บทที่566 วอดวายเหมือนเดิม
ขนมปังกับอารียาไม่คิดว่าจู่ๆจะมีมือยื่นออกมาแย่งแก้วชานม จึงตกใจสะดุ้ง
ในตอนที่รพีพงษ์พูดคำพูดนั้นออกมา ในใจขนมปังหล่นว๊าบ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเห็น เรื่องที่เธอใส่ของลงไปในแก้วชานม
เธอกลอกตา ถลึงตาจ้องรพีพงษ์อย่างขัดเคือง พูดขึ้นว่า“แกอีกแล้วเหรอ ตกลงแกจะเอาไงกันแน่ ไปอาละวาดที่บ้านเราก็ช่างเถอะ แกคิดว่าตระกูลพงศ์ธนธาดารังแกกันง่ายๆหรือไง!”
พออารียาเห็นว่าคนที่โผล่มาคือรพีพงษ์จึงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับการปรากฏตัวแล้วแย่งชานมไปจากมือเธอของรพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่สนใจคำตะโกนของขนมปัง รอจนเธอพูดจบ จึงถามขึ้นอีกรอบหนึ่ง“ฉันถามเธอว่าใส่อะไรลงไปในแก้วนี้!”
ขนมปังมีสีหน้าลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที แต่ไม่นานก็หาทางรับมือได้ ตะโกนว่า“แกพูดมั่วอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ ฉันไม่ได้ใส่อะไรลงในชานมสักหน่อย แกมาจ้องหาเรื่องกันชัดๆ คุณหนูของเราอุตส่าห์จะกำลังดื่มน้ำชา ยังจะมาโดนแกรบกวนอีก ทุเรศจริง!”
อารียายืนป้องกันขนมปังอยู่ด้านหน้า ขมวดคิ้วมองรพีพงษ์แล้วพูดขึ้น“ตกลงคุณจะเอาอะไร พวกเราใจกว้างกับคุณมามากพอแล้วนะ ทำไมคุณต้องมารบกวนเราซ้ำๆซากๆด้วย”
“แคลร์ มันใส่ของลงในชานมคุณนะ มันอาจจะต้องการทำร้ายคุณจริงๆก็ได้ สาวใช้คุณคนนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดเลยนะ”รพีพงษ์พูดกับอารียา
พอขนมปังได้ยินคำพูดนี้ จึงขนลุกซู่ขึ้นทันที จึงพูดขึ้น“คุณหนูคะ อย่าไปฟังคนอื่นซี้ซัวะพูดนะคะ เขาอยากจะทำให้เราสองคนแตกกัน คนๆนี้มีแผนการในใจ พวกเรารีบหนีกันเถอะค่ะ”
“ถ้าชานมแก้วนี้ไม่ได้ใส่อะไรจริง เธอก็ดื่มให้ดูหน่อยสิ ขอแค่เธอดื่ม ฉันจะขอโทษเธอทันที”รพีพงษ์พูดขึ้น
ขนมปังร้อนตัวขึ้นมาทันที มองไปทางรพีพงษ์อย่างหาเรื่อง พูดขึ้น“ใครจะไปรู้ว่าแก้วที่แกแย่งไปแกจะใส่อะไรไว้หรือเปล่า ฉันไม่หลงกลแกง่ายๆหรอกนะ”
“งั้นเราเอาชานมแก้วนี้ไปพิสูจน์กันเถอะ ถ้าฉันตรวจเจอว่าเธอใส่อะไรลงไป ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”รพีพงษ์แค่นเสียงเย็นชา
ขนมปังร้อนรนเข้ามา จ้องมองชานมในมือรพีพงษ์ ยื่นมือไปเตรียมจะแย่งมา รพีพงษ์ยกมือขึ้น หลบมือขนมปัง จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
ขนมปังร้อนใจขึ้นมา หันกลับไปพูดกับอารียาคำหนึ่ง “คุณหนูคะ นี่มันชานมของเราจะ ให้คนอื่นแย่งไปไม่ได้นะ เขายังใช้ชานมนี่มาดูหมิ่นหนูอีก จงใจแกล้งกันชัดๆ คุณหนูรีบแย่งชานมกลับมาเร็วค่ะ”
จากนั้นขนมปังจึงกระโจนเข้าหารพีพงษ์
รพีพงษ์พริ้วตัวหลบ พูดเสียงเย็นชา“ถ้าเธอไม่ได้ทำเรื่องน่าละอายแก่ใจ ทำไมจะต้องกลัวเรื่องเอาชานมไปพิสูจน์ด้วยล่ะ”
“ทั้งๆที่แกจะใช้ชานมเป็นเครื่องมือดูหมิ่นฉัน ฉันจะไม่ยอมให้แกดูหมิ่นเป็นอันขาด ฉันจะเอาชานมกลับมา แกรีบเอาชานมมานะ!”น้ำเสียงขนมปังแหลมสูง
รพีพงษ์ยื่นมือออกไป ขนมปังเตรียมจะแย่งของมาจากมือเขา แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ขนมปังเห็นว่าตัวเองแย่งกลับมาไม่ได้ จึงกระโดดกอดรพีพงษ์ไว้ คิดจะให้รพีพงษ์ทำชา นมหกสาดลงบนพื้น แบบนี้รพีพงษ์ก็เอาไปพิสูจน์ไม่ได้แล้ว
รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าสาวใช้ของอารียาจะเกาะแกะขนาดนี้ พอเห็นหล่อนกอดเขา เขาจึงถีบออกไปอย่างไม่ปราณี ถีบจนหล่อนล้มคะมำลงพื้น
อารียาเห็นสถานการณ์ จึงรีบถลาเข้าไปพยุงขนมปังให้ลุกขึ้น แววตาคู่สวยจ้องรพีพงษ์อย่างโกธรเคือง“พอแล้ว!ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่ ถ้าคุณอยากได้เงิน ฉันให้เงินคุณก็ได้ แต่ทำไมต้องทำร้ายร่างกายผู้บริสุทธิ์ด้วย!”
รพีพงษ์เห็นท่าทีอาละวาดของอารียาอ่อนโยนขนาดนี้ ก็เกิดความรู้สึกทะนุถนอมขึ้นในใจ สาวใช้คนนี้กล้าใส่ของลงในชานม ก็แปลว่ามีใจคิดทำร้ายอารียา ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาจะปล่อยอารียาให้อยู่ที่ตระกูลพงศ์ธนธดาต่อได้อย่างไร
“คุณหนูคะ รีบโทรหาคุณท่านเร็วค่ะ ให้คุณท่านส่งคนมาช่วยพวกเรา ไม่อย่างนั้นวันนี้เราสองคนคงตายคามือวายร้ายคนนี้แน่”ขนมปังพูดขึ้น
อารียารีบพยักหน้ารับ หยิบมือถือของตัวเองออกมา กำลังจะโทรหาชลาธิป
รพีพงษ์ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ เดินไปหยุดตรงหน้าอารียา ยื่นมือไปหยิบมือถือในมือเธอมา พูดขึ้น“แคลร์ ไว้ให้ความจำคุณฟื้นกลับมาก่อนนะ คุณจะรู้เองว่าผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลย ตอนนี้คุณแค่โดนบ้านพงศ์ธนธดามอมเมา ตอนนี้ผมให้คุณกลับบ้านนั้นไม่ได้แล้วล่ะ ที่นั่นมีอันตรายแฝงมากเกินไป คงต้องให้คุณลำบากหน่อยแล้ว”
“คุณ!”อารียาตะโกนใส่รพีพงษ์ รพีพงษ์ยื่นมือออกไป กดจุดที่หลังคออารียา เธอจึงสลบไป
ขนมปังเห็นอารียาเป็นลมล้มพับ หล่อนยิ่งร้อนใจ จ้องรพีพงษ์ถมึงทึงพูดว่า“แก……แกทำอะไร ตระกูลพงศ์ธนธดาใหญ่คับมหานครเซี่ยงไฮ้ แกทำกับคุณหนูเราแบบนี้ แกจะต้องเสียใจ!”
“เลิกตอแหลสักที ฉันว่าแกยอมรับออกมาดีกว่า ฉันอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้ ไม่อย่างนั้น อย่าว่าแต่ตระกูลพงศ์ธนธดาเลย ต่อให้เป็นตระกูลธาดาวรวงศ์ ฉันก็จะทำลายล้าง!”รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา
ขนมปังหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าพูดถึงขนาดนี้ แต่เธอก็คิดว่ารพีพงษ์อาจจะแค่ขู่เท่านั้น จึงไม่คิดจะพูดความจริงกับรพีพงษ์
“แกเลิกมาทำขู่ฉันสักทีเถอะ ตระกูลพงศ์ธนธาดาไม่ใช่แกจะมาต่อกรได้ด้วยง่ายๆ แล้วไม่ต้องไปพูดถึงธาดาวรวงศ์หรอก ถ้าแกยังคิดเดินทางผิด สุดท้ายก็มีแต่ตายกับตาย!”ขนมปังตะโกน
รพีพงษ์เห็นขนมปังไม่ยอมเปิดปากพูด จึงไม่พูดพล่ามทำเพลง หยิบมือถือออกมาโทรหาวิไลพร ให้เธอส่งรถมา
ขนมปังเห็นรพีพงษ์ไม่มีวี่แววที่จะปล่อย จึงกำลังจะวิ่งหนี รพีพงษ์คว้าตัวหล่อนเอาไว้ เขาจับขาข้างหนึ่งของหล่อนไว้ ไม่ให้วิ่งหนีไปได้
ผ่านไปไม่นานนัก วิไลพรส่งรถมาจอดเทียบสวนสาธารณะ รพีพงษ์อุ้มอารียาขึ้นรถ แล้วก็โยนขนมปังขึ้นรถด้วย จากนั้นจึงออกจากที่นี่
ที่ตึกลานคอน ในห้องพักผ่อน รพีพงพงษ์กำลังเดินวนไปเวียนมา
อารียาพักผ่อนอยู่ในห้อง จุดที่เขาสกัดอารียาเมื่อครู่ คาดว่าคงจะทำให้อารียาหลับไปได้หนึ่งวันเต็ม
วิไลพรสั่งขังขนมปังเอาไว้ ในเมื่อหล่อนไม่ยอมบอกความจริง คาดหวังคงไม่ได้รับการปล่อยออกมา
ชานมแก้วนั้นถูกนำไปพิสูจน์ ตอนนี้รพีพงษ์กำลังรอผลพิสูจน์อยู่ แล้วกำลังคิดถึงความ เป็นไปได้ของเรื่องอยู่
เป็นเวลานาน ที่เสียงรองเท้าส้นสูงเดินกึกก้องไปมา วิไลพรรีบนำรายงานผลพิสูจน์มา
รพีพงษ์รีบรุดหน้าขึ้นรับ ถามขึ้น“ว่ายังไง เป็นไงบ้าง”
วิไลพรสีหน้าสับสนพูดขึ้น“ในชานมแก้วนั้นมีส่วนผสมอื่นอยู่จริงๆ ตามคำบอกเล่าของหมอ”
“มันคือยาทำแท้ง”