บทที่665 คุณไม่มีสิทธิ์
ณ คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
สนามหน้าห้องของอารียา รพีพงษ์เดินไปเดินมาอย่างร้อนรน ระดับสูงของตระกูลลัดดาวัลย์รวมทั้งธฤตญาณเธียรวิชญ์และคนอื่นๆก็เฝ้าอยู่ที่นี่
ในห้อง ได้มีหมอสูติดีที่สุดจองเมืองเกียวโตอยู่แล้ว วันนี้ อารียาครบกำหนดคลอด
ศักดาและชนิสราทั้งคู่หุบยิ้มไม่อยู่ ด้วยความที่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน ดูออกชัดเจนว่าสงบกว่าคนที่ไม่เคยเจอมาก่อน
จารุณรก็ตื่นเต้น ยืนอยู่ที่ประตูคนเดียว ตาสองข้างมองเข้าไปในห้อง แล้วพึมพำเป็นระยะ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่
รพีพงษ์เดินไปที่ด้านหน้าของธฤตญาณ แล้วถาม “แน่ใจนะว่ารอบๆคฤหาสน์แกได้จัดคนเพียงพอแล้ว ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นนะ?”
“แน่นอน ดัมพ์รงค์พวกเขาทั้งสามได้แยกกันไปอยู่สามจุดของคฤหาสน์ ล้อมไว้จนน้ำก็เข้ามาไม่ได้แล้วจริงๆ แกสบายใจเถอะ” ธฤตญาณพูดอย่างเบื่อหน่าย รพีพงษ์ในวันนี้ราวกับสูญเสียความทรงจำเลยอย่างนั้น เรื่องเดียวกัน ถามไปสามรอบแล้ว
รพีพงษ์หันไปหาเธียรวิชญ์อีกครั้ง แล้วถาม “แกแน่ใจนะว่าหมอที่ดีที่สุดของเมืองเกียวโตสแตนด์บายรอไว้แล้ว? ถ้าด้านในมีปัญหา พวกเขาสามารถมาได้ในทันทีเลยใช่ไหม?”
“พวกเขาพักผ่อนอยู่ที่ห้องรับแขก ไม่งั้นพี่ไปดูกับผมไหม?” เธียรวิชญ์จ้องนพีพงษ์อย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ไม่จำเป็น ฉันเชื่อแก” รพีพงษ์ตอบ
เธียรวิชญ์พึมพำในใจ “เชื่อผมแล้วยังถามเป็นสิบๆรอบ นี่มันไม่เชื่อกันชัดๆ!”
“รพีพงษ์ คุณไม่ต้องเครียดขนาดนี้ แค่คลอดลูกเอง ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด คุณผ่อนคลายสักหน่อยเถอะ” ชนิสรายิ้มพลางปลอบประโลมรพีพงษ์
“พี่สา คุณพูดถูก แต่ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่สบายใจตลอดเลย” รพีพงษ์ตอบกลับ
“ธรรมดา ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ แม้จะเป็นผู้ชายที่สงบ รออยู่ด้านนอกห้องคลอดของภรรยา ก็ต้องเครียด เดี๋ยวลูกคลอดออกมา แกจะโล่งใจเอง” ศักดายิ้มพลางกล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรแสดงออกว่าเครียดขนาดนี้ อย่าให้ลูกสาวเกิดมา แล้วขำตนได้
อืม ต้องนิ่งไว้หน่อย ต้องเริ่มตั้งแต่เกิด ให้เธอเห็นภาพพจน์พ่อที่เข้มงวด
ขณะนี้รพีพงษ์ได้เพ่งไปยังจารุณีที่พึมพำอยู่ที่ประตู แล้วเดินเข้าไป ถาม “คุณพึมพำอะไรตรงนี้?”
จารุณีหันหน้าไปหารพีพงษ์ ยิ้มพลางกล่าว “ฉันกำลังคิดอยู่ว่าอนาคตจะเรียกคุณว่าพ่อสามีหรือพี่ชายดี คุณว่าฉันควรจะเรียกคุณยังไงดี?”
รพีพงษ์มึน เขายังไม่ได้บอกจารุณีว่าตอนที่ตรวจครรภ์ได้รู้แล้วว่าเด็กในท้องเป็นผู้หยิง ดังนั้นหญิงสาวคนนี้คิดมาตลอดว่าเด็กในท้องคือผู้ชาย
และตามสัญญาที่รพีพงษ์ได้ให้เธอไว้ในตอนแรก ถ้าจารุณีจีบลูกชายของรพีพงษ์ รพีพงษ์ห้ามยุ่งเกี่ยว
“อะแห่ม ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าเป็นลูกชาย? ถ้าเป็นลูกสาวล่ะ ผมว่า คุณอย่ามัวแต่คิดเรื่องไร้สาระเหล่านี้เลย” รพีพงษ์กลัวว่าถ้าพุดความจริงกับจารุณีแล้ว เธอจะร้อนรอแล้วพุ่งเข้าไปในห้องทันที จึงเสนอแนะไป
จารุณีจ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ คุณหมายความว่าไง คุณจำไม่ยอมรับแล้วใช่ไหม? จะบอกให้นะ ฉันได้อิงตามเนื้อหาในอินเตอร์เน็ตตรวจดูพี่สะใภ้แล้ว ส่วนใหญ่จะไปทาง พี่สะใภัได้ลูกชาย”
รพีพงษ์อาย ไม่คาดคิดว่าจารุณีจะเชื่อหน้าเว็บเหล่านั้น หรือหน้าเว็บพวกนั้นจะน่าเชื่อถือกว่าหลักวิทยาศาสตร์อีกหรอ
“เหอะ จะบอกให้นะ รอให้ลูกชายคุณคลอดออกมาก่อน อย่าให้ฉันทำอะไร อนาคตรฉันจะเป็นภรรยาของเขา ไม่งั้นจะมั่วกันไปใหญ่” จารุณีพูดกับรพีพงษ์
รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ติดในใจว่าให้เธออยู่ในห้วงแห่งจินตนาการไปสักพักแล้วกัน รอให้คลอดลูกออกมา เธอก็จะได้รู้ว่าเนื้อหาบนอินเตอร์เน็ตนั้นไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์
ในขณะที่ทุกคนรออย่างกระวนกระวาย คนใช้ตระกูลลัดดาวัลย์คนหนึ่งวิ่งมา กล่าวอย่างเร่งรีบว่า “นายใหญ่ ด้านนอกมีคนที่เรียกตัวเองว่าแม่ยายจะบุกรุกเข้ามา พวกเราห้ามเธอเอาไว้ในสวน ท่านรีบไปดูหน่อยเถอะค่ะ” รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คนแรกที่นึกถึง ก็คือศศินัดดา
“ชั่งเป็นผู้หญิงที่บ้าจริงๆ หลอนยังจะมาหาเรื่องในวันคลอดลูกของอารีอีกหรือไง? คิดๆไปที่วันนั้นเลือกที่จะหย่านั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องจริงๆ” ศักดาก็เดาออกว่าเป็นใคร จึงได้กล่าวอย่างไม่พอใจออกมา
“ผมไปดูก่อนล่ะกัน พวกคุณรอที่นี่ ถ้าอารีคลอดแล้ว ต้องแรกผมเลยนะ” รพีพงษ์พูด แล้วเดินออกไปที่สวน
ทุกคนพยักหน้า
เดินเข้าไปในประตูแรกของสวน ศศินัดดาเผชิญหน้ากับการ์ดหลายคนของตระกูลลัดดาวัลย์อย่างบ้าคลั่ง สถานการณ์ตึงเครียด ดัมพ์รงค์ยืนอยู่บนหลังคา จ้องไปยังหญิงด้านล่างที่ไร้ซึ่งเหตุผล
“พวกแกออกไปนะ ฉันจะบอกอะไรให้ อารียาเป็นลูกสาวของฉัน เธอคลอดลูก ฉันมาดู ก็ไม่ผิดอะไร ใครก็ไม่มีทางขวางฉันได้!” ศศินัดดาตะคอกอย่างไม่มีเหตุผล
การืดเหล่านั้นจ้องไปที่ศศินัดดาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าคนที่จะบุกรุกเข้าไปเป็นคนอื่น พวกเขาลงมือไปนานแล้ว
แต่คนที่อยู่ข้างหน้านี้เป็นแม่ของอารียา พวกเขาไม่กล้าลงมือแต่อย่างใด ดังนั้นจึงทำได้เพียงขวางเธอไว้ตรงนี้
“แล้วพวกมึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่าไอ้สวะรพีพงษ์นั่นได้ตายไปแล้ว ตอนนี้ลูกสาวกูกุมอำนาจตระกูลลัดดาวัลย์ กูในฐานะแม่ของอารี พวกมึงต้องเคารพกูด้วยซิ ตอนนี้พวกมึงขวางกูไว้ ถ้าอารีรู้ เธอจะต้องจัดการพวกมึงแทนกูแน่ๆ!”
ตอนนี้ที่ศศินัดดากล้ามาเกียวโต ก็เพราะได้ยินว่ารพีพงษ์ได้ตายไปแล้ว เรื่องนี้โด่งดังในเกียวโต ที่เมืองริเวอร์ก็ไม่แพ้กัน
หลังจากที่เธอได้ยินแล้ว ก็รู้สึกว่าศัตรูตัวฉกาจของตัวเองได้หายไปแล้ว แล้วยังได้ยินมาว่าอารียาคือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์อีก เธอจึงได้รีบมาเพื่อเสพสุข
ศศินัดดาทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้ แต่สำหรับลูกสาวของตัวเองและไอ้สวะศักดานั่น เธอกล้าลงมือ ลูกสาวของตนชอบให้พูดดีๆ แค่เธอทำสักหน่อย อารียาก็ใจอ่อนแล้ว
ถึงเวลานั้นเธอก็ถือเป็นแม่ของผู้กุมอำนาจตระกูลอันดับหนึ่งของเกียวโต ครอบงำได้ง่าย
“รีบหลีกทางไปซะ รพีพงษ์ตายแล้ว ลูกสาวฉันใหญ่สุดที่นี่ ในฐานะที่เป็นแม่ พวกแกคิดว่าจะหาเรื่องฉันได้หรอ?”
ศศินัดดาพุมพำ จากนั้นก็จะเข้าไปด้านในให้ได้
“งั้นคงทำให้คุณผิดหวังแล้วแหละ ผมยังมีชีวิตอยู่” ในขณะเดียวกันนี้เอง เสียงของรพีพงษ์ก็ดังขึ้น
ศศินัดดาชะงัก รีบเงยหน้าขึ้นไปดู พบว่ารพีพงษ์กำลังเดินมาหาเธอ
เธองงมาก ความหวาดกลัวภายในใจของเธอที่มีต่อรพีพงษ์ก็เริ่มผุดขึ้นมา
“แก……ทำไมแกยังมีชีวิตอยู่ แกตายไปแล้วไม่ใช่หรอ?” ศศินัดดาเสียงสั่นคลอน
“คนอื่นพูดคุณก็เชื่อ? หรือคุณจะโดนคนทั้งโรงแรมหลอกมาแล้ว” รพีพงษ์ประชดประชัน
สีหน้าศศินัดดาดูไม่ดี จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็เป็นแม่ของอารี ไหนๆฉันก็มาแล้ว คงไม่ใช่จะไล่ฉันกลับไปหรอกนะ?”
“วันนี้เป็นวันที่อารีคลอดลูก ผมไม่อยากให้เกิดปัญหาใดๆขึ้น ดังนั้นคุณมาจากไหน ก็กลับไปทางนั้น มิเช่นนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
ศศินัดดาตาโต แล้วกล่าว “วันนี้อารีคลอดลูก? เรื่องใหญ่ขนาดนี้พวกแกไม่บอกฉัน พวกแกยังคิดว่าฉันเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้างไหม? ไม่ได้ วันนี้ฉันต้องเข้าไปให้ได้ ลูกสาวฉันคลอดลูก ฉันในฐานะที่เป็นแม่จะไม่อยู่ข้างๆลูกได้ไงกัน พวกแกรีบหลีกไปซะ คลอดลูกคือเรื่องใหญ่นะ ประสบการณ์ฉันเยอะ ให้พวกแกทำคลอดอารี ฉันไม่สบายใจ”
รพีพงษ์เอือมระอา หากให้เธอเข้าไปจริงๆ เขานั่นแหละที่จะไม่สบายใจ
“คุณรีบออกไปจากที่นี่ ผมไม่อยากพูดมาก” รพีพงษ์กล่าว
“รพีพงษ์ มีความเป็นมนุษย์หน่อยได้ไหม ลูกฉันคลอดลูก ทำไมแกไม่ให้ฉันเข้าไป!” ศศินัดดาตะโกน
รพีพงษ์บึนปาก แล้วกล่าว
“เพราะคุณไม่มีสิทธิ์