พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่553 วิไลพรที่เมา

บทที่553 วิไลพรที่เมา

บทที่553 วิไลพรที่เมา

พสธรจ้องไปที่รพีพงษ์ เขาไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่รพีพงษ์ตบแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าไอ้นี่จะไม่ให้เขากลับ นี่มันทำให้เขาอดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

“มึงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีใช่ไหม? กูไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่มีงตบแล้ว มึงยังไม่จบอีก ตอนนี้กูยกเลิกทำการค้ากับบริษัทลานคอนกรุ๊ปแล้ว ดังนั้นไม่มีทางจะให้เกียรติวิไลพรอีกแล้ว มึงก็แค่เพื่อนรักติ๊งต๊องของมัน ถ้ามึงเยอะ กูจะทำให้มึงอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ได้!” พสธรก็เมา แล้วตะคอกใส่รพีพงษ์

“เมื่อกี๊ฉันให้โอกาสแกขอโทษแล้ว ในเมื่อแกไม่ฉวยมันเอาไว้ งั้นฉันก็จะไม่เกรงใจล่ะ” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ

“ฉวยโอกาสห่าไรล่ะ ก็จะเอาคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาแล้วจะทำไม หรือมีงจะไปฟ้องตระกูลพงศ์ธนธดาเรื่องกู? หยุดล้อเล่นได้ล่ะ เกรงว่ามึงแม้แต่ประตูใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดาก็น่าจะเข้าไม่ได้!” พสธรด่าต่อ

รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถีบไปทีาท้องของพสธร ร่างของพสธรลอยไปด้านหลัง ชนเข้ากับโต๊ะด้านหลัง

ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์นี้ คนจำนวนไม่น้อยไปหลบอยู่ในมุม บางคนก็มองนพีพงษ์อน่างหวาดกลัว ไม่คาดคิดว่าไอ้นี่แรงมันจะเยอะได้ขนาดนี้

พสธรล้มลงบนโต๊ะแล้วครวญครางออกมา จากนั้นก็กัดฟันยืนขึ้นมา มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความเกลียดชัง แล้วตะคอก “มึง นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ! กูจะเรียกคนมาเก็บมึงเดี๋ยวนี้!”

รพีพงษ์บึนปาก แล้วเดินไปที่พสธร กล่าว “ไม่จำเป็น เรียกมาก็เสียเวลา จัดการมึงคนเดียว ก็พอแล้ว”

พูดจบ รพีพงษ์ยื่นมือ ไปจับคอเสื้อของพสธร ดึงเขาลงมาจากโต๊ะ แล้วเริ่มปล่อยหมัดรัวๆ

พสธรถูกรพีพงษ์ต่อยจนไม่มีแรงต่อกลอน ทำได้เพียงมองหมัด ที่ชกเข้ามาอย่างรุนแรงยังร่างของตนเองเท่านั้น

ทุกคนในห้องรับรองมองเหตุการณ์อย่างหวาดกลัว คนจำนวนไม่น้อยเย็นวูบ รู้สึกว่ารพีพงษ์รุนแรงเกินไป

ผ่านไปสักพัก พสธรทนไม่ไหว โบกมือให้รพีพงษ์ ใช้เสียงอันอ่อนแรงกล่าวว่า “ผม……ผมผิดไปแล้ว ได้โปรด หยุดเถอะ ถ้าเป็นงี้ต่อไป ผมจะต้องโดนต่อยตายแน่ๆ”

รพีพงษ์หยุด แล้วพูดต่อพสธรว่า “ขอโทษ”

พสธรขมขื่น ทนกับความเจ็บปวด แล้วขอโทษ “ผมไม่ควรพูดลวนลามคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดา ผมไม่มีสิทธิ์พูดเหยียดหยาม คุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดา ผมรับรองว่าต่อไปจะไม่พูดคำพูดแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”

รพีพงษ์ปล่อยพสธร แล้วหันหน้าไปหาวิไลพร แล้วกล่าว “พวกเราไปกันเถอะ”

วิไลพรพยักหน้า แล้วเดินออกจากห้องรับรองพร้อมกับรพีพงษ์

ถึงประตูของktv รพีพงษ์หันไปคุยกับวิไลพร ว่า “ตอนนั้นขอบคุณคุณนะ”

วิไลพรยิ้ม แล้วกล่าว “คุณชายพูดอะไร ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ไม่มีทางจะช่วยคนบ้าพวกนั้นหรอก แต่ถ้าคุณชายอยากขอบคุณฉันจริงๆ ก็มอบหัวใจให้ฉันสิ”

รพีพงษ์พูดไม่ออก แล้วกล่าว “เอากุญแจบริษัทให้ผม คุณกลับบ้านเถอะ”

วิไลพรตัวอ่อนระทวย แล้วพิงไปที่ตัวของรพีพงษ์โดยตรง

“คุณชาย มีนาดื่มเยอะ ตอนนี้ไม่รู้แยกทิศทางไม่ออกแล้ว แล้วเมื่อกี๊ตอนออกมาก็โดนลม รู้สึกโลกหมุนติ้วๆ คุณวางใจให้มีนากลับไปคนเดียวหรอ เกิดตอนทางกลับเจอกับพวกนักเลงเข้าล่ะ ความซิงของมีนา ก็เสียไปเลยงั้นหรอ”

รพีพงษ์เห็นวิไลพรล้มตัวลงมาที่อกของตน ราวกับไม่กลัวว่าเธอจะล้มลงกับพื้นอย่างไรอย่างนั้น ก็รู้สึกเบื่อหน่าย เอามือยื่นออกมา แล้วรับตัวเธอเอาไว้

“คุณไม่กลัวผมเป็นนักเลงหรอ?” รพีพงษ์กล่าว

วิไลพรหัวเราะ ด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบ แล้วกล่าว “ถูกนักเลงอย่างคุณชายลวนลาม เป็นความฝันของมีนา คุณชาย ได้โปรดลงมือ ยิ่งรุนแรงยิ่งดี มีนาชอบความตื่นเต้นแบบนั้น”

รพีพงษ์เกือบผลักวิไลพรออก แล้วหันหลังจากไป

“พอล่ะ หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว รีบเอากุญแจบริษัทมาให้ผม ผมรู้ว่าคนขับรถส่วนตัวของคุณอยู่ใกล้ๆ” รพีพงษ์กล่าว

วิไลพรสิ้นหวัง มองรพีพงษ์อย่างบึนปาก แล้วกล่าว “ในเมื่อคุณจะไปบริษัท งั้นฉันไปด้วย มีนาจะตามคุณไป บริษัทใหญ่ขนาดนั้น มีนาจะต้องดูแลความปลอดภัยของคุณชาย”

พูดจบ วิไลพรโทรศัพท์ เรียกคนขับรถส่วนตัวมารับ

ทั้งสองขึ้นรถไปพร้อมกัน วิไลพรให้คนขับรถส่งพวกเธอไปอาคารลานคอน

รพีพงษ์ค่อนข้างเบื่อหน่าย กับสาวสังคมขึ้นชื่อของเมืองเซี่ยงไฮ้ ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ

ทางไป เพราะดื่มเหล้ามากเกิน บวกกับได้พักนิดหน่อย วิไลพรรู้สึกมึน ร่างกายรับไม่ไหวแล้วล้มลงไป

ครั้งนี้เธอไม่ได้เสแสร้งต่อหน้ารพีพงษ์ แต่เป็นเพราะดื่มเยอะแล้วสลบไปจริงๆ

เธอนั่งพิงไหล่ของรพีพงษ์ รพีพงษ์ยื่นมือไปรับหัวเธอเอาไว้ แล้วกล่าว “นั่งให้ดีๆ”

“คุณชาย เค้า……ดื่มเยอะไป คุณทนเห็นเค้าทรมานได้หรอ?” วิไลพรพูดอย่างอ่อนแอ รพีพงษ์ขมวดคิ้ว พบว่าวิไลพรไม่ได้เสแสร้ง

“งั้นคุณก็ไปอยู่ใกล้ๆกระจก” รพีพงษ์กล่าว

“ไร้ความรู้สึก” วิไลพรพูดคำนี้ต่อรพีพงษ์ จากนั้นก็ไปนั่งข้างๆกระจก

ถึงอาคารลานคอน รพีพงษ์ลงจากรถ เห็นวิไลพรนอนอยู่ที่นั่งตรงนั้น ปวดหัว เขาจึงเอาวิไลพรลงมาจากรถ แล้วกล่าว “รีบเอากุญแจมาให้ผม ผมจะไปเปิดประตู”

วิไลพรชี้ไปที่อกของตัวเอง บอกให้รพีพงษ์รับรู้ว่ากุญแจอยู่ที่อก

รพีพงษ์มองไป พบว่าวิไลพรได้ใส่สร้อยบนคอ ถ้าเขาทายไม่ผิดล่ะก็ กุญแจของบริษัทน่าจะอยู่บนคอ

เขาก้มหน้ามองที่วิไลพรชี้ไปที่อก ก็กลืนน้ำลาย คิดว่ากุญแจวางไว้ที่ไหนไม่วาง ดันไปแขวนไว้บนคอ เธอตั้งใจทำแน่ๆ

เขายื่นมือไปจับสร้อยของวิไลพร หยิบกุญแจออกมาจากตรงนั้น จากนั้นจะไปเปิดประตู

แต่ทว่าเมื่อเขาปล่อยวิไลพร วิไลพรก็ล้มลงกับพื้น เขาทำได้เพียงพยุงวิไลพรเดินไปที่ประตู ใช้กุญแจเปิดประตู พาเธอเดินเข้าไปด้วย

เดินไม่ถึงสองก้าว วิไลพรก็หยุดอยู่กับที่ แล้วพูดต่อรพีพงษ์ว่า “ฉันเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว คุณชาย กอดฉันหน่อย”

รพีพงษ์จ้องไปที่วิไลพร เธอดื่มไปเยอะจริงไ ก็ทำได้เพียงอุ้มวิไลพรขึ้นมาจากพื้น แล้วรีบเดินเข้าไปอย่างเร็ว

วิไลพรยิ้มอย่างสะใจ ยื่นมือทั้งสองออกไป โอบคอของรพีพงษ์ไว้

ในอาคารลอนคอนมีห้องไว้ให้สำหรับพนักงานพักผ่อนโดยเฉพาะ รพีพงษ์กอดวิไลพรมาถึงหน้าประตูห้อง เปิดประตูหนึ่งออก แล้วเอาวิไลพรวางไว้บนเตียง

ขณะนี้มีเพียงวิไลพรและรพีพงษ์สองคนเท่านั้น วิไลพรเป็นบุคคลพิเศษ ตอนที่หยิบกุญแจนั้น รพีพงษ์ได้รู้สึกถึงปฏิกิริยาโต้ตอบของตนบ้างแล้ว

ดังนั้นหลังจากที่วางวิไลพรแล้ว รพีพงษ์ก็รีบออกจากห้อง ไปนอนพักผ่อนห้องข้างๆ

แต่ทว่าวิไลพรเหมือนกับจะรู้ว่ารพีพงษ์จะหนีอย่างไรอย่างนั้น จึงใช้มือสองข้างจับคอของรพีพงษ์ไว้แน่นไม่ปล่อย

ทั้งสองอยู่ใกล้กัยชั่วขณะหนึ่ง รพีพงษ์รับรู้ถึงกลิ่นหอมบางๆและกลิ่นแอลกอฮอล์บนตัวของวิไลพร ก็ใจเต้นเร็วชั่วขณะ

“ปล่อยผม ไม่งั้นผมจะใช้แรงแล้วนะ” รพีพงษ์กล่าว

วิไลพรปิดตาลง แล้วยิ้ม กล่าว “คุณชายจะใช้แรงกับฉันหรอ ดีมากเลย มีนาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี” รพีพงษ์เอือมระอา ยื่นมือไปจับข้อมือของวิไลพร ใช้แรง เพื่อปลดมือเธอออก

ในตอนที่รพีพงษ์หันตัวเพื่อจะออกไปนั้น วิไลพรก็รีบกล่าวขึ้นมาทันใดว่า “คุณชาย อย่าไป……”

“คุณนอนที่นี่เถอะ” รพีพงษ์กล่าว

“ฉันขยับไม่ได้ ไม่มีแรง จะทำไงดี”

“ขยับไม่ได้สิดี จะได้ไม่หาเรื่องให้ผม” รพีพงษ์ตอบ

“แต่……มีนาอยากเข้าห้องน้ำ……

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท