พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่568 คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง

บทที่568 คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง

บทที่568 คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง

คฤหาสน์ตระกูลพงศ์ธนธาดา

รถของชลาธิปขับเข้ามาในลานจอด เขาลงมาจากรถ รู้สึกว่ารอบบ้านวันนี้เงียบเป็นพิเศษ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งลงมาจากรถตามชลาธิป คนๆนี้เป็นบอดี้การ์ดติดตัวของเขา ในบรรดาลูกน้องของตระกูลพงศ์ธนธาดา ฝีมือเขานับว่าอยู่ชั้นต้นๆ

ชลาธิปหันกลับไปมองบอดี้การ์ด ถามขึ้น“นายรู้สึกไหมว่าบรรยากาศในบ้านวันนี้ดูแปลกๆ”

บอดี้การ์ดหันไปมองรอบๆ ยิ้มขึ้น “ดูเงียบไปหน่อยครับ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้คุณท่านค่อนข้างตึงเครียดก็ได้ครับ”

ชลาธิปถอนใจออกมาอย่างอ่อนใจ รู้สึกว่าบอดี้การ์ดพูดไม่ผิด ช่วงนี้เขาตึงเครียดจริงๆ ทั้งยังต้องห่วงเรื่องดองญาติกับบ้านธาดาวรวงศ์ ยังต้องกังวลเรื่องรพีพงษ์ เหนื่อยใจจริง

เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองแม้แต่น้อย มีบอดี้การ์ดอยู่นี่ ต่อให้รพีพงษ์บุกเข้ามาก็ไม่กลัว

จากที่ผ่านเหตุการณ์คราวที่แล้ว ชลาธิปให้บอดี้การ์ดติดตัวตลอดมา สำหรับเขาแล้ว ศักยภาพรพีพงษ์ไม่เลวนัก แต่คงสู้บอดี้การ์ดของเขาไม่ได้

ทั้งคู่เดินเข้าไปในคฤหาสน์ หลังจากที่ชลาธิปเดินเข้าไป ก็ยังรู้สึกเงียบเชียบ จึงขึ้นไปดูที่ห้องนอนอารียา พอเห็นว่าห้องว่างเปล่า อารียากับขนมปังไม่อยู่

เขาขมวดคิ้ว เขารู้เรื่องที่อารียากับขนมปังออกไปเดินเล่นวันนี้ แต่ว่าเวลาป่านนี้แล้ว ทั้งคู่น่าจะกลับมาได้แล้วนี่นา

ชลาธิปหยิบมือถือออกมา จะโทรหาอารียา จะถามว่าอยู่ที่ไหน ในเวลานี้เอง จู่ๆข้างล่างก็มีเสียงเอะอะขึ้นมา เขารีบวิ่งลงไป คิดจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่พอเขาลงมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นว่าห้องรับแขกนั้นโล่งสนิท ไม่มีใครเลยสักคน แม้แต่บอดี้การ์ดของเขาก็ไม่รู้ว่าไปไหน

ชลาธิประวังตัวชึ้นมาทันที รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ปกติ จึงรีบเข้าไปหลบอยู่มุมกำแพง

หยิบไม้เบสบอลออกมา คิดว่าจะเอามาป้องกันตัว

เขาถือไม้เบสบอลแล้วมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เขาเดินไปทางหน้าประตู คิดว่าบอดี้การ์ดของตนนั้นน่าจะเดินไปสูบบุหรี่อยู่ที่สนาม

ในจังหวะที่ชลาธิปออกจากประตู จู่ๆก็รู้สึกสันหลังเย็นวาบ จากนั้นก็มีเสียงตามมา“ไปทำอะไร”

ชลาธิปตกใจจนขนลุกซู่ รีบหันหลังกลับ แล้วตวัดไม้เบสบอลในมือไปยังร่างๆนั้น

แต่ว่าไม้เบสบอลยังไม่ทันได้ถูกตัวคน มือนั้นก็คว้าเอาไว้ก่อน แล้วแย่งไป

ชลาธิปกลืนน้ำลายลงคอ จ้องให้ชัดถนัดตา ถึงได้เห็นชัดเจนว่าผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นใคร

“รพีพงษ์!แกอีกแล้ว แกจะเอายังไงกันแน่!”ชลาธิปตะโกน

รพีพงษ์เคาะไม้กับมือตนเอง ยิ้มแล้วพูดว่า“แน่นอนว่ามาคิดบัญชีกับแก”

ชลาธิปแค่นเสียง แล้วพูดขึ้น“อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย บอดี้การ์ดฉันอยู่ที่นี่ เขาเก่งมาก รับมือกับแกได้สบายๆ ฉันแนะแกว่ารีบออกไปจากบ้านฉันตอนนี้เลยดีกว่า อย่ารนหาเรื่องใส่ตัวเลย”

รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมาอย่างสดใส จากนั้นชี้นิ้วไปที่คนที่อยู่หลังโซฟา แล้วถามขึ้น“บอดี้การ์ดที่แกพูดถึง คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง”

ชลาธิปเดินไปที่คนๆนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดที่ฝีมือสูงขนาดนี้ โดนรพีพงษ์จัดการเสียราบเลย

เขาได้ยินเสียงขยับเขยื้อนมาจากด้านบนเมื่อครู่ น่าจะเป็นเสียงปะทะฝีมือระหว่างรพีพงษ์กับบอดี้การ์ดของเขา ตอนนี้มาเห็นบอดี้การ์ดของตนนอนพังพาบอยู่บนพื้น ชลาธิปคิด ว่าคงต้องประเมินรพีพงษ์ใหม่

คนๆนี้โรคจิตเกินไป!

เดิมทีเขาคิดว่าบอดี้การ์ดของตนเองนั้นคงจะปะทะฝีมือกับรพีพงษ์ได้สบายๆ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์เองก็จะซัดบอดี้การ์ดลงหมอบกับพื้นได้สบายๆเช่นกัน

และเมื่อครู่ตอนที่รพีพงษ์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ถ้ารพีพงษ์คิดจะฆ่าเขา เกรงว่าเขาน่าจะไปรายงานตัวกับยมบาลแล้วล่ะ

ชลาธิปกลืนน้ำลายลงคอ เขาเป็นประมุขตระกูลพงศ์ธนธาดามานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาจะรู้สึกอ่อนเรี่ยวแรง

“ฉันบอกเรื่องแกให้แม่ของฉันฟังแล้ว แม่ไม่เชื่อ เพราะงั้นดูจากปัจจุบัน ฉันก็ไม่มีวิธีอื่น”ชลาธิปเปิดปากพูด

“วันนี้จะมาคุย ไม่ใช่เรื่องนี้ ตอนนี้แคลร์อยู่กับผมแล้ว นับแต่วันนี้ เธอจะปลอดภัย ผมรับประกัน”

รพีพงษ์พูดพลาง เดินไปนั่งลงตรงโซฟา

ชลาธิปขมวดคิ้ว พูดขึ้น“แกหมายความว่าไง แกคิดว่าฉันให้ความปลอดภัยกับแคลร์ไม่ได้งั้นเหรอ ”

รพีพงษ์หัวเราะหึๆ พูดขึ้น“แกนี่นะให้ความปลอดภัยกับเธอ ให้คนเทยาทำแท้งให้เธอกิน นี่ก็นับว่าเป็นการให้ความปลอดภัยด้วยใช่ไหม”

สีหน้าชลาธิปถอดสีโดยพลัน เดินไปหยุดหน้ารพีพงษ์ ถามขึ้น“แกว่าไงนะ ยาทำแท้ง เหรอ”

“อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำหน่อยเลย แกสั่งให้สาวใช้ที่ชื่อขนมปังวางยาลงในชานมของแคลร์ ถ้าฉันไม่ไปพบเข้าวันนี้ แกคงรู้แก่ใจว่าผลลัพธ์มันเป็นยังไงสินะ”รพีพงษ์มองชลาธิปด้วยสายตาที่เย็นชา

“แคลร์ท้องลูกของผมอยู่ ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น แกก็ไม่มีวันหนีความผิดไปได้หรอก!”

ชลาธิปชะงักแล้วลุกลี้ลุกลนขึ้น พูดขึ้นว่า“แกไม่ต้องมาพูดแถไปแถมา!ฉันไม่เคยมีความคิดที่จะแตะต้องลูกในท้องของแคลร์ ฉันกลับให้คนต้มน้ำแกงไปบำรุงครรภ์เธอทุกวันด้วย กลัวว่าเธอจะอ่อนแอแล้วมีผลกระทบต่อเด็กในท้อง จู่ๆแกมาปรักปรำกันแบบนี้ ฉันไม่ยอมรับแน่นอน!”

รพีพงษ์ดูปฏิกิริยาของชลาธิปจึงเข้าใจว่าน่าจะเป็นคำสั่งของคุณนายใหญ่มากกว่า ชลาธิปเองไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย

และพอได้ยินว่าชลาธิปให้ความสำคัญกับเด็กในท้องขนาดนั้น จึงทำให้รพีพงษ์รู้สึกทึ่ง

ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่บงการขนมปังไม่ใช่ชลาธิป รพีพงษ์จึงคุยเรื่องต่อไปกับชลาธิป

“รพีพงษ์ แกคงไม่สุ่มสี่สุ่มห้า หาเหตุผลมาปรักปรำฉัน แล้วหาเรื่องพาแคลร์ไปหรอกนะ”ชลาธิปจ้องมองรพีพงษ์

รพีพงษ์หยิบมือถือออกมา หาคลิป ยื่นให้ชลาธิป

คลิปนั้นเป็นเนื้อหาที่ขนมปังยอมรับว่าคุณนายใหญ่เป็นคนสั่งวางยาแคลร์

หลังจากที่ชลาธิปได้ดูคลิปแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าคุณนายใหญ่จะทำอะไรแบบนี้

“เรื่องนี้ฉันไม่รู้เรื่องด้วย คุณนายใหญ่กำลังระแวงว่าฉันตุกติกเรื่องดองญาติกับตระกูลธาดาวรวงศ์อยู่ ไม่วางใจฉันแม้แต่น้อย แค่ฉันให้รับผิดชอบจัดงานให้แคลร์กับคุณชายก็เท่านั้น”ชลาธิปพูด

“ไม่ว่ายังไง แกก็เป็นคนบ้านพงศ์ธนธาดาเหมือนกัน ต่อให้แม่แกให้สาวใช้วางยา แกก็หนีความรับผิดชอบนี้ไม่พ้นอยู่ดี ถ้าแกไม่อยากลิ้มรสการสั่งสอนของฉัน ก็มาร่วมมือกับฉัน นี่เป็นทางออกเพียงทางเดียวของแก”รพีพงษ์พูด

“ร่วมมือกับแกเหรอ ทำอะไร”

รพีพงษ์หรี่ตา แล้วพูดขึ้น“กำจัดบ้านธาดาวรวงศ์……แล้วก็แม่งูพิษของแก”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท