พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่691 ฉายาเทพมรณะ

บทที่691 ฉายาเทพมรณะ

บทที่691 ฉายาเทพมรณะ

ช่วงเวลาสองวันให้หลัง รพีพงษ์พักที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ผ่านชาลิสา สอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของที่นี่

สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน แต่เดิม เพื่อปกป้องคนจีนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาถูกรังแก ตอนแรกที่ผู้คนเริ่มสร้างไชน่าทาวน์ ชาวอเมริกาไม่ยินยอม มักจะมีคนมาหาเรื่องคนจีนตลอด

เพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติของชาวอเมริกา ดังนั้นจึงได้รวมกลุ่มกัน เป็นสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ประธานสมาคมในตอนนั้น คือคุณปู่ของชาลิสา

คนอเมริกาคิดเสมอว่าคนจีนสู้พวกเขาไม่ได้ มักจะคิดว่าตัวเองสูงส่ง เมื่อมาไชน่าทาวน์ทีไรก็จะรังแกคนทั่วไป แต่ตอนนี้ คนของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีนออกหน้า จัดการปัญหาง่ายๆ โดยการขึ้นชก

ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดศิลปะการต่อสู้โบราณ แม้ร่างกายของโศศุจไม่แข็งแรงเท่าคนอเมริกา แต่จะจัดการพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายดาย ดังนั้นเมื่อผ่านการต่อสู้มาหลายเวทีแล้ว คนอเมริกาก็รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของคนจีน จนกระทั่งปัจจุบันจึงมีคนจำนวนน้อยที่จะมาหาเรื่อง

เมืองริเวอร์นอกจากจะรับหน้าที่เป็นประธานสมาคมของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ในเวลาเดียวกันก็เปิดสำนักศิลปะการต่อสู้เช่นกัน สอนคนที่อยู่ที่ไชน่าทาวน์เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ให้พวกเขาได้สามารถป้องกันตัวเองได้

หลังจากที่รู้ความคิดของโศศุจที่มีต่อไชน่าทาวน์แล้วนั้น รพีพงษ์ก็รู้สึกนับถือ เพราะถ้าไม่มีเขาที่เป็นประธาน ไชน่าทาวน์ก็ไม่มีทางสงบแบบนี้ได้

ในช่วงเวลาสองวันนี้ ท่าทีของโศศุจที่มีต่อรพีพงษ์พูดได้ว่าดีจนผิดปกติ ในสายตาของโศศุจ รพีพงษ์เป็นคนที่มีพรสวรรค์นานๆจะเจอสักครั้ง แน่นอนว่าต้องดูแลเป็นอย่างดี

ในตอนแรกรพีพงษ์รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ ผ่านเป็นสักพักถึงได้รู้ว่าวัยรุ่นในไชน่าทาวน์ อายุช่วงยี่สิบกว่าถึงสามสิบกว่าปีแล้วมีความสามารถระดับเน่ยจิ้งชั้นต้น ทั้งหมดมีแค่สองคนเท่านั้น คนแรกคืออนันยช อีกคนคือพิชยะ

คนที่เหลือที่ฝีมือระดับนี้ ก็ล้วนสี่สิบปีขึ้น ถ้านับตามอายุล่ะก็ รพีพงษ์ถือเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างหาที่เปรียบมิได้

ท่าทีของชาลิสาที่มีต่อรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่เธอนับถือรพีพงษ์เป็นอย่างมาก ไม่เหมือนหญิงคนอื่นที่เมื่อเห็นคนเก่งก็จะเปลี่ยนไปเป็นบ้าผู้ชายคนนั้นไปเลย

ดูจากพื้นฐานาลิสาเป็นคนนิ่งสงบ

ช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ รพีพงษ์ได้เห็นลูกศิษย์ของโศศุจกำลังฝึกหมัดอยู่ในที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ขณะเดียวกันนี้ชาลิสาได้เดินไปข้างๆเขา แล้วกล่าว “ฉันคิดวิธีที่จะให้คุณสามารถประลองกับอนันยชบนเวทีได้แล้ว” รพีพงษ์ตาลุกวาว แล้วถาม “วิธีไหน?”

“ตามฉันมา” ชาลิสาไม่พูดออกมาโดยตรง แต่เดินไปที่ด้านนอกของสนามฝึกศิลปะการต่อสู้

รพีพงษ์รีบเดินตามไป ทั้งสองเดินไปที่ห้องสมุด ชาลิสาถือแฟ้มเอกสารมา แล้วยื่นให้รพีพงษ์

“ระยะนี้ตระกูลนิธิวรสกุลได้ปรากฏยอดฝีมือเน่ยจิ้งมาชุดหนึ่ง แต่เก่งกว่ายอดฝีมือธรรมดาอีก ฉันให้คนเฝ้าดูคนเหล่านี้ พบว่าที่พวกเขามีความสามารถขนาดนั้น น่าจะเรียนวิชาหายใจออกจากอนันยช อนันยชน่าจะใช้วิชาหายใจออกปรับเปลี่ยนมา

“แบบนี้ตระกูลนิธิวรสกุลก็จะมีคนที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอีกกลุ่ม แต่ก็ไม่ถึงขึ้นว่าเป็นยอดฝีมืออะไรขนาดนั้น ช่วงนี้ตระกูลนิธิวรสกุลได้พึ่งเหล่ายอดฝีมือพวกนี้ขยายอำนาจ”

เมื่อได้ยินคำพูดของชาลิสา รพีพงษ์ก็พยักหน้า ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ก่อนที่จะมาที่นี่ เขาได้เคยเจอกับจวัตว์และคนอื่นมาแล้ว ตอนนี้ดูๆไป อนันยชอยากจะพึ่งคนพวกนี้ ช่วยตระกูลนิธิวรสกุลเติบโตขึ้นอีกขึ้น

“และอนันยชอยากให้เหล่ายอดฝีมือพวกนี้ได้เผชิญการต่อสู้ จึงได้จัดให้คนเหล่านี้ประลองเวทีใต้ดินใกล้ๆย่านไชน่าทาวน์”

“ถ้าคุณไปเวทีใต้ดินนี้ได้ ชนะเหล่ายอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุลทั้งหมด อนันยชไม่มีทางนิ่งนอนใจแน่ๆ ไม่แน่พอถึงเวลานั้นเขาอาจจะขึ้นประลองบนเวทีกับคุณก็ได้ แน่นอน ว่าคุณจะแสดงตัวตนที่แท้จริงตอนขึ้นชกไม่ได้ มิเช่นนั้น ถ้าอนันยชรู้เป้าหมายของคุณ ไม่แน่เขาอาจจะเชิญอาจารย์เขามาฆ่าคุณเลยก็ได้นะ แม้แต่ตำรวจ ก็จัดการพวกปรมาจารย์เหล่านี้ไม่ได้”

รพีพงษ์เห็นด้วยกับคำพูดของชาลิสา ข้อได้เปรียบของเขาในตอนนี้ คือคนของตระกูลนิธิวรสกุลยังไม่รู้ว่าเขายังไม่ตาย แล้วยังมาอเมริกาอีก

ดังนั้นถ้ารพีพงษ์มีโอกาสก็จะใช้วิธีที่ง่ายที่สุด ในการฆ่าอนันยชทิ้งซะ

แต่ถ้าถูกอนันยชรู้เข้าว่าเขามาที่อเมริกา แล้วยังมีฝีมือเน่ยจิ้งอีกนั้น อนันยชไม่มีทางนิ่งเฉย แต่เขามีปรมาจารย์ ถ้าอนันยชขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ท่านี้ รพีพงษ์ก็ไม่มีทางล้างแค้นได้อีกแล้ว เพราะอาจารย์ของรพีพงษ์คงไม่มีทางมาอเมริกาเพราะรพีพงษ์แน่นอน

“วิธีนี้ได้อยู่ เวทีใต้ดินนั้นอยู่ที่ไหน คืนนี้ผมจะไปดู” รพีพงษ์ถาม

“ฉันจะไปเป็นเพื่อนคุณในคืนนี้” ชาลิสากล่าว

รพีพงษ์ไม่ปฏิเสธ หลังจากพยักหน้า ก็ดูเอกสารที่ชาลิสายื่นให้เขา เอกสารเหล่านี้เกี่ยวกับยอดฝีมือเหล่านั้นของตระกูลนิธิวรสกุล บนนั้นมีจุดที่ชาลิสาทำเครื่องหมายไว้ รพีพงษ์เห็นข้อความบนนั้น ก็อดหัวเราะไม่ได้

“คุณหัวเราะอะไร?” ชาลิสาถาม

“ไม่คาดคิดว่าคุณจะลายมือสวย” รพีพงษ์ตอบ

ชาลิสาชักตาใส่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ทำไม ฉันเหมือนคนที่เขียนลายมือไม่สวยหรอ?”

“เปล่าๆ ลายมือและตัวคุณสวยด้วยกันทั้งคู่” รพีพงษ์หัวเราะเสียงดัง แล้วรีบกล่าวต่อ

ชาลิสาไม่ได้ใส่สายตานิ่งสงบจ้องรพีพงษ์ แล้วพึมพำว่า “ปากหวานจริง ฉันใจกว้าง ไม่ถือสาคุณ”

……

กลางคืน ในผับที่อยู่ไม่ไกลจากไชน่าทาวน์

ขาลิสาและรพีพงษ์ทั้งสองเบียดเสียดเข้าไปในผับ เพราะรูปร่างของชาลิสาเป็นที่ดึงดูดของคนทั่วไป คนอเมริกาจำนวนไม่น้อยผิวปากให้เธอไม่หยุด บางคนก็เข้ามาจีบโดยตรง แต่ก็ถูกสายตานิ่งสงบของชาลิสาทำให้ตกใจหนีไป

ถึงด้านหน้าสุดของผับ มาถึงประตู ชาลิสายื่นมือไปผลัก ประตูนั้นถูกเปิดออก ทั้งสองเดินเข้าไป ได้ยินเสียงตะโกนที่ดังกว่าเสียงในผับเสียอีก

สถานที่นี้ก็คือสนามมวยใต้ดินที่ชาลิสากล่าวถึง

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การประลอง ก็เป็นสิ่งที่ผู้ชอบมากที่สุด ดังนั้นสนามมวยใต้ดินนี้ มีไม่น้อยในอเมริกา

ในมือของรพีพงษ์ถือหน้ากากเอาไว้ เป็นหน้ากากตัวเอกในการ์ตูน《เทพมรณะ》ในขณะที่มาที่นี่ รพีพงษ์ได้แวะซื้อข้างทาง

เมื่อเข้ามาที่สนามมวยใต้ดิน รพีพงษ์ได้ใส่หน้ากากไว้บนหัวของตัวเอง

“คุณบอกว่าการที่จะขึ้นชกที่นี่นั้น จะต้องมีฉายาไม่ใช่หรอ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฉายาของผม ก็คือเทพมรณะ” รพีพงษ์พูดกับชาลิสา

ชาลิสามองไปที่หน้ากากการ์ตูนบนใบหน้าของรพีพงษ์ แล้วมองบน กล่าว “หน่อมแน้ม”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท