พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่630 เดนชาย แบร่ๆๆ

บทที่630 เดนชาย แบร่ๆๆ

บทที่630 เดนชาย แบร่ๆๆ

ในห้องอาบน้ำ

รพีพงษ์เอนกายอยู่ในห้องอาบน้ำ มีเพียงกางเกงในตัวหนึ่ง ผิวสีตะกั่วที่สะท้อนอยู่ในน้ำปลุกเร้าอารมณ์ยิ่ง

ฝนสุดายืนอยู่ด้าน เสื้อผ้าเปียกปอนไปทั้งตัว ผมที่เปียกชุ่มแผ่สยาย ดวงหน้าละเอียด

ประณีตยิ่งเย้ายวน

ห้องอาบน้ำเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เครื่องอาบน้ำกระจัดกระจายเต็มพื้น เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ ตรงนี้เกิดความรุนแรงขึ้นเมื่อครู่

ผ่านไปสักพัก รพีพงษ์ค่อยๆลืมตาขึ้น ความร้อนราคะตรงท้องน้อยหายไปอย่างถนัดตา ในหัวรู้สึกสงบอย่างประหลาด

หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองแช่อยู่ในน้ำที่เย็นเฉียบ เขาสูดลมหายใจลึก เขาผุดนั่งขึ้นในอ่างอาบน้ำ หันไปมองฝนสุดา

ฝนสุดาเห็นรพีพงษ์ตื่นขึ้น แววตาที่สับสนเลือนหาย เธอจึงจ้องมองรพีพงษ์ด้วยอาการงอนตุ๊ปั๊ดตุ๊ป่อง ตัดพ้อ“ตาบ้าเอ๊ย แน่จริงก็นอนต่อสิ ลุกขึ้นมาทำไม”

เมื่อย้อนคิดตอนที่รพีพงษ์หมดสติไป รพีพงษ์หรี่ตาลง จากนั้นจึงรีบสำรวจร่างกายตนเอง มองฝนสุดาอย่างตื่นเต้น ถามขึ้น“พวกเราทำอะไรกัน ทำไมฉันถึงได้อยู่นี่ ทำไมเธอถึงเปียกโชก”

พอเปียกโชกเสื้อผ้าจึงแนบตัวฝนสุดาแน่น ส่วนเว้าส่วนโค้งอรชรอ้อนแอ้นของเธอโดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด รพีพงษ์จ้องเธอเขม็ง กลืนน้ำลายอย่างได้สติ ดีที่ผลข้างเคียงของยาหมดไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ขาดสติอีกครั้ง

“ทำอะไร นายลูกผู้ชาย ยังมีหน้ามาถามคำถามแบบนี้กับฉันอีก ฉันชักสงสัยนะว่านายเป็นพวกรักร่วมเพศหรือเปล่า นายเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ฉันยืนอยู่ตรงหน้านายทั้งคน เข้าขาให้นายเต็มที่ นายก็ยังอดกลั้นวิ่งลงไปแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ รพีพงษ์ นายมันไม่ใช่ผู้ชาย!”ฝนสุดาฮึดฮัด ราวกับว่าตัวเองเสียเปรียบเต็มประดา

“ความหมายของเธอคือ เรายังไม่ได้ทำอะไรกันใช่ไหม”รพีพงษ์ถามลองใจ

ฝนสุดากำหมัดชกไปที่หน้าอกรพีพงษ์แรงๆ รพีพงษ์หายใจหอบ เธอบ่นว่า“ตาบ้านี่ แช่อยู่ในอ่างน้ำเป็นนานสองนาน จะทำอะไรกับฉันได้อีกเล่า ฉันอุตส่าห์เป็นฝ่ายพลีกาย ฉันไม่น่าช่วยนายเลยจริงๆ!”

ได้ยินฝนสุดาพูดแบบนี้ รพีพงษ์จึงรู้สึกโล่งใจ ดูท่าเขาคงยังไม่ได้ทำอะไรกับฝนสุดาเป็นแน่ เดาว่าหลังจากที่ตัวเองขาดสติไป แม้ว่าจะอยากทำเรื่องพรรคนั้นมาก แต่ก็อาศัยความอดกลั้นระงับไว้ได้ วิ่งเข้าไปสงบจิตใจในห้องน้ำ

รพีพงษ์ยิ้มให้ฝนสุดา เปิดปากพูด“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ เธอน่าจะดีใจนี่นา ฉันไม่อยากทำลายพรหมจรรย์ของเธอ”

ฝนสุดาถลึงตาพูด“ใครอยากให้นายทำแบบนั้นกัน ต่อไปฉันจะต้องแต่งงานกับนาย จะถือว่านายทำลายพรหมจรรย์ฉันได้ไงล่ะ!”

รพีพงษ์ยืนตรงหน้าฝนสุดา ยิ้มแล้วตบบ่าเธอ พูดขึ้น“เอาล่ะ ฉันมีชีวิตรอดมาได้ เธอมีความดีความชอบมากสุด บุญคุณครั้งนี้ ฉันจะไม่มีวันลืมชั่วชีวิต ต่อไปฉันต้องตอบแทนเธอแน่นอน”

“งั้นก็ได้ ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น นอกจากให้นายมาสู่ขอฉัน”ฝนสุดารีบชิงพูด

“นอกจากเรื่องนี้”รพีพงษ์รีบเสริม“เสื้อผ้าเธอเปียกปอนหมดแล้ว รีบเปลี่ยนเถอะ เดี๋ยวเป็นหวัด”

พูดจบ เขาจึงเดินไปทางห้องอาบน้ำ

ฝนสุดากัดฟันกรอดมองตามเงาหลังรพีพงษ์ สีหน้าไม่สบอารมณ์ค่อยๆจางหาย ใบหน้างดงามปรากฏรอยซุกซน ผ่านแวบไป

หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย รพีพงษ์สำรวจตัวเองอย่างละเอียดอีกครา ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ มีเพียงแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ไม่นานก็หายดี

เขาเข้าไปดึงฝนสุดาออกมาจากห้องน้ำ แล้วให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นตัวเองก็ไปเก็บห้องที่รกเลอะเทอะ

ไม่นานนัก อาดุลป้าพิชาและดาณิมาก็ทยอยกันกลับมา รพีพงษ์กล่าวขอบคุณพวกเขา

จากใจ ขอบคุณที่พวกเขาคอยดูแลในช่วงเวลานี้

หลังจากที่ครอบครัวดาณิมารู้ว่าบาดเจ็บของรพีพงษ์ใกล้หายดีแล้ว ต่างก็ตกตะลึง รู้สึกว่าที่รพีพงษ์ฟื้นตัวได้เหมือนเดิม นั้นคือปาฏิหาริย์

เพื่อที่จะฉลองให้การฟื้นตัวของรพีพงษ์ ป้าดาณิมาตั้งใจไปซื้อกับข้าว เตรียมทำอาหาร อร่อย เพื่อเฉลิมฉลอง

รพีพงษ์กับฝนสุดาตามเข้าไปช่วย ฝนสุดาคอยหาโอกาสตีตนเข้าใกล้รพีพงษ์เสมอ รพีพงษ์คอยหลบหน้าหลบตา เพียงแค่ฝนสุดาเข้าใกล้ เขาก็จะรีบเดินหนี

ดาณิมาเห็นสิ่งเหล่านี้กับตา เธอไม่รู้ว่ารพีพงษ์กับฝนสุดาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว มักจะคิดว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน ตอนนี้พอเห็นรพีพงษ์คอยหลบหน้าฝนสุดา ราวกับรังเกียจ ทำให้ดาณิมาไม่สบอารมณ์

บวกกับดาณิมารู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่เหมาะสมกับฝนสุดาตั้งแต่แรก ตอนนี้รพีพงษ์ยังกล้ารัง เกียจฝนสุดาอีกหรือ ดาณิมารู้สึกแย่กับรพีพงษ์ถึงขั้นสุด

ตอนที่รพีพงษ์บาดเจ็บ ฝนสุดาเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี ตอนนี้พอหายดี กลับมาทำท่ารังเกียจฝนสุดา สำหรับดาณิมาแล้ว พฤติกรรมของรพีพงษ์ เป็นเดนชายชัดๆ

พอรพีพงษ์หายดี เธอจึงไม่พูดอะไร

หลังจากที่กินข้าว รพีพงษ์ไปหาดาณิมา ถามเขาว่ามีผ้านวมปูพื้นนอนไหม ตอนนี้เขาหายแล้วไม่นอนเตียงก็ได้ ที่บ้านดาณิมาไม่มีห้องเหลือ เขาจึงต้องนอนห้องเดียวกับฝนสุดา เขาต้องยกเตียงให้ฝนสุดานอนอยู่แล้ว ส่วนเขาก็ปูพื้นนอน

ดาณิมาได้ยินคำพูดรพีพงษ์ ยิ่งไม่สบอารมณ์ไปใหญ่ จึงระเบิดขึ้น“รพีพงษ์ นายหมายความว่าไง พี่ฝนสุดาดูแลนายอย่างดีมานานขนาดนี้ ตอนนี้นายหายดีแล้ว ก็เริ่มรังเกียจเธอ ตอนนี้แม้แต่นอนเตียงเดียวกับเธอก็ยังไม่ยอม นายมันไร้หัวใจจริงๆ!”

รพีพงษ์ตะลึงในคำพูดของดาณิมา จึงรีบอธิบาย“เธอเข้าใจผิดแล้ว……”

“เข้าใจผิดอะไรล่ะ นายข้ามแม่น้ำรื้อสะพานชัดๆ หึ ผู้ชายอย่างนาย น่ารังเกียจจริงๆ พี่ฝนสุดาอยู่กับนาย ซวยไปแปดชาติ”ดาณิมาไม่เปิดโอกาสให้รพีพงษ์ปริปากพูด

ฝนสุดาเดินมาพอดี พูดขึ้นอย่างน่าสงสาร“น้องดา อย่าโทษเขาเลย ต้องโทษพี่คิดเองเออเอง”

“พี่ฝนสุดา เขาทำแบบนี้ ไม่ยุติธรรมกับพี่เลย”ดาณิมาพูด แล้วจ้องรพีพงษ์ พูดขึ้นอีก“ถ้าไม่นอนเตียงเดียวกับพี่ฝนสุดา นายก็ไม่ต้องมานอนบ้านฉัน เดนชาย!”

พูดจบ เธอก็หมุนตัวออกไป

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างจนใจ รู้ว่าคงอธิบายไม่ได้

ฝนสุดาแลบลิ้นปริ้นตาให้รพีพงษ์ หัวเราะคิกคัก“เดนชาย แบร่ๆๆ”

รพีพงษ์จ้องเธอเขม็ง ยื่นมือไปคว้าเธอไว้ ฝนสุดารีบหมุนตัว กลับเข้าห้องไป

รพีพงษ์ตามเข้าไป เขาเองก็ไม่รู้ตัว เขากับฝนสุดา อยู่ด้วยกันได้ธรรมชาติขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่หยอกเอินกับผู้หญิงคนไหนนอกจากอารียา

……

ในห้อง

ฝนสุดาจ้องรพีพงษ์ที่นั่งอยู่บนโซฟา ถามขึ้น“คุณหมอบอกว่านายเหลือบาดแผลเล็กๆน้อยๆก็หายดีแล้ว ต่อไปนายจะทำยังไง”

รพีพงษ์หรี่ตา ก่อนหน้าเขาเหลือชีวิตเพียงสองเดือน แน่นอนว่าย่อมไม่มีแก่ใจคิดถึงเรื่องอนาคต

ตอนนี้บาดแผลสมานแล้ว เรื่องแรกที่ปรากฏขึ้นในหัว ย่อมเป็นเรื่องแก้แค้นอนันยช

แต่ว่าเขารู้อยู่แก่ใจ อนันยชแกร่งเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ โดยเฉพาะหมัดอันน่าเกรงขาม รพีพงษ์แทบจะไม่รู้ว่าพละกำลังมหาศาลเช่นนั้นมาจากไหน

ถ้าตอนนี้ออกไปแก้แค้นอนันยช เขาก็คงแพ้กลับมาอีกครั้ง และคงไม่มีชีวิตรอดอีก

ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำ คือต้องให้รู้แน่ว่าอนันยชมีศักยภาพมากแค่ไหน อีกอย่างคือ ต้องคิดเพิ่มกำลังของตัวเอง อย่างน้อย ก่อนที่จะไปแก้แค้นอนันยช เขาจะต้องมีความเข้าใจที่มากพอ

ตอนนี้ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้ว อันนี้เป็นเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้เขามีเวลาฝึกฝนตนเองและก็เป็นช่วงเวลาที่รพีพงษ์จะได้รู้ศักยภาพที่แท้จริงของอนันยช จึงไปหาอาจารย์ของ

เขา

“รอให้แผลสมานดีก่อน ฉันจะไปหาอาจารย์ เตรียมตัวฆ่าอนันยช”รพีพงษ์ตอบเสียงขรึม

ฝนสุดาพยักหน้าพูดขึ้น“นายจะไม่บอกอารียาหน่อยเหรอ”

รพีพงษ์ลังเล ข่าวที่ว่าตนเองยังมีชีวิตนั้นจะบอกใครไม่ได้ ถ้าเรื่องแพร่งพรายออกไป อนันยชจะต้องไปลงมือกับอารียา บังคับให้เขาแสดงตัวออกมา

ตอนนี้อย่างมากแค่ให้อารียารู้ได้คนเดียวว่าเขายังมีชีวิต ที่เหลืออย่างพวกธฤตญาณจะปริปากบอกไม่ได้

“พรุ่งนี้ฉันไปซื้อมือถือ เรื่องนี้บอกอารียาได้คนเดียว เธอจะได้ไม่ตกใจ”รพีพงษ์เปิดปาก

“อ่อ”ฝนสุดาขานรับ จากนั้นเดินไปเอนบนเตียง

“แล้วเธอล่ะ ไม่ติดต่อคนตระกูลก้องวณิชกุลเหรอ”รพีพงษ์ถาม

“ตอนนี้ยังไม่ได้มั้ง อนันยชน่ากลัวขนาดนั้น ฉันรู้สึกว่าต่อให้เป็นตระกูลก้องวณิชกุล ก็ไปต่อกรอะไรไม่ได้ ให้คนที่บ้านรู้ว่าฉันยังมีชีวิต รังแต่จะทำให้เป็นจุดสังเกตของอนันยชเปล่าๆ ค่อยว่ากัน ฉันยังทำให้นายชอบฉันไม่ได้เลย ดังนั้นฉันยังกลับไม่ได้”ฝนสุดาเอ่ยปาก

“อีกอย่าง ฉันจะตามนายไปหาอาจารย์ นายห้ามปฏิเสธนะ ถ้านายไม่ยอม ฉันจะเรียกน้องดามาด่านาย ให้น้องรู้ว่านายทิ้งฉันไป”คิดๆดู ฝนสุดาจึงเสริมเข้าไปอีกคำ

รพีพงษ์สีหน้าจนใจ ตอนนี้เขาเอาคุณหนูคนนี้ไม่อยู่หมัด อีกอย่างเมื่อกี้เขา……ไม่ได้จะปฏิเสธ

“ไม่กี่วันนี้ทำไมเธอไม่ใส่เครื่องประดับแล้วล่ะ เป็นเพราะธรรมดาเกินไป เธออยากให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอคู่ควรฉันใช่ไหม”รพีพงษ์เปลี่ยนเรื่อง ยิ้มแล้วถาม

“ไม่ต้องมายุ่ง”ฝนสุดาจ้องรพีพงษ์ แล้วหมุนตัว ไม่สนใจเขาอีก

กลางดึก รพีพงษ์เอนกายบนโซฟาที่ทั้งเย็นและแข็ง หันไปมองฝนสุดาที่นอนอยู่บนเตียงที่แท้ ไม่กี่วันนี้ เธอลำบากขนาดนี้เอง แต่ไม่เคยปริปากบ่น

เป็นนานกว่าที่เขาลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาที่ข้างเตียง อาศัยแสงจันทร์ลอบมองฝนสุดา

เธอนอนหลับสบาย ราวกับว่าไม่เคยได้หลับสบายแบบนี้มาก่อน ดวงหน้าสวยงามดูอิ่ม ใจ

“รพีพงษ์……นายมันบ้า”ฝนสุดาละเมอพึมพำ

รพีพงษ์อมยิ้มอยู่มุมปาก จากนั้นจึงพูดกับคนบนเตียง“ขอบใจนะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท