาลัยของเราไม่ควรต้องรับกรรมของการกระทำที่คุณทำไว้”

“ดังนั้นคุณต้องไปรับผิดกับคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดา แล้วทำตามข้อเรียกร้องของเค้า ยอมรับการลงโทษ ร้องขอให้พวกเขาจ่ายทุนการศึกษาอีกครั้ง มีเพียงวิธีนี้ ที่จะชดเชยความผิดของคุณได้”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของพรรธน์ยศ ก็ยิ้มออกมา แล้วกล่าว “ผมไม่ผิด ทำไมต้องชดใช้?”

ในที่ประชุม นอกจากผดุงสิทธิ์ คนที่เหลือตกใจ มองไปที่รพีพงษ์อย่างคิดไม่ถึง

“คุณ……คุณไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า! คุณวิ่งไปด้านหน้าของคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาแล้วบอกว่าเธอคือภรรยาคุณ ตอนนี้ยังพูดว่าตัวเองไม่ผิดอย่างไม่อายปากอีก นี่มันเข้าขั้นหน้าด้านแล้วนะ เห็นได้น้อยมากในชีวิตนี้!” พรรธน์ยศโมโหเกรี้ยวกราด

คนที่เหลือก็ว่ารพีพงษ์ตามๆกัน ล้วนรู้สึกว่ารพีพงษ์หน้าด้าน

“คนนั้นเป็นภรรยาของผมจริงๆ ทำไมถึงกลายเป็นพูดได้ไม่อายปากได้ล่ะ” รพีพงษ์ถามกลับ

ครั้งนี้พรรธน์ยศไม่รู้จะตอบรพีพงษ์อย่างไรดี เขารู้สึกว่าคนนี้ชั่งไม่มีเหตุผลเสียจริงๆ

ผดุงสิทธิ์ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมรพีพงษ์ต้องพูดว่าคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นภรรยาของเขา หรือเรื่องนี้ มีสิ่งใดแอบแฝงที่พวกเขาไม่รู้อีกอย่างนั้นหรอ?

“เรื่องนี้ ตระกูลพงศ์ธนธดาหาเรื่องก็เท่านั้น พวกเขาให้สาวใช้มา ทำลายชื่อเสียงของผม ผมไม่คิดบัญชีกับพวกเขา ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ตอนนี้ยังให้ผมไปยอมรับผิดกับคนของตระกูลพงศ์ธนธดา ตลกไปเปล่า” รพีพงษ์พูดต่อ

พรรธน์ยศมองรพีพงษ์ด้วยความโกรธ แล้วถาม “ได้ยินผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์บอกว่า คุณเป็นคนต่างถิ่น? เกรงว่าคุณยังไม่รู้ว่าสถานะทางสังคมของตระกูลพงศ์ธนธดาในเมืองเซี่ยงไฮ้นั้นเป็นอย่างไร?”

“ทราบครับ” รพีพงษ์ตอบ

“ไนเมื่อรู้ คุณก็ไม่ควรเป็นศัตรูกับตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็มีแต่ตายกับตาย ตอนนี้พวกเรากำลังช่วยคุณอยู่ คุณเข้าใจไหม?” พรรธน์ยศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

รพีพงษ์ถอนหายใจ เขารู้ดี ผู้บริหารมหาลัยเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเขา ดังนั้นไม่ว่าจะพูดยังไง คนพวกนี้ก็ไม่มีทางเข้าใจเขาได้

แบบนี้ สู้หาทางออกที่ง่ายดายดีกว่า

เรื่องของตระกูลพงศ์ธนธดา ท่านผู้บริหารทั้งหลายไม่ต้องเป็นห่วง และผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย เรื่องนี้ ผมจะไปหาตระกูลพงศ์ธนธดาเอง สิ่งที่อธิการบดีเป็นกังวลคือ เรื่องของทุนการศึกษา ผมพูดถูกไหม?” รพีพงษ์กล่าว

เมื่ออธิการบดีได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็พยักหน้าอย่างไม่พอใจ แล้วกล่าว “ใช่ หลายปีมานี้ตระกูลพงศ์ธนธดาช่วยมหาลัยของเราไม่น้อย ถ้าไม่มีกองทุนนี้ สำหรับมหาลัยแล้วจะเป็นเรื่องที่เสียหายอย่างมาก”

“หรอ? ทุนการศึกษาที่ตระกูลพงศ์ธนธดาให้ไว้ ทั้งหมดเท่าไหร่?” รพีพงษ์ถาม

“สามร้อยล้าน ทำไม หรือคุณจะออกเงินสามร้อยล้านนี่เองหรอ?” พรรธน์ยศกล่าวอย่างสงบ

เหล่าผู้บริหารที่นั่งรอบๆก็หัวเราะตามขึ้นมา จำนวนสามร้อยล้านนี่ เพียงพอที่จะทำให้รพีพงษ์ตกใจได้แน่นอน

รพีพงษ์คิดว่าแค่สามร้อยล้านเอง เป็นเรื่องเล็กๆเท่านั้น ผู้บริหารเหล่านี้กำลังปวดหัวเกี่ยวกับเงินสามร้อยล้าน ชั่งทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ

“เอาแบบนี้ล่ะกัน ผมบริจาคให้มหาลัยพันล้าน เป็นทุนการศึกษาเช่นกัน ทุนที่พวกคุณสัญญาไว้กับนักศึกษาก็ยังคงให้ตามเดิม แล้วเพิ่มอีกเท่าตัว เอาจากพันล้านที่ผมบริจาคให้ ว่าไง?” รพีพงษ์กล่าว

เมื่อผู้บริหารเหล่านั้นที่กำลังหัวเราะอยู่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคออยู่อย่างไรอย่างนั้น รอยยิ้มดูแคลนบนใบหน้าหายไปในทันใด แทนที่ด้วยความนิ่ง

“เด็กนี่สติมันดีอยู่ใช่ไหม? ยังอยากบริจาคเงินให้มหาลัยอีกพันล้าน คิดว่าเงินปลิวมาตามลมหรือไง”

“เอิ่ม ผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์มึนแล้วจริงๆ ที่เชิญเซียนมาที่มหาลัย นี่มันสร้างปัญหาให้มหาลัยชัดๆ”

“ชั่งคุยโวโอ้อวดจริงๆ ตระกูลพงศ์ธนธดาเค้าใหญ่ขนาดนี้ ให้มหาลัยแค่สามร้อยล้าน เขาอ้าปากก็พันล้าน เห็นเราเป็นเด็กสามขวบหรือไง”

……

ผดุงสิทธิ์จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างตะลึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะบริจาคให้มหาลัยพันล้าน

ตัวเลขนี้ สำหรับคนกินเงินเดือนนั้น เป็นยอดเงินที่มหาศาลเหลือเกิน

“ถึงขนาดนี้แล้ส คุณอย่ามาล้อเล่นกับผมอีกเลย วิธีที่โอเคที่สุดในตอนนี้ ก็คือคุณไปขอโทษคนของตระกูลพงศ์ธนธดา แบบนี้ถึงจะสามารถให้ตระกูลพงศ์ธนธดาให้เงินทุนต่อ” พรรธน์ยศกล่าว

“ผมไม่ได้ล้อเล่น พวกคุณรอสักครู่”

รพีพงษ์พูดไปหนึ่งประโยค จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์เบอร์หนึ่ง

หลังจากที่สั่งการไปแล้ว รพีพงษ์วางสาย ยิ้มให้พรรธน์ยศแล้วกล่าว “พันล้าน พูดจริงทำจริง”

พรรธน์ยศไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์ รู้สึกเพียงแค่วัยรุ่นที่อยู่หน้าเขาตอนนี้สมองน่าจะมีปัญหาจริงๆ

แต่ไม่นาน อาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งของฝ่ายบัญชีรีบวิ่งมาอย่างร้อนรน ตะโกนไปที่พรรธน์ยศ “ท่านอธิการบดี เมื่อกี๊มีบัญชีนิรนามโอนเข้าในบัญชีจำนวนพันล้าน บอกว่าในนามรพีพงษ์ บริจาคให้มหาลัย พวกเราคงไม่โดนแฮ็คหรอกใช่ไหม!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท