พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่629 ผลข้างเคียง

บทที่629 ผลข้างเคียง

บทที่629 ผลข้างเคียง

ในบ้านของดาณิมา รพีพงษ์กับฝนสุดาอยู่ในห้อง

เป็นเพราะบ้านของดาณิมามีห้องสามห้อง รพีพงษ์กับฝนสุดาจึงต้องเบียดกันอยู่ในห้องเดียว ฝนสุดานอนบนโซฟาของห้อง บางคืนก็จะแอบมานอนข้างกายรพีพงษ์สักครู่ แต่ไม่ใช่เพราะฝนสุดาอยากแต๊ะอั๋งรพีพงษ์ หากเป็นเพราะโซฟานั้นแข็งมากต่างหาก นอนไม่สบาย ตั้งแต่เด็กจนโตฝนสุดาไม่เคยนอนโซฟา พออดไม่ไหวจริงๆ ถึงได้ไปนอนเอนสักครู่

ฝนสุดามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าหนักอึ้ง ในมือถือน้ำแก้วหนึง ส่วนอีกมือถือขวดยาสามเม็ด

“นายจะกินยาสามเม็ดนั้นจริงๆเหรอ”ฝนสุดาถามด้วยสีหน้าจริงจัง

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า“รีบเอามาให้ฉันเถอะ เธอกลัวฉันตายหนักหนาไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ทำไมสับสนขึ้นมาแล้วล่ะ”

“ก็ฉันกลัวว่ายาสามเม็ดนี้จะมีปัญหานี่นา เกิดนายกินเข้าไปแล้วเป็นอะไรไป ฉันคงเสียใจแทบไม่ทัน”ฝนสุดาเอ่ยปาก

“เอาเป็นว่าตอนนี้สถานการณ์ของฉันโคตรซวย คงจะไม่ซวยไปกว่านี้แล้วล่ะ เอามาเถอะ”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ฝนสุดาทอดถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ยื่นน้ำและยาส่งให้รพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ลังเล เทยาเข้าปาก จากนั้นดื่มน้ำตาม

ผ่านไปสักพัก รพีพงษ์รู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งตัว หน้าผากเหงื่อกาฬแตกเป็นเม็ดๆ สีหน้าแปรเป็นแดงก่ำ

สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกตกใจคือ ความเจ็บปวดที่เคยแผ่ซ่านที่หน้าอก กลับค่อยๆคลายลง

“ยาเม็ดนี้น่าจะได้ผลอยู่ แต่ฉันแค่รู้สึกว่าเวียนหัวก็เท่านั้น อาจจะเป็นผลข้างเคียง และก็ง่วงมาก ฉันคงจะหลับยาว”รพีพงษ์พูดพลางหนังตาหนักอึ้ง

ฝนสุดารีบหามรพีพงษ์ขึ้นเตียง ในเวลานี้รพีพงษ์หลับไปเรียบร้อยแล้ว

เธอยื่นมือออกมาลูบหน้าผากรพีพงษ์ สัมผัสได้ว่าเขาตัวร้อนมาก จึงรู้สึกกังวลในใจ รีบวิ่งออกไปหาดาณิมา ให้ดาณิมาไปตามหมอมา

หลังจากที่หมอมา จึงตรวจรพีพงษ์อีกครั้ง คุณหมอประหลาดใจว่า แผลสาหัสของรพีพงษ์กำลังค่อยๆดีขึ้นแล้ว

ฝนสุดาจึงเล่าเรื่องที่รพีพงษ์กินยาสามเม็ดนั้นให้ฟัง คุณหมอเองก็ฟันธงไม่ได้ว่านั่นคือยาอะไร แต่ว่าสิ่งที่แน่นอนคือ ยานั้นมีส่วนช่วยให้รพีพงษ์ฟื้นตัวเร็วมาก

รพีพงษ์ตัวร้อนและนอนสลบไสล เพียงแต่ว่าผลข้างเคียงจากยานั้น แน่นอนว่ายังมีผลอื่นๆอีกด้วย คุณหมอยังไม่ได้ยืนยัน

หลังจากที่ยืนยันแล้วว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นอะไร ฝนสุดาเองก็วางใจ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้น ถ้าหากว่ารพีพงษ์มีชีวิตต่อไปได้จริงๆ เธอคิดว่าเธอคงดีใจว่ารพีพงษ์เสียอีก

หลังจากที่คุณหมอกำชับฝนสุดาไปสองสามคำ ว่าช่วงนี้ให้ดูแลรพีพงษ์ให้ดี ถ้าหากมีปัญหาอะไร ก็ให้รีบหาเขาทันที

รพีพงษ์สลบไสลไปเจ็ดวันเต็ม ในเจ็ดวันนี้ ฝนสุดาเฝ้าอยู่ข้างกายรพีพงษ์ตลอด ไม่กล้าแม้จะห่างกายเพียงครึ่งก้าว

สีหน้าของรพีพงษ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ฝนสุดาเองก็เชื่อมั่นว่ายานี้จะรักษารพีพงษ์ให้หายดีเป็นปกติได้

ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกแคลงใจ คนที่ให้ยาขนานนี้กับรพีพงษ์เป็นใครกัน ในฐานะคุณหนูตระกูลก้องวณิชกุล เธอไม่เคยได้ยินยาขนานใดๆที่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ทั้งสิ้น คิดว่าชายชราผู้นั้น น่าจะมีพื้นเพที่ยากที่จะจินตนาการถึง

ช่วงบ่ายวันนี้ คุณหมอมาตรวจรพีพงษ์อีกครั้ง หลังจากที่ตรวจเขาแล้ว สีหน้าจึงแสดงรอยยิ้มออกมาทันที ยิ้มให้ฝนสุดาแล้วพูดว่า:“สภาพเขาโดยรวมนิ่งแล้วล่ะ อวัยวะภายในห้าตำแหน่งฟื้นฟูกลับมาดังเดิม ตอนนี้เหลือแค่บำรุงในจุดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต”

ฝนสุดาตื่นเต้นขึ้นมา คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะไม่เป็นอะไรจริงๆ

“ช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ยาที่เขากินเข้าไป จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เสียดายที่ผมหายาแบบนี้ไปทำวิจัยไม่ได้”คุณหมอลุกขึ้นยืน“นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณก็แค่รอเขาฟื้นขึ้นมาก็พอ แล้วช่วยเขาบำรุงบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ”

หลังจากที่ส่งหมอไปแล้ว ฝนสุดาจึงกลับมาที่หน้าเตียงรพีพงษ์ น้ำตาอดไหลออกมาไม่ได้ แต่ว่าคราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ

“ตาบ้าเอ๊ย ในที่สุดก็ไม่เป็นอะไรนะ ฉันรู้อยู่แล้ว ว่านายไม่ตายง่ายๆหรอก”ฝนสุดาเอ่ยปากขึ้น

รพีพงษ์ค่อยๆลืมตาขึ้น เขารู้สึกเล็กน้อยว่าท้องน้อยร้อนเป็นไฟ ไม่กี่วันมานี้เขาสลบไสล เลยไม่รู้สึกถึงอะไร แต่ก็รู้ตัวตลอดว่ากำลังฟื้นตัว เขากดไฟร้อนนี้ลงไม่ได้

“รพีพงษ์ ตื่นแล้วเหรอ”ฝนสุดาเช็ดดวงตา ยิ้มให้รพีพงษ์

รพีพงษ์ผุดลุกขึ้นนั่งจากเตียง ตอนนี้บาดแผลเขาสมานกันจนเกือบสนิท การเคลื่อนไหวของเขาก็กลับมาได้ดังเดิมแล้ว

“ฉันรู้สึก……ร้อนเหลือเกิน”สองตาของรพีพงษ์เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง เขาจ้องไปที่แววตาของฝนสุดาที่แฝงไปด้วยความโลภ

ฝนสุดาตกใจเพราะสายตาของรพีพงษ์ เธอผงะถอยตามสัญชาตญาณ

“นี่……นี่คือผลข้างเคียงของยานี้หรือ”ฝนสุดาถามขึ้นอย่างระมัดระวังถ้อยคำ

มือทั้งสองของรพีพงษ์กระชากเสื้อผ้าตนเองหลุดรุ่ย พูดขึ้น“น่าจะใช่ เธอรีบออกไป ฉันรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว”

เพิ่งสิ้นเสียง เขาก็กระชากเสื้อผ้าออกทันที

ฝนสุดาได้ยินคำพูดรพีพงษ์ เธอไม่ได้ออกไป นี่เป็นเรื่องที่เธอถวิลหาทุกวันคืนมิใช่หรือ เธอยิ้มให้รพีพงษ์ พูดขึ้นว่า“ถ้าเป็นผลข้างเคียงจริง ฉันรู้สึกว่านายควรจะปลดปล่อยมันออกมา ไม่อย่างนั้นจะไปมีผลต่อการรักษาของยา ที่ทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า นายคงอึดอัดแย่สินะ เพื่อให้นายมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันยินดีเสียสละตนเอง”

พูดพลาง ฝนสุดาเดินหน้าเข้าหารพีพงษ์

รพีพงษ์อาศัยสติสุดท้าย ในใจกำลังด่าทอชายชราสักร้อยรอบ ผลข้างเคียงของยานี้

ชายชราไม่ได้บอกเขา

“เธอรีบออกไปสิ ให้ฉันสงบอารมณ์หน่อย เดี๋ยวมีคนมาได้ยินเข้า จะอธิบายไม่ถูก”รพีพงษ์กัดฟันพูด

“อาดุลกับป้าพิชาออกไปตกปลา ดาณิมาออกไปเล่นกับเพื่อน ตอนนี้ในบ้านเหลือแค่เราสองคน”ฝนสุดาหน้าแดงก่ำ แววตาเขินอาย

รพีพงษ์เห็นทีท่าของฝนสุดา ยิ่งควบคุมร่างกายตัวเองไม่อยู่ สัญชาตญาณทำให้เขาโอบฝนสุดาเข้าหาตัว

“รีบออกไปสิ ฉันจะคุมสติตัวเองไม่ได้แล้วนะ ฉันจะทำอะไรแบบนี้กับเธอไม่ได้!”รพีพงษ์คำราม

ฝนสุดาเห็นทีท่ารพีพงษ์ จึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน“แต่ว่า ฉันไม่อยากเห็นนายทุกข์ทรมานแบบนี้ ถ้าไม่ระบายออกมา นายจะอึดอัดตาย”

รพีพงษ์สูดลมหายใจเข้าลึก สติในแววตาเลือนหาย ในสายตาเขาฝนสุดากลายเป็นอาหารอันโอชะมื้อใหญ่

เขาควบคุมร่างกายตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป แล้วพุ่งเข้าหาฝนสุดา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท