พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่640 ผมคือเจ้าของที่นี่

บทที่640 ผมคือเจ้าของที่นี่

บทที่640 ผมคือเจ้าของที่นี่

หลังจากที่ช่วยดาณิมาซื้อชุดแล้วนั้น รพีพงษ์และฝนสุดาทั้งสองได้พาเธอไปซื้อกางเกงใหม่และรองเท้าใหม่ แล้วเลือกทั้งชุด ให้ดาณิมาเปลี่ยน แล้วเอาชุดเก่าทิ้งไป

ฝนสุดาฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันที จึงได้ไปซื้อเครื่องสำอางที่จุดเครื่องสำอาง แต่งหน้าให้ดาณิมาจนสวย บวกกับเพิ่งซื้อชุดใหม่ ดาณิมาเปลี่ยนทั้งตัว จนกลายเป็นสาวสวย

มองไปที่กระจกเปรียบเทียบกับที่ผ่านมาของตนเองไม่เหมือนกันเลยสักนิด แม้แต่ดาณิมาก็เริ่มสงสัย ว่าคนในกระจกนี้ เป็นตัวเองจริงๆหรอ? ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้?

ฝนสุดารู้สึก ดาณิมาเป็นวัยรุ่น วัยที่กำลังสวยงาม เป็นวัยที่ต้องแต่งตัว ดังนั้นเธอจึงให้รพีพงษ์ช่วยซื้อเครื่องสำอางมากมายให้ดาณิมา กลับไปแล้วค่อยสอนดาณิมาแต่งหน้า

ดาณิมาไม่เคยช็อปปิ้งอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้ เห็นรพีพงษ์และฝนสุดาจ่ายเงินราวกับกระดาษ ชอบอะไร ก็ซื้อ เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน

เพราะรพีพงษ์จ่ายเงินมาก มากเกินกว่าที่เธอคิดไว้ ดังนั้นเธอจึงได้ขัดขวางรพีพงษ์อยู่บ้าง แต่ทว่ารพีพงษ์และฝนสุดาไม่คิดมากเรื่องเงิน จึงไม่ฟังคำขอใดๆของเธอ

หลังจากที่ช็อปปิ้งเสร็จแล้วนั้น เกือบจะเที่ยงแล้ว รพีพงษ์ได้พาทั้งสองไปร้านอาหารที่ดีที่สุดในห้าง ให้ดาณิมาได้กินอิ่มสักมื้อ

หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งสามก็ไปที่โซนเกมส์ รพีพงษ์ใช้ทักษะอันล้ำลึกจับตุ๊กตาให้สองสาว จนทั้งคู่มีความสุขอย่างมาก

ตั้งแต่เล็กจนโต ดาณิมาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อน รู้สึกซาบซึ้งใจต่อรพีพงษ์และฝนสุดา คิดว่าต่อไปตัวเองต้องขยัน แล้วตอบแทนพวกเขาทั้งสอง

หลังจากที่กินเล่นแล้ว ทั้งสามเริ่มเหนื่อย คิดที่จะกลับบ้าน เดินไปที่ทางออก

ระหว่างไปถึงทางออกนั้นข้างทางเต็มไปด้วยร้านทองซ้ำ ร้านเครื่องประดับแล้วซ้ำเล่า ลูกค้าเดินเข้าเดินออก ล้วนต้องผ่านตรงนี้ ทางห้างต้องการให้มันดูเปิดเผย

ปกติลูกค้าที่เดินห้างเสร็จแล้ว จำนวนไม่น้อยที่มาดูเครื่องประดับทองคำที่นี่

รพีพงษ์ทั้งสามเดินตรงไปที่ประตูทางออก ฝนสุดาจ้องไปที่เครื่องประดับสองข้างทางอย่างแปลกใจ รู้สึกว่าเครื่องประดับที่นี่ค่อนข้างอลังการ ไม่เหมาะกับเธอ

และดาณิมามีความคิดต่อเครื่องประดับเหล่านี้ว่า แพง

ในขณะที่ทั้งสามเดินอย่างช้าๆอยู่นั้น หญิงวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดฟอร์มของห้างเดินมาที่ทั้งสาม จากนั้นก็ชนไปที่ดาณิมาอย่างตั้งใจ

ดาณิมารีบขอโทษคนนั้น หญิงวัยกลางคนนั้นจ้องไปที่ดาณิมาอย่างเกรี้ยวกราด แล้วตะคอกว่า “แกไอ้หัวขโมย รีบเอาสร้อยทองของร้านเราคืนมาเดี๋ยวนี้นะ แกชั่งกล้า กล้ามาขโมยของร้านเรา อย่าคิดว่าฉันมองไม่เห็นนะ!”

ดาณิมาชะงัก ไม่คาดคิดว่าหญิงวัยกลางคนจะพุดแบบนี้ออกมา

“ฉัน…..ฉันไม่ได้ขโมย……”

“แกไม่ได้ขโมยอะไร ฉันเห็นอยู่ แกรีบเอาสร้อยทองนั้นคืนมาให้ฉันนะ นั่นมันเป็นทองราคาเป็นแสนทำเป็นสร้อยคอนะ อย่าคิดจะเอาออกไป” หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างรุนแรง

คนนี้คือป้าของเทพภวัน ก่อนหน้านี้เทพภวันและญาณิศาได้ตกลงกับเธอไว้เรียบร้อยแล้ว เตรียมจะหลอกสามคน เงินที่หลอกมาได้แบ่งเป็นสามส่วน

เทพภวันบอกป้าของเขาว่าพวกดาณิมาเป็นคนจน ไม่มีอะไร แต่ในมือของรพีพงษ์น่าจะมีเงินจำนวนไม่น้อย พวกเขาเพียงแค่ย้ำว่าดาณิมาขโมยสร้อยทองจากร้านไป ให้พวกเขาชดใช้เงิน ไม่งั้นจะไม่ให้พวกเขาไป ดังนั้นสุดท้ายที่ดาณิมาทั้งสามทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ทำได้เพียงจ่ายเงิน

รพีพงษ์จ้องไปที่หญิงวัยกลางคน แล้วกล่าว “เมื่อกี๊คุณชนเธอ ทำไมถึงได้เป็นขโมยสร้อยได้ล่ะ?”

“เมื่อกี๊สร้อยอยู่ในมือฉัน แล้วเด็กนี่ชนฉัน สร้อยก็ไม่มีแล้ว หล่อนตั้งใจแน่นอน ฉวยโอกาสขโมยสร้อยฉัน!” หญิงวัยกลางคนกล่าว

ขณะนี้คนรอบๆจำนวนไม่น้อยเริ่มล้อมเข้ามา เทพภวันและญาณิศาอยู่ในนั้นด้วย จ้องไปที่ดาณิมาทั้งสามอย่างสะใจ

“ดาณิมา คิดไม่ถึงจริงๆว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ ฉันก็ว่าอยู่พวกแกเอาเงินมาจากไหนตั้งมากมายไปซื้อชุด ที่แท้ก็ขโมยมา!” ญาณิศาตะโกนออกมา

“ทุกคน หญิงคนนี้คือเพื่อนของฉัน ครอบครัวยากจน แต่เมื่อกี๊พวกเขาซื้อชุดไปแสนกว่า ตอนแรกฉันก็งงว่าเอาเงินมาจากไหนตั้งมากมาย ตอนนี้ดูๆแล้ว น่าจะขโมยมาแล้วล่ะ!” เทพภวันปั้นน้ำเป็นตัว

หญิงวัยกลางคนแสดงท่าทางเสียเปรียบออกมา แล้วตะโกน “ทุกคนต้องช่วยฉันนะ ไอ้เด้กนี่เห็นฉันถือสร้อยทอง ก็ตั้งใจวิ่งมาชนฉัน ฉวยโอกาสขโมยสร้อย แล้วตอนนี้ยังไม่ยอมรับอีก ร้านเล็กๆของฉัน สร้อยคอหายไปหนึ่งเส้น ตั้งใจทำมาหนึ่งปีก็เหมือนไม่ได้อะไรเลย!”

ทุกคนเริ่มว่ากล่าวรพีพงษ์ทั้งสาม คนจำนวนไม่น้อยบอกว่าให้เรียกรปภ.มาจับ

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินเสียงของเทพภวันและญาณิศาแล้วนั้น ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว

“เขาดูแคลน มองไปที่หญิงวัยกลางคน แล้วถาม “คุณบอกว่าเธอขโมยสร้อยคอของคุณ คุณมีหลักฐานไหม?”

“สร้อยในมือของฉันไม่มีแล้ว นี่ไม่ใช่หลักฐานสำคัญหรอ? พวกแกต้องทำเป็นนิจแล้ว แล้วจะทิ้งหลักฐานให้ฉันได้ไงกัน” หญิงวัยกลางคนกล่าว

รพีพงษ์ชี้ไปที่กล้องวงจรปิดไม่ไกล แล้วกล่าว “ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดหนิ พวกเราไปดูกัน ก็น่าจะรู้แล้วหนิว่าสร้อยคอของคุณโดนพวกเราขโมยหรือเปล่า?”

หญิงวัยกลางคนรู้ว่าพวกเขาจะต้องขอดูกล้องวงจรปิด เธอได้คิดวิธีการต่อกลอนไว้แล้ว

“ทุกท่าน พวกคุณน่าจะรู้แล้ว ว่ากล้องวงจรปิดของห้างเรามีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่ดูได้ พวกเขาน่าจะรู้อยู่บ้าง ก่อนหน้าที่จะขโมยสร้อยคอของฉัน ได้เตรียมการไว้แล้ว เจ้าของห้างคงไม่มีทางมีที่ห้างเพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้หรอก และไม่แน่ฉันอาจโดนไล่ออกจากห้างเพราะเรื่องนี้ก็ได้

“เมื่อกี๊พวกคุณก็ได้ยินแล้วหนิ ว่าฐานะของครอบครัวพวกเขาไม่ดี แต่มาห้าง กลับซื้อเสื้อผ้าเป็นแสนๆ เงินนี้นอกจากขโมยมา ฉันก็หาที่มาอื่นไม่เจอ แล้วครั้งหนึ่งใช้จ่ายเยอะขนาดนี้ มันขโมยมาชัดๆ”

“ตอนนี้ถึงแม้พวกมันจะเอาสร้อยทองออกมาได้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นของจริง ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงให้พวกมันชดใช้เงิน”

กำลังพูดอยู่ หญิงวัยกลางคนก็มองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ขอร้องพวกแกดีๆ ฉันยังมีลูกต้องเลี้ยงดู ในเมื่อพวกแกคิดจะลงมือกับฉัน ฉันก็จะไม่ให้พวกแกเสียเปรียบ สร้อยคอนั้นราคาแสนกว่า พวกแกให้ฉันแปดหมื่นก็พอ ที่เหลืออีกสองแสน ถือว่าเป็นค่าดูแลที่ฉันให้พวกแก”

ทุกคนฟังคำพูดของหญิงวัยกลางคนจบ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล บวกกับที่เทพภวันและญาณิศาตะโกนออกมา ทุกคนจึงตะโกนให้รพีพงษ์ทั้งสามชดใช้เงิน

ดาณิมาหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร

ฝนสุดาไม่เคยเจอคนงามหน้าแบบนี้มาก่อน แม้จะมีคนอยากหลอกเธอ ก็ถูกคนของตระกูลก้องวณิชกุลจัดการไปเสียก่อน ดังนั้นก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

ทั้งสองล้วนมองไปที่รพีพงษ์ ตอนนี้ ทำได้เพียงพึ่งรพีพงษ์ในการแก้ไขปัญหานี้แล้ว

รพีพงษ์สงบนิ่ง บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอยู่ หลายปีมานี้ที่เขาล้มลุกคลุกคลาน สำหรับเรื่องนี้ รู้สึกเฉยๆไปแล้ว แล้วยังรู้อีกว่าอีกฝั่งคิดจะทำอะไร

ได้ยินทุกคนตะโกนให้พวกเขาชดใช้เงิน รพีพงษ์ปรบมือ เพื่อให้ทุกคนเงียบ

“เด็กน้อย ขอร้องเถอะนะ แม้จะดูกล้องวงจรปิด พวกแกก็ขโมยสร้อยของฉัน ชดใช้เงินมาเสียเถอะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างน่าสงสารอีกครั้ง

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว

“กล้องวงจรปิดจะเป็นผมและคุณที่ดู มิเช่นนั้นจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเราได้ไงกัน และคุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกล้องวงจรปิด และไม่ต้องกังวลว่าเจ้าของจะไล่คุณออก แน่นอน ว่าคุณต้องไม่โกหกก่อน เพราะ……ผมนี่แหละเจ้าของ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท