พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 647 โรคจิตเกินไปแล้ว

บทที่ 647 โรคจิตเกินไปแล้ว

บทที่ 647 โรคจิตเกินไปแล้ว

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น อาจารย์จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “พละกำลังของฉันจะเป็นยังไง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายตอนนี้ ศิษย์ของฉันมีมากมาย สิ่งที่ฉันต้องรับผิดชอบคือการสอนพวกเขา ความโกรธแค้นของพวกนาย ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ดังนั้นเรื่องบาดหมางระหว่างนายกับอนันยช นายก็ต้องแก้แค้นด้วยตัวเอง”

“ศิษย์ทราบครับ!” รพีพงษ์รีบตอบรับ การที่อาจารย์บอกเรื่องนี้กับเขาวันนี้ เขาก็ซาบซึ้งพอแล้ว เขาไม่เคยอยากให้ใครมาช่วยเขาแก้แค้น

“อนันยชโชคดีที่ได้เป็นศิษย์ของชินาธิป และได้เป็นผู้มีฝีมือด้านกำลังภายใน ไม่งั้นตระกูลตระกูลนิธิวรสกุล คงไม่สามารถมีผู้มีฝีมือด้านนี้อย่างแน่นอน และสิ่งที่ฉันอยากเตือนนายคือคนที่เป็นปรมาจารย์อย่างชินาธิป ถ้านายจะแก้แค้นอนันยช นายจะไม่ได้เจอแค่คนมีฝีมือด้านกำลังภายในแค่เพียงคนเดียว นายต้องเข้าใจจุดนี้ด้วย” อาจารย์พูดอย่างช้าๆ

รพีพงษ์ฉุกคิดขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ของอนันยชจะเป็นปรมาจารย์ นี่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเรื่องหนึ่งเลย แต่รพีพงษ์ไม่ได้หวาดกลัวอะไร

ถ้าอาจารย์ของอนันยชจะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ รพีพงษ์คงจะต้องจดชื่อของปรมาจารย์คนนี้ไว้ในบัญชีดำของตัวเองด้วยเหมือนกัน

ตอนนี้รพีพงษ์เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมนนทภูถึงอยู่แต่ในกิสนา จนเขามาถึงจึงค่อยคิดแผนแก้แค้นอนันยช ที่แท้ภูมิหลังของตระกูลนิธิวรสกุล มีปรมาจารย์ท่านนี้อยู่นี่เอง แม้แต่นนทภูยังไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม

แม้ชินาธิปจะไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ แค่อนันยชก็ทำให้นนทภูจับตามองได้แล้ว

แต่ที่กิสนาจะมีผู้มีฝีมือด้านกำลังอยู่หรือไม่ รพีพงษ์ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

“แต่นายไม่ต้องเป็นกังวล ในเมื่อนายเป็นศิษย์ของฉัน ฉันไม่มีความตระหนี่แน่นอน ฉันไม่เหมือนกับตระกูลที่เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้สมัยโบราณ คนพวกนั้นไม่ยอมเผยวิชากำลังภายในง่ายๆ แต่ฉันยอม ในเมื่อนายมาที่นี่แล้ว ช่วงนี้ก็มาเรียนกับฉันแล้วกัน” อาจารย์พูดต่อ

สีหน้าของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง และรีบเอ่ยปากขอบคุณอาจารย์ แต่เขารู้สึกเล็กๆ ในใจว่าอาจารย์เป็นปรปักษ์กับตระกูลที่เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้สมัยโบราณไม่น้อยเลยทีเดียว

“ตอนนั้นฉันไม่อยากให้นายไป เพราะว่ากำลังภายนอกของนายถึงจุดสุดยอดแล้ว ฉันไม่เคยเห็นคนที่กำลังภายนอกถึงจุดสุดยอดแล้วมาฝึกวิชากำลังภายใน ผลมันจะเป็นอย่างไร ดังนั้นฉันจึงคาดหวังที่อยากจะเห็น”

“แต่น่าเสียดายที่นายอยากจะแก้แค้น และดึงดันออกไปจากที่นี่ ตอนนั้นฉันแอบคิดว่าจะสอนวิชากำลังภายในให้นาย ถึงแม้ตอนนี้มันอาจจะสายไปเสียหน่อย แต่มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรมากมาย”

“กำลังภายในจะแข็งแกร่งหรือไม่ มันเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์และพื้นฐานของร่างกาย ตอนนี้กำลังภายนอกของนายถึงจุดสุดยอดจนไม่มีใครเทียบได้ หลังจากที่ฝึกกำลังภายใน ฉันกลัวว่านายจะเป็นจุดสูงสุดที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง”

“วันนี้นายพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ฉันจะถ่ายทอดวิชากำลังภายในให้กับนาย”

หลังจากที่ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์โค้งคำนับให้อาจารย์ แล้วพูดว่า “รับทราบครับอาจารย์!”

“ใช่สิ ผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกเป็นภรรยาของนายเหรอ” เมื่อพูดเรื่องสำคัญเสร็จ อาจารย์จึงเอ่ยถามขึ้น

จู่ๆ รพีพงษ์รู้สึกกระอักกระอ่วน และรีบบอกว่าฝนสุดาคือใคร แถมยังบอกว่าตัวเองมีภรรยาแล้ว การที่เขาให้ฝนสุดาตามมาด้วย ก็เพราะเห็นแก่การที่เธอช่วยชีวิตเขา

อาจารย์ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร เรื่องความรักของหนุ่มสาว คนแก่อย่างเขาไม่สามารถแนะนำอะไรได้

“มีผู้หญิงก็ดี ชีวิตในป่าเขาไม่มีสีสันอะไรน่าสนใจ มีเธออยู่นายจะได้ไม่เบื่อ” อาจารย์พูดอย่างช้าๆ

รพีพงษ์อยากบอกว่าเขายอมเบื่อดีกว่าจะให้ฝนสุดาตามมา เพราะว่าในหัวสมองของผู้หญิงคนนี้คิดแต่เรื่องมิดีมิร้ายกับเขา แต่พอคิดไปคิดมาถ้าพูดออกไปแบบนั้นก็ดูจะไม่เหมาะสม เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

“พวกรุ่นพี่ของนาย ยังมีคนที่ฝึกอยู่ที่นี่ไม่น้อย วันนี้พวกนั้นไปฝึกอยู่ที่หลังเขา พรุ่งนี้ถึงจะกลับ พวกนั้นก็เหมือนกับนาย เป็นเด็กหนุ่มที่มีกำลังแข็งแกร่ง ตอนนั้นนายดึงดันหนีไป เลยทำให้พวกนั้นรู้สึกไม่ดีกับนาย วันนี้นายพาผู้หญิงสวยกลับมา พวกนั้นต้องสร้างความวุ่นวายให้นายแน่ ความแค้นระหว่างพวกนาย ฉันขอไม่ยุ่ง นายจัดการเองแล้วกัน”

“ฉันขอเตือนนายไว้ก่อน ในบรรดาศิษย์ที่อยู่ที่นี่ มีสามคนที่รู้กำลังภายใน กำลังของนายไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ของฉันแล้ว”

เมื่อได้ยินคำของอาจารย์ รพีพงษ์พยักหน้า เขารู้ความหมายของอาจารย์ คนและเรื่องราวในอดีตลอยขึ้นมาในหัวของเขา

ในเมื่อไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ของอาจารย์ งั้นก็ต้องตั้งใจฝึกฝนและเอาฉายาของเขาคืนมาให้ได้!

……

ข้างนอกเรือนไม้ หลังจากที่ช่วยฝนสุดาจัดที่พักเสร็จเรียบร้อย ดำเกิงก็มาหยุดอยู่ข้างหน้าหินก้อนนั้น

ฝนสุดาก็มาเช่นกัน เขามองดำเกิงอย่างสะใจ จากนั้นจึงพูดว่า “ถ้าเทียบกับรพีพงษ์แล้ว นายยังห่างชั้นกับเขาเยอะ เขายกหินนี้มาทั้งบ่าย แต่ฉันกลัวว่านายแค่ยกยังลำบาก”

“พูดอะไรไร้สาระ! แม้ว่าผมจะยังไม่ได้เรียนกำลังภายใน แต่ก็ยังเป็นศิษย์รักของอาจารย์ รพีพงษ์ยกได้ทั้งบ่าย ผมก็ยกได้เหมือนกัน!”

ดำเกิงพูดอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปโอบหินก้อนนั้น เขากัดฟันใช้แรง สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ หินนั่นขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้จริงๆ

ฝนสุดาหัวเราะออกมา จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “ฉันบอกแล้วว่านายสู้รพีพงษ์ไม่ได้ ขนาดจะยกยังยกไม่ได้เลย น่าขำจริงๆ”

ดำเกิงรู้สึกอาย เขาคิดไม่ถึงว่าหินก้อนนี้จะหนักขนาดนี้ ตอนนั้นเห็นรพีพงษ์ยกขึ้นมาอย่างง่ายดาย เขานึกว่าหินก้อนนี้จะไม่หนักเหมือนที่จินตนาการเอาไว้

เพื่อไม่ให้เสียหน้า เขาสูดหายใจและใช้พลังทั้งหมดในร่างกาย และยกหินนั่นขึ้นเหนือศีรษะ

น้ำหนักของหินทำให้ดำเกิงรู้สึกว่าแขนของเขาใกล้จะหักแล้ว แต่ยังดีที่ช่วงสองปีนี้อาจารย์ให้เขากินยาแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กระดูกและกล้ามเนื้อของเขา ไม่งั้นเขาคงจะแบกมันไม่ไหวจริงๆ

หลังจากที่ได้ยกหินก้อนนี้ ความคิดที่ดำเกิงมีต่อรพีพงษ์เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ที่แท้การที่รพีพงษ์ได้เป็นศิษย์รักของอาจารย์ มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

“เหอะ ผมเพิ่งจะอายุยี่สิบปี เป็นศิษย์อายุน้อยที่สุด ถ้าผมอายุเท่ารพีพงษ์ ผมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาหรอก” ดำเกิงพูดพึมพำ

หลังจากที่ธูปเกือบจะหมด

ดำเกิงโยนหินออกไปอีกทาง ความเจ็บแล่นเข้ามาที่แขนและขาของเขา จนไม่สามารถอธิบายอาการที่แสดงออกมาทางสีหน้าได้

“โรคจิตเกินไปแล้ว โรคจิตไปแล้วจริงๆ ไอ้หมอนั่นทำได้ยังไง ถ้าฉันยกนานขนาดนั้น แขนคงพิการพอดี”

หลังจากที่ได้สัมผัสกับความหนักของหิน ดำเกิงก็รู้ว่าตัวเองยังห่างชั้นกับรพีพงษ์เยอะ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท