พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่663 มึงเยอะเกินไปแล้ว

บทที่663 มึงเยอะเกินไปแล้ว

บทที่663 มึงเยอะเกินไปแล้ว

“รพีพงษ์ แก……แกคิดจะทำอะไร?” วรยศที่อยู่ข้างๆตกใจขึ้นมา จ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม แต่เมื่อนึกได้ว่าด้านหลังยังมียอดฝีมือ เขาจึงไม่กลัวอะไร

รพีพงษ์มองไปที่เขา กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ทำไม พวกแกจะลงมือกับเมียและลูกของฉัน แล้วยังจะเอาธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันจะทำอะไร พวกแกไม่รู้หรอ?”

“ร……รพีพงษ์ แกหยุดอวดเก่งได้ล่ะ แม้แกจะมีชีวิตอยู่ แต่ตระกูลลัดดาวัลย์ของแกต้องเอาธุรกิจออกมาให้ ยุคของตระกูลลัดดาวัลย์ของของแก ได้จบลงแล้ว” พลชสูดหายใจลึกๆเพื่อระงับความกลัวที่รพีพงษ์ทำไว้ แล้วตะคอกไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์เหอะๆ แล้วกล่าว “แกคิดว่าแกเป็นใคร กิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ แกให้มอบให้แล้วฉันก็ต้องมอบให้”

“มึง!” พลชไม่พอใจ ดูออกว่าโมโห เขาได้แพ้รพีพงษ์แล้ว

ขณะเดียวกันนี้เองจณัตว์พาสามคนเดินไปที่รพีพงษ์ เชิดหัวขึ้นพลางจ้องไปที่เขา

”มึงคือรพีพงษ์? กูสองพี่น้องไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์ มึงไม่เห็นพวกกู?”

รพีพงษ์จ้องไปที่จณัตว์ทั้งสี่คน รู้สึกได้ถึงอำนาจของทั้งสี่คน แล้วถาม “พวกแกเป็นคนที่อนันยชให้มา?”

“เหอะเหอะ ไม่คาดคิดว่ามึงก็มีแววตาเหมือนกันนะ ไม่เลวหนิ กูจณัตว์ มาที่นี่ เพื่อล้างบางตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกมึง คาดไม่ถึงว่าชีวิตของมึงจะยาวได้ขนาดนี้” จณัตว์กล่าวอย่างดูแคลน

“เกรงว่าแกจะคิดมากไปแล้ว สองคนนั้นที่พวกมึงให้ไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์นั้น ตายด้วยน้ำมือของกูแล้ว” รพีพงษ์กล่าวอย่างเรียบง่าย

จณัตว์ตาโต แต่ก็ยังเหยียดหยามว่า “หยุดใช้วิธีนี้โกหกกูได้ล่ะ ฝีมือของพวกมันเป็นไงกูรู้ดี จะฆ่ามันทั้งสอง ฝีมือมึง ก็พอได้อยู่”

เห็นจณัตว์ไม่เชื่อ รพีพงษ์ก็บึนปาก และขี้เกียจจะอธิบาย หันไปมองทุกคน แล้วกล่าวอย่างดึงว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมหลอกพวกคุณ ถ้าคิดจะแย่งกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ ผมไม่ว่า แต่ผมจะไม่มีทางปล่อยตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมไว้แน่ ดังนั้นขอทุกท่านได้โปรดเป็นพยาน วันนี้ ผมจะล้างบางตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรม ต่อไปใครคิดจะทำลายตระกูลลัดดาวัลย์ คิดให้ดีๆ”

ทุกคนได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น คนจำนวนไม่น้อยแสดงออกถึงความเหยียดหยาม ดูออกชัดเจนว่าพวกเขาคิดว่าตระกูลลัดดาวัลย์ในปัจจุบันไม่มีความสามารถต่อกลอนกับตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมได้

ช่วงครึ่งปีมานี้ ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ได้เป็นใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่รพีพงษ์กลับมาแล้วจะแก้ไขได้เลยในทันใด

แน่นอน พวกเขาไม่รู้ ว่าเบื้องหลังรพีพงษ์ยังมีเทือกเขากิสนาอยู่ ปัญหาอันเล็กน้อยในปัจจุบันของตระกูลลัดดาวัลย์ แค่รพีพงษ์โทรศัพท์กลิ๊งเดียวก็ได้แล้ว

“มันชั่งน่าขำจริงๆ รพีพงษ์ ช่วงครึ่งปีมานี้มึงคงไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลบ้าหรอกนะ หรือสมองมึงกลับแล้ว ที่จะรักษาชีวิตไว้? มึงรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลลัดดาวัลย์ไหม ถึงได้กล้าพูดว่าจะล้างบางตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรม ตลกชิบหายเลยหวะ!” พลชกล่าวอย่างประชดประชัน

วรยศเดินไปด้านหน้า แล้วกล่าว “ทุกท่าน คำพูดทุกคำที่รพีพงษ์พูดออกมานั้น ก็แค่ใช้อำนาจที่เหลืออยู่เล็กนั้นพูดออกมา ถ้ามีปัญหากันจริงๆ ผมไม่ชนะมันแน่นอน แต่ สี่คนนี้ เป็นยอดฝีมือ ก่อนหน้านี้ที่ยอดฝีมือสามคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ถูกพวกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บ หนึ่งในสี่ของพวกเขา ทำเอารพีพงษ์ไร้ซึ่งเนื้อหนังไปแล้ว!”

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของวรยศ ก็ไม่พอใจรพีพงษ์มากขึ้น พวกเขามองว่า วันนี้ที่รพีพงษ์กลับมาก็เพื่อเป็นตัวตลก

รพีพงษ์บึนปาก แล้วก้าวไปข้างหน้า ตบวรยศไปหนึ่งฉาด กำลังภายในเดือดพล่าน ฉาดนี้ ตบเอาหน้าของวรยศหันร้อยแปดสิบองศา

เสียงแกร๊กดังขึ้น เสียงประชดประชันของวรยศหยุดลง ร่างล้มลงไปนอนกับพื้นโดยตรง

“มึงเยอะเกินไปแล้ว” รพีพงษ์จ้องไปที่วรยศแล้วกล่าวอย่างนิ่งๆ

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเริ่มกรีดร้องออกมา นายใหญ่ตระกูลตระกูลวรโชติธีรธรรม ถูกรพีพงษ์ตบตาย

พลชตกใจถึงขั้นเกือบฉี่ราดออกมา จณัตว์ก็ไม่ทันได้เตรียมตัวว่ารพีพงษ์จะลงมือเร็วขนาดนี้ หลังจากที่เห็นวรยศล้มลงกับพื้นแล้วนั้น จณัตว์ชกไปที่รพีพงษ์

“กล้าฆ่าคนต่อหน้ากู รนหาที่ตายแล้วมึง!”

รพีพงษ์สงบนิ่ง หลังจากที่นับหมัดของจณัตว์แล้วนั้น มองไปที่สายตาคนข้างหลังเขาทั้งสามคน แล้วกล่าว “ให้พวกมันเข้ามาด้วย”

จณัตว์กล่าว “มึงโอหังเกินไปแล้ว แค่กูคนเดียวมึงยังเอาชนะไม่ได้ แล้วยังอยากต่อยสี่คนอีก มึงควรจะคิดว่าจะใช้ท่าไหนไปหายมบาลจะดีกว่า!”

พูดจบ จณัตว์ก็ลงมือกับรพีพงษ์ต่อ สามคนข้างหลังเขาอยากกำจัดรพีพงษ์ให้เร็วขึ้น ไม่ได้นึกถึงจำนวนคนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ก็ได้พูดแล้วให้พวกเขารุมเข้ามาเลย

ทั้งสามเข้าร่วมการต่อสู้ อยู่ฝ่ายเดียวกับจณัตว์ ต่อกลอนกับรพีพงษ์

ทุกคนในงานถอยไปอยู่รอบๆ เหลือเนื้อที่ไว้ให้กับการต่อสู้ รพีพงษ์ตบฉาดเดียวตาย ถ้าโดนลูกหลง แค่เจ็บแต่ไม่ถึงปางตาย

รพีพงษ์และทั้งสี่คนต่อสู้กัน ความเร็วที่พวกเขาจินตนาการไว้ยังไม่ปรากฏออกมา รพีพงษ์ต่อกลอนกับสี่คน ชัดเจนว่าฝีมือเยี่ยม ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“พวกมึงน่าจะแปลกใจว่าทำไมกูต้านทานพวกมึงสี่คนได้สินะ?” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

“ความจริง ูคนเดียวก็ฆ่าพวกมึงทั้งสี่คนได้นะ”

พูดจบ รพีพงษ์ไม่คิดจะเล่นกับพวกเขาแล้ว จึงได้ใช้กำลังภายใน ต่อยไปที่คนหนึ่ง ตายในทันใด ล้มลงกับพื้น

จณัตว์ตกใจจนซีด มองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง ในสมองเกิดความคิดขึ้นมา

“มึง……มึงคือยอดฝีมือกำลังภายใน?!”

รพีพงษ์ยิ้มให้เขา แล้วกล่าว “ดีใจด้วย ถูกต้องแล้ว”

จากนั้นรพีพงษ์ก็ปล่อยสองหมัดไปที่อีกสองคนที่เหลือ พวกเขาทั้งสองไม่ทันได้ระวัง ก็ถูกรพีพงษ์จัดการแล้ว

จณัตว์เห็นความน่าเกรงขามของอนันยช รู้ว่ายอดฝีมือกำลังภายในเป็นอย่างไร ด้วยฝีมือของเขา แม้จะผ่านไปร้อยปี ก็ไม่น่าจะชนะยอดฝีมือกำลังภายในได้

ดังนั้นเมื่อเขานึกขึ้นได้ จึงรีบหนี วันนี้ทำได้เพียงหนี จึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้

แต่ทว่ารพีพงษ์ไม่เปิดโอกาสนี้ให้เขา ในขณะที่จณัตว์กำลังจะหนีนั้น เขาก็อยู่ที่ด้านหลังของจณัตว์ และถามข้างๆหูว่า “ทำไมรีบไปล่ะ ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าไปอีกเลย”

จณัตว์ขนลุกซู่ รู้สึกว่ารพีพงษ์เหมือนเป็นผีมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น น่ากลัวที่สุด

“ได้โปรด……”

เสียงของจณัตว์ยังไม่ดังออกมา รพีพงษ์ก็บีบคอเขา เมื่อออกแรง เสียงกระดูกแตกร้าวก็ดังขึ้นมา จณัตว์ล้มชักอยู่บนพื้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท