พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่621 อนันยชผู้ยิ่งใหญ่

บทที่621 อนันยชผู้ยิ่งใหญ่

บทที่621 อนันยชผู้ยิ่งใหญ่

“หึห กลัวว่าแกจะไม่มีความอดกลั้นน่ะสิ!”รพีพงษ์แค่นเสียง ออร่าบารมีในตัวระเบิดออกมา และปล่อยพลังในตัวออกมาเต็มที่

เขาสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายของอนันยชได้ ในตอนที่ขึ้นมา เขาสำรวจรอบๆตัว ยืนยันว่าที่หน้าผา มีเพียงพวกเขาแค่สามคนเท่านั้น นี่ก็บ่งบอกได้ถึงความมั่นใจที่ฝ่ายตรงข้ามมีต่อศักยภาพในตนเอง

ดังนั้นครั้งนี้รพีพงษ์จึงไม่คิดที่จะออมมือ คิดอยากจะถล่มสองคนนี้ที่มาจากหน้าผาให้แพ้ ราบคาบไป จะได้ไปพบกับอารียาเร็วๆ

อนันยชสัมผัสได้ถึงออร่าที่รพีพงษ์เปล่งออกมา คิ้วของเขากระตุกขึ้น ขึ้นไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมีพลังมากมายเช่นนี้

“ดูท่าแกไม่กระจอกอย่างที่ฉันคิดเลย เดิมทีฉันคิดว่าเป็นกลยุทธ์ที่เอาไว้จัดการคนห่วยๆซะอีก บางทีแกอาจจะทำให้ฉันเซอร์ไพรส์ก็ได้”

อนันยชหัวเราะแล้วพูดขึ้น จากนั้นจึงพุ่งไปทางอนันยชอย่างรวดเร็ว

อีกคนหนึ่งยืนดูอยู่เงียบๆ โดยไม่ได้คิดจะลงมือ

รพีพงษ์ไม่รอช้า หลังจากที่ดูหมัดอนันยชจนช่ำชองแล้ว ก็ปล่อยหมัดของตัวเองออกไปบ้าง เขาพุ่งหมัดไปที่หน้าของอนันยช

อนันยชหรี่ตาลง ยื่นมือออกไปกันหมัดของรพีพงษ์เอาไว้ พลังมหาศาลถูกปล่อยออกมา อนันยชต้องก้าวถอยหลัง แล้วหักหมัดของรพีพงษ์ลง

แววตาของทั้งคู่ตกตะลึงพอกัน สิ่งที่รพีพงษ์ตกตะลึงคือ อนันยชรับหมัดเขาไว้ได้ สิ่งที่อนันยชตกตะลึงคือ พลังหมัดของรพีพงษ์มหาศาลขนาดนี้ มากเกินกว่าที่เขานึกไว้เสียอีก

“คิดไม่ถึงว่าแค่พลังกายเนื้อ แกก็สามารถปล่อยออกมาได้มหาศาลขนาดนี้ คนที่ฉันเคยสัมผัสพบเห็นมาตลอดชีวิต สามารถปล่อยพลังกายเนื้อออกมาได้ขนาดนี้ มีแกคนเดียว”อนันยชพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

รพีพงษ์ย่อมรู้ถึงพลังมหาศาลในตนเองอย่างแน่นอน ในปีนั้นอาจารย์ของเขาตั้งใจสกัดยาชนิดหนึ่งมาจากเห็ด เพื่อที่จะให้เขามีพละกำลังเหนือมนุษย์

และเพราะพลังมหาศาลนี่เอง รพีพงษ์จึงประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด

เมื่อเห็นท่าทีของอนันยช ที่ดูจะประหลาดใจ ทำให้เขาไม่เข้าใจอย่างมาก เขาไม่คิดว่า ในโลกนี้จะมีคนที่มีพละกำลังแบบนี้อยู่ด้วย

“คนที่ต้านทานหมัดฉันได้ ก็มีแกคนเดียวเหมือนกัน แต่แค่ไม่รู้ว่าจะรับได้อีกสักกี่หมัด ที่แกจะรับไหว!”

รพีพงษ์ไม่เสียเวลา แล้วรีบปล่อยอีกหมัดไปทางอนันยชทันที

อนันยชเยาะเย้ยที่มุมปาก ขยับตัวตามจังหวะ แล้วต่อสู้พัลวันเข้ากับรพีพงษ์

รพีพงษ์ปล่อยพลังทั้งหมดออกไป เป็นพลังที่คนทั่วไปไม่อาจรับได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นดัมพ์รงค์ เกรงว่าคงจะโดนรพีพงษ์ซ้อมจนบาดเจ็บหนัก

ส่วนอนันยชก็คอยรับกระบวนท่าของรพีพงษ์ทุกกระบวนท่า แม้ว่ารพีพงษ์จะสัมผัสได้ว่า อนันยชมีอาการอ่อนล้าไปบ้าง แต่ว่าพละกำลังที่เขามีก็ยังคงเป็นที่ตื่นตาของรพีพงษ์

รพีพงษ์อาศัยยาสมุนไพรที่อาจารย์จัดให้กับความมหัศจรรย์ของเห็ดถึงได้มีพละกำลังมากมายมหาศาลขนาดนี้ แล้วอนันยชเล่าจะไปมีพละกำลังมากมายมหาศาลขนาดนั้นได้อย่างไร

หลังจากที่แลกหมัดกันไปสักสิบกระบวนท่า รพีพงษ์จึงฉวยโอกาส กัดฟันกรอด ปล่อย หมัดที่หนักที่สุดไปที่อนันยช

ครั้งนี้อนันยชต้านทานพลังหมดของรพีพงษ์ไว้ไม่ไหว ถึงก้าวถอยหลังไปเจ็ดแปดเมตร แล้วฝืนหยุดลง จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา

“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”รพีพงษ์มองไปที่อนันยชผู้ที่กำลังกระอักเลือด พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา

อนันยชเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก หากแต่ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง“คิดไม่ถึงนะ คนที่อาศัยเพียงแค่พลังจากกายเนื้อ จะมีศักยภาพสูงได้ถึงเพียงนี้ ถ้าอาจารย์มาเห็นเข้า คงจะตกตะลึงไม่น้อยสินะ”

“ฉันใช้กำลังภายในรักษากายภายนอก ขืนใช้แต่กำลังกายเนื้อต่อสู้กับเจ้านี่ แถมยังโดนซัดซะกระอักเลือดอีก ศักยภาพของเขา เกรงว่าในโลกภายนอก น่าจะสูงที่สุดแล้วล่ะ。”

“ช่างเถอะ วันนี้มาฆ่ามัน ต่อให้สงสัยว่ามันฝึกกายเนื้อของมันยังไง ก็จะปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”

รพีพงษ์ไม่รู้ว่าอนันยชกำลังบ่นพึมพำอะไร จึงขมวดคิ้วแล้วเปิดปากขึ้น“แกก็ให้ผู้ช่วยแกลงมือช่วยแกสิ ต่อให้พวกแกมาพร้อมกันสองคน ฉันก็ยังคงรับมือเหมือนเดิม”

“ยังไม่ต้องถึงขั้นนั้น พ่อหนุ่ม ต่อให้พลังกายเนื้อของแกจะแก่กล้าสักแค่ไหน มันก็ต้องมีจำกัด แล้วฉันจะเป็นคนทำให้แกแพ้อย่างราบคาบเอง”

อนันยชพูดขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นวิธีการหายใจของเขาก็เปลี่ยนไป พลังในตัวก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย รพีพงษ์สัมผัสได้ถึงอันตราย

จากนั้นรพีพงษ์จึงเห็นเงาร่างของอนันยช ในชั่วพริบตานั้นเอง ก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าเขา แล้ว

ม่านตารพีพงษ์หรี่หดลง รีบยกมือขึ้นรับหมัดของอนันยช เพียงแต่ในเวลานี้หมัดนั้นได้พุ่งเข้าปะทะที่อกของรพีพงษ์แล้ว

พลังที่รพีพงษ์คิดไม่ถึงระเบิดออก พุ่งเข้าใส่หน้าอกรพีพงษ์ วินาทีถัดไป ร่างกายของรพีพงษ์ก็กระเด็นกระดอนออกไป แล้วกลิ้งลงบนพื้น จากนั้นจึงหยุดลง

รพีพงษ์กัดฟันปีนขึ้น เขามองอนันยชอย่างเหลือเชื่อ เมื่อครู่ รพีพงษ์สัมผัสได้ถึงการคุกคามของความตาย ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายตัวเองนั้นแข็งแกร่ง หมัดของอนันยชเมื่อครู่ เกรงว่าคงจะเอาชีวิตเขาไปแล้ว

“ศักยภาพของแก ทำไมถึงได้ไม่เหมือนเดิม หมัดของแกเมื่อครู่ปล่อยพลังแปลกๆออกมา แข็งแกร่งยิ่งนัก มันคือพลังอะไร”รพีพงษ์อดกลั้นต่อความเจ็บปวดถามขึ้น

อนันยชยิ้มแล้วแกว่งหมัด พูดขึ้น“ก่อนหน้าฉันไม่ได้ล้อแกเล่น ตอนนี้ฉันแสดงพลังออกมา นี่แหละคือพลังที่แท้จริงของฉัน”

“พลังที่ฉันใช้เมื่อกี้นี้ คนที่ใกล้จะตายอย่างแก จะรู้ไปทำไม”

พูดจบ อนันยชจึงพุ่งไปทางรพีพงษ์

เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์รู้สึกหมดเรี่ยวแรง พลังที่อนันยชแสดงออกมาเมื่อครู่ มันเหนือความคาดหมายของเขาเสียเหลือเกิน พลังที่เขาเคยลำพองในตนเองหนักหนา กลับดูไม่เป็นท่าอะไรเลยต่อหน้าอนันยช ทำให้เขารู้สึกล้มเหลวอยู่ลึกๆ

“อยากจะฆ่าฉัน ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”

รพีพงษ์คำรามแล้วพุ่งเข้าหาอนันยชอีกครา เขากำลังคิดหาวิธีเอาชีวิตรอด

อนันยชยิ้มอย่างสนุก ในตอนที่รพีพงษ์พุ่งเข้ามานั้น เขาได้ขยับตัว

เสียงพลั๊กดังขึ้น

หมัดของอนันยชตั๊นเขาที่ท้องรพีพงษ์เต็มๆ รพีพงษ์กระอักเลือดออกมา ตัวพับตัวอ่อนลงตรงหน้าอนันยช และกำลังจะล้มลงบนพื้น

อนันยชคว้าคอเสื้อของรพีพงษ์เอาไว้ ไม่ต่างอะไรกับหิ้วปลาตายตัวหนึ่ง แววตาเขาเต็มไปด้วยความดูแคลน

“ไอ้สวะ ยังไงซะก็เป็นสวะอยู่วันยังค่ำ ปู่แกเป็นแบบนี้ หลานอย่างแกก็เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น มิน่าล่ะในปีนั้นปู่ของแกถึงโดนขับไล่ออกจากตระกูลนิธิวรสกุล แต่ก็ยังเหลือสายเลือดสวะอย่างแกอีกนะ กลัวว่าตระกูลนิธิวรสกุลจะโดนพวกแกทำฉิบหายหมด”อนันยช แค่นยิ้ม

“บ้าเอ๊ย!”รพีพงษ์รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว กัดฟันแล้วตะโกนออกมา

อนันยชแค่นเสียงเย็นชา พูดขึ้น“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกอีกครั้ง ยอมรับออกมาซะว่าปู่แกเป็นแค่สวะ ส่วนแกแค่หมาตัวนึงยังเทียบไม่ได้ ฉันจะได้ให้แกตายอย่างสบายหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันจะให้แกได้ตายอย่างทรมาน”

รพีพงษ์สองตาแดงก่ำจ้องอนันยชเขม็ง จากนั้นจึงพยายามใช้พละกำลังเฮือกสุดท้าย เค้นออกมาที่ละคำ

“แก!ฝันไป!เถอะ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท